ตอนที่ 1...
“อุ้ย!” แพรดาวสะดุ้ง จากที่นั่งยอง ๆ ก็รีบลุกขึ้นยืน แต่ด้วยความตกใจและไม่รู้ว่ารถยนต์ที่ใช้เป็นที่กำบังมีคนนั่งอยู่ข้างใน ตัวเลยโอนเอียงตั้งตรงไม่ได้ ดีที่เจ้าของรถคว้าแขนไว้ได้ แล้วยื่นกระดาษทิชชูให้เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“เช็ดสิครับ”
“ข... ขอบคุณค่ะ”
“ทำไมเอาแต่มองล่ะ” กันตพลพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ตอนที่ขับรถเข้ามาจอดในชั้นใต้ดินของสำนักงาน ดับเครื่องยนต์ไม่ถึงหนึ่งนาที หัวหน้าทีมฝ่ายการตลาดก็มายืนอยู่ข้างรถ พร้อมยกโทรศัพท์มือถือมาแอบถ่ายอะไรบางอย่าง
สายตาเลยมองตามไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง กำลังยืนคุยกับผู้หญิงด้วยความใกล้ชิด เมื่อหันกลับมามองแพรดาวที่แอบอยู่ข้างรถก็เห็นเธอถ่ายรูปสองคนนั้นพร้อมน้ำตา เลยเข้าใจแล้วว่าเธอกำลังถูกนอกใจ
“คือ...”
“ไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรครับ ผมแค่สงสัยว่าทำไมผู้หญิงที่เห็นแฟนนอกใจต่อหน้าต่อหน้าถึงอดทนได้ขนาดนี้... เช็ดอีกสิครับ” คราวนี้เขาส่งกระดาษทิชชูให้ทั้งกล่อง และเธอก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ
“ขอบคุณนะคะคุณกันต์” เธอส่งกล่องคืนให้เขาแล้วสบตาอีกฝ่าย หลังจากก้มหน้าไปร้องไห้อยู่หลายนาที
“คุณแพรไปหากาแฟกินสักแก้วก่อนประชุมก็ดีนะครับ ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง”
“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมี... แล้วค่ะ” เธอพูดจบก็คว้าแก้วกาแฟที่วางไว้ท้ายรถเขาเมื่อครู่
เจ้าของรถไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แค่ครุ่นคิดในใจว่านอกจากจะเป็นยานพาหนะ รถคันนี้ยังเป็นที่วางของของเธออีกด้วย
“ขอโทษนะคะที่วุ่นวายกับรถคุณกันต์”
“รู้เหรอครับว่าเป็นรถผม” เขาเลิกคิ้วสงสัย เพราะเพิ่งขับรถคันนี้มาทำงานเป็นครั้งแรก
แพรดาวส่ายหัว ก่อนจะสารภาพอาย ๆ “ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่ารถสีอะไร”
“มิน่าล่ะ”
“มิน่าล่ะ... อะไรเหรอคะ”
“มิน่าล่ะคุณถึงยืนขวางประตูรถผม”
“คุณกันต์นั่งอยู่ในรถนานแล้วเหรอคะ” เธอถามตาใส น้ำตาที่ยังคั่งค้างอยู่ในดวงตาสะท้อนกับแสงเป็นประกายเล็ก ๆ
“เปล่าครับ ผมเพิ่งจอดรถ แล้วกำลังจะเปิดประตู”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เจอกันตอนเก้าโมงนะครับ” กันตพลพูดจบเตรียมเดินต่อไป ยังมีอีกหลายอย่างให้ต้องเตรียมตัวก่อนประชุมเรื่องสำคัญ
“เดี๋ยวค่ะ”
“ครับ?” เขาปรายตามองนิ้วมือที่ดึงแขนเสื้อสูทไว้
“แพรมีเรื่องจะขอร้องค่ะ”
“ผมทำให้ได้เหรอครับ”
“ก็น่าจะได้นะคะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“อย่าบอกใครเรื่องที่คุณกันต์เห็นเมื่อกี้ได้ไหมคะ”
“เรื่องไหนครับ เรื่องที่คุณร้องไห้หรือเรื่องที่แฟนคุณมีคนชู้” ได้ร่วมงานกับเธอมาห้าปี เป็นเวลานานมากพอให้เขาถามอย่างตรงไปตรงมา
“ทั้งสองเรื่องเลยค่ะ”
“ครับ ผมไม่ได้คิดจะเล่าบอกใครอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะ” แพรดาวน้ำตาคลอที่เขารับปากอย่างง่ายดาย และเชื่อหมดใจว่ากันตพลจะทำตามที่พูด ตั้งแต่รู้จักกันในฐานะเจ้าของบริษัทและพนักงานใต้ปกครอง เขาไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครเลย
“หยุดร้องไห้ได้แล้วนะครับ เจอกันที่ห้องประชุม” เขาวางกล่องกระดาษทิชชูบนมือแพรดาว เก็บความสงสัยไว้ในใจว่าทำไมเธอถึงใจเย็นขนาดนี้ เป็นคนอื่นคงเข้าไปต่อว่าคนรักด้วยความโมโห ไม่ปล่อยให้เรื่องผ่านไปอย่างลอยนวลแบบที่เธอทำ ทั้ง ๆ ที่เห็นเต็มสองตา
ด้านหญิงสาวที่ถูกแฟนหักหลังต่อหน้าต่อตาแต่ไม่ทำอะไร รีบดึงทิชชูมารองน้ำตาไว้ก่อนที่มันจะไหลลงมาอีกครั้ง เธอสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา บอกตัวเองให้ใจเย็น แม้อยากจะเข้าไปต่อยคนทรยศสักสิบหมัดก็ตาม
“สวัสดีครับ”
เมื่อถึงเวลาเริ่มประชุม กันตพลทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท และเป็นรอยยิ้มที่ใคร ๆ ก็จ้องมองตาไม่กะพริบเพราะเป็นสิ่งที่หาชมได้ยาก เหมือนปลาวาฬกลางมหาสมุทรที่นาน ๆ ทีจะออกมาอวดโฉมให้ท้องฟ้าได้เห็น
“ถ้ามากันครบแล้ว ผมเริ่มประชุมเลยนะครับ เริ่มที่ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์เลยครับ” เขาปรายตาไปทั่วห้องกระจก สบตากับตัวแทนจากแผนกต่าง ๆ ในบริษัทผลิตเครื่องดื่มและอาหารที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ก่อนจะลอบมองแพรดาวเพื่อดูว่ากลับมาเป็นปกติหรือยัง ทว่าแม้ใบหน้าจะไร้น้ำตา แต่ไม่มีความสดใสอยู่ในแววตาคู่นั้นเลย
หัวข้อประชุมสำคัญวันนี้คือต้องเลือกแผนการตลาดที่จะนำมาใช้กับสินค้า แต่ก่อนเข้าเรื่องสำคัญ เขาก็ฟังอัปเดตงานอื่น ๆ ที่ต้องแก้ไข เมื่อเรื่องยิบย่อยเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาของเรื่องหลัก
“ต่อไปเป็นฝ่ายการตลาดเลยแล้วกันครับ” เขามองแพรดาวสลับกับเจตริน ซึ่งทั้งสองเป็นหัวหน้าทีมการตลาดทีมเอและทีมบีเพื่อเลือกว่าจะให้ใครนำเสนอก่อน
“เชิญคุณเจตก่อนเลยครับ”
“ครับคุณกันต์” เจตรินตอบรับอย่างรวดเร็ว
ด้วยความรับผิดชอบที่ต้องแข่งขันกับแพรดาวอยู่เสมอ การได้นำเสนอก่อนจึงเป็นข้อได้เปรียบ หากมีจุดไหนที่คล้ายคลึงกัน คนฟังก็จะคล้อยตามว่าทีมของเขาเป็นฝ่ายคิดค้นขึ้นมาก่อนตามสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่เขาหารู้ไม่ว่าเหตุผลของกันตพล คือการให้เวลาแพรดาวที่เพิ่งผ่านเรื่องเศร้ามาหมาด ๆ ได้ตั้งสติและมีสมาธิก่อนนำเสนองาน
“สวัสดีครับทุกคน เจตจากฝ่ายการตลาดทีมเอนะครับ จากการประชุมครั้งที่แล้วได้รับโจทย์ให้วางแผนทำการตลาดสำหรับสินค้าใหม่ของบริษัท ทีมของผมเลือกที่ใช้คอนเซปต์ ‘ความธรรมดาที่แสนพิเศษ’ ครับ”
เจตรินบอกอย่างมั่นใจตามนิสัยที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ทว่าในขณะที่เขาเริ่มนำเสนองานอย่างมั่นใจ แพรดาวเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจที่คราวนี้คอนเซปต์คล้ายกัน ระหว่างฟังเขานำเสนอก็แน่ใจว่านี่คงเป็นอีกครั้งที่ต้องฟาดฟันด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาชนะใจผู้บริหาร การประชุมวันนี้จึงท้าทายกว่าที่เคย
“ขอบคุณมากครับคุณเจต เป็นแผนงานที่น่าสนใจมากครับ แต่ผมขอเปรียบเทียบกับแผนงานของทีมบีก่อนนะครับ” กันตพลขอบคุณด้วยรอยยิ้ม การทำงานของเจตรินเป็นที่น่าพอใจเสมอ มาตรฐานที่ไม่เคยลดลง ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้ผิดหวัง แต่ถามว่าโดนใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า ก็ต้องตอบตรง ๆ ว่าไม่
ทว่าเมื่อจะหันไปบอกให้แพรดาวมานำเสนองาน กลับเห็นว่าเธอน้ำตาคลอเบ้าและรีบปาดน้ำตา เลยเปลี่ยนความคิดกะทันหัน
“ผมขอพัก 15 นาทีนะครับ พอดีวันนี้ผมปวดท้องครับ” ผู้บริหารไม่พูดเปล่า เขาวางมือลูบท้องแล้วเดินออกจากห้องประชุม โดยมีเลขาฝีมือดีก้าวเท้าตามไปติด ๆ