ณ สถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งแสงสีจากไฟสาดส่องพาให้เวียนหัวหมุน ผสมด้วยความมึนเมาจากพิษแอลกอฮอล์ยิ่งกล่อมให้นักเที่ยวคออ่อนล้มพับลงนอนอย่างช่วยไม่ได้ เสียงดนตรีอึกทึกจนทำให้ผู้คนที่ต้องการสนทนาพากันตะโดนใส่กันจนคอแทบแตก
“เสี่ยขา ไม่มาตั้งนานน้องเจแอนคิดถึงแทบแย่” สาวสวยในชุดเดรสสีแดงรัดรูป นั่งลงบนตักของผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มพร้อมทั้งซบหน้าลงซุกไซร้เคล้าไปกับคำพูดออดอ้อน การกระทำแบบนี้คงไม่ต้องให้อธิบายกันมากว่าเธอประกอบอาชีพไหน
“กูไม่ค่อยว่าง ออกไป ร้อน!!” คนถูกอ้อนตะคอกใส่อย่างอารมณ์เสีย จนสาวสวยต้องถอยตัวลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาอีกตัว เจแอนเป็นตัวท็อปของที่นี่แต่วันนี้เธอไม่ใช่เป้าหมายของ “อคิราห์” เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ เป้าหมายของเขาในคืนนี้เป็นแม่สาวนักเที่ยว สูงยาว ผมทองที่ยืนเต้นยั่วยวนเขาอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์นั้นต่าหาก
“ไปทำงานของมึงไป”
“แต่…” “หรือมึงอยากจะหาที่ทำงานใหม่”
“มะ ไม่ค่ะ” เมื่อถูกขับไล่ด้วยวิธีนี้แม่ดาวผับก็ลุกหนีออกไปหาลูกค้าทันที ส่วนตาคมดุดันก็เอาแต่จ้องเรือนร่างที่เต้นโล้อยู่กับเสียงดนตรีปรานจะกลืนกินเสียให้ได้
“ปกติมานี่มึงต้องคั่วกับน้องเจแอนนี่ว่า ทำไมวันนี้ถึงไล่น้องเค้าอย่างกับหมูกับหมาล่ะวะ” ธีสิส เพื่อนสนิทของอคิราห์ถามขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปยกขวดเหล้าขึ้นมาเทลงคง
“วันนี้กูเจอคนที่น่าสนใจกว่าน่ะสิวะ” เขาว่าทั้งที่ตายังคงจดจ้องอยู่กับแม่สาวผมทองสุดเซ็กซี่ หากคืนนี้ไม่ได้หิ้วเธอกลับไปกิน อคิราห์นักล่าคงเป็นเพียงชื่อที่ไม่มีอยู่จริง
“คนนั้นน่ะเหรอ” ธีสิสหันไปยังปลายทางของสายตาเพื่อนสนิทก่อนจะถามขึ้นตามที่คาดเดาเอาเอง
“เออ ยิ่งมองยิ่งหิว”
“มึงจะเอากลับไปกินที่บ้านเหรอวะ”
“กูไม่ชอบไปที่อื่น ทำไมกูจะไปเอากันที่ไหนแล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย”
“กูสงสารน้ำหอมเค้าน่ะ แค่มึงเอาคนอื่นไปนอนมันก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว นี่มึงเล่นเอาไปนอนบนเตียงที่มึงนอนกับเค้า”
“อีหอมมันยังไม่ว่าอะไรเลย มึงมาเดือดร้อนอะไรด้วย” น้ำหอมที่ทุกคนกำลังพูดถึงกันอยู่นี้คือผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างอคิราห์มาตั้งแต่เขายังไม่มีอะไร เด็กสาวกำพร้าที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นแม้จะรู้ตัวว่าอคิราห์ไม่ได้รักแต่ที่พึ่งเดียวที่เธอมีก็มีเพียงเขาเท่านั้น อคิราห์เองที่เก็บน้ำหอมไว้ก็เพราะความดีที่เธอทำให้ทั้งนั้น ผู้หญิงคนอื่นมีเพียงเซ็กส์ที่มอบความสุขให้กับเขาได้ แต่น้ำหอมทำทุกอย่างที่คนเป็นเมียจะทำให้ได้ แม้ในวันนี้จะมีทุกอย่างหนาที่ดูแลบ้านและจัดการความเรียบร้อยต่างๆ ก็ยังเป็นน้ำหอมที่ดูแลเหมือนเดิม แต่ถึงเธอจะดีแสนดีเพียงใดความดีก็ไม่อาจเอาชนะใจของคนอย่างเขาได้ เรื่องผู้หญิงเป็นเรื่องที่แสนจะเจ็บช้ำ ยิ่งนานวันความเกรงใจก็ยิ่งลดน้อยลงทุกที แต่ก่อนพามาก็ไปนอนกันห้องอื่น ทุกวันนี้พาใครมากลับเป็นเจ้าของบ้านที่ต้องออกไปนอนอีกห้อง คำว่าเมียที่ถืออยู่ไม่มีค่าอะไรเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงต้องลุกขึ้นกลางดึก ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่เห็นดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจที่ด้านชา
“หอม คืนนี้มึง…”
“หอมรู้” อคิราห์ไม่ทันได้พูดจบคนในห้อก็เดินสวนออกมาพร้อมกับแทรกขึ้นกลางประโยค ดวงตากลมโตร้อนผ่าว ครั้งแล้วครั้งเล่ากับเรื่องนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่เคยได้ เคยทะเลาะกันอยู่ครั้งหนึ่ง รุนแรงถึงขั้นถูกคนเป็นผัวตบตี แล้วอย่างนี้ใครจะอยากพูดให้เจ็บตัวทนได้ก็ทนกันไป
“เมียพี่เหรอ” สาวผมทองที่มากับอคิราห์ถามขึ้นด้วยความสงสัย จะว่าแปลกมันก็ไม่เชิง ถ้าไม่ใช่เมียทำไมมานอนในห้องนอน แล้วถ้าเป็นเมีย ทำไมไม่โกรธไม่โมโหเลยสักนิด
“ทำไม มาถึงขนาดนี้จะกลับแค่เพราะพี่มีเมียแล้วหรือไง”
“หนูไม่มีปัญหาหรอก คืนเดียวแล้วก็แยกกันไป แต่เมียพี่จะไม่เอาปืนมายิงหนูใช่มั้ย”
“มันไม่กล้าหรอกน่า มาเร็วเสียอารมณ์”
“แล้วเค้าไปนอนไหน”
“เออ ช่างหัวมันเถอะใครมามันก็ออกไปนอนที่ของมัน หนูอะมานี่” มือหนาดึงร่างระหงเข้าไปในห้องอย่างอดใจไม่ไหว กลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นน้ำหอมแสนหอมหวานปลุกเร้าอารมณ์เสือป่าได้เป็นอย่างดี
“อื้อ…” งานชำนาญ งานถนัดของเขาล่ะ ไม่ว่าใครหน้าไหนที่โดนลิ้นโลมเลียไปบนเรือนร่างเป็นต้องร้องครวญครางทุกราย มือเรียวได้แต่กำแน่นอยู่ที่หมอน ดวงหน้านวลฟุบลงบนหมอนเพื่อซับน้ำตา เสียงแห่งความสุขสันต์ดังแว่วมาจากห้องนอนตัวเอง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผัวก็กำลังเริงรักอยู่กับคนอื่น เธอควรจะชินชาไม่ใช่หรือไง คืนแล้วคืนเล่าที่ต้องทนนอนฟังเสียงครางจากผู้หญิงคนอื่นจากการกระทำอย่างว่าของผัวตัวเองคืนนี้ถือว่าไม่เท่าไหร่บางคืนมากันเป็นโขยงร้องกันเกรียวกราว ค่ำคืนแสนยาวนานผ่านพ้นไปอย่างเจ็บปวด กว่าจะคล้อยหลับไปก็ใกล้จะสิ้นคืนแล้วรู้ตัวอีกทีก็ต้องตื่นขึ้นมาทำกับข้าวตอนเช้าสำหรับทุกคนในบ้านรวมไปถึงแขกของอคิราห์เมื่อคืนนี้แล้ว
“ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” เสียงของแขกไม่ได้รับเชิญดังมาจากทางบันใดของบ้าน สายตาเย็นชาหันไปมองเพียงแวบเดียวก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับข้าวต้มบนโต๊ะอาหาร
“เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย” เสียงทุ้มดังตามมาหลังจากผู้หญิงผมทองนั่งลงบนเก้าอี้ได้เพียงแป็บเดียว
“ถามเจสซี่ หรือถามเมียพี่” สาวผมทองหันไปถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ก็ต้องถามเจสสิคะ เมียพี่เค้าหลับสบายของเค้าทุกคืนนั่นแหละ” คนถูกพูดถึงได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรตอบ เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าความรู้สึกของเธอจะเป็นอย่างไร ถ้าเขาแคร์สักนิดก็คงรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะรับได้
“หลับสบายสิคะ ก็พี่เล่นซะจนเจสหมดแรงขนาดนั้น กว่าจะได้นอนกันก็เอาจนหมดคืน”
ตึง!!
เสียงเก้าอี้ที่ถูกผลักออก ก่อนร่างบางจะลุกขึ้นยืนดังจนทำให้คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่หันมามองด้วยความตกใจ ผู้หญิงคนหนึ่งจะทนฟังเรื่องพันนี้ได้นานแค่ไหน หนึ่งนาที หนึ่งชั่วโมง หนึ่งปี หรือ….นานจนจำไม่ได้แล้ว อย่างที่น้ำหอมทนอยู่ตอนนี้
“เป็นอะไรของมึง” อคิราห์ถามเสียงเข้ม สีหน้าดูจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ ตรงข้ามกับแม่เจสซี่ผมทองที่ดูจะตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายก็แสดงความรู้สึกออกมาจนได้สินะ คิดว่าจะทนได้นานกว่านี้ซะอีก
“เราคุยกันดังเกินไปหรือเปล่าคะ เมียพี่คงจะรำคาญ”
“มึงเป็นอะไรอีหอม!!” อคิราห์ลุกขึ้นแล้วตรงเข้ามาหาร่างเล็กที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่โต้ตอบอะไร
“กูถามทำไมมึงไม่ตอบ!!” มือหนาคว้าแขนทั้งสองของน้ำหอมไปข้างอย่างแรง พร้อมกับเขย่าถามจะเอาคำตอบ
“หอมเบื่อ!!! เหนื่อยที่จะต้องมาทนดูพี่พาคนอื่นมานอนแบบนี้”
“เราคุยกันแล้วนี่ ว่ากูแค่พามานอนเป็นครั้งคราว มึงจะอะไรวะ”
“แล้วถ้าหอมพาคนอื่นมาบ้างพี่จะรู้สึกยังไง” คนถูกถามยืนนิ่งจ้องมองแววตาที่จดจ้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว ไร้ซึ่งแววตาของน้ำหอมเด็กสาวแสนอ่อนโยนที่อยู่กับเขาเสมอมา
เพี๊ยะ!!
มือหน้าฟาดลงที่แก้มนวลเต็มแรง มันแรงพอที่จะทำให้ร่างเล็กๆ กระเด็นลงไปกองอยู่ที่พื้น เลือดสีแดงฉานไหลลองมาจากปากเรียวเล็ก ความรู้สึกชาวืดเริ่มจางหายกลายเป้นความเจ็บจากแก้มฉาบลงไปถึงกลางอกซ้าย
“อยากเป็นกระหรี่นักเหรออีหอม กูไม่นอนด้วยมันคันนักหรือไง” คำพูดดูถูกเหยียดหยามดัง ก้องอยู่ในหูของคนที่ไม่ควรจะถูกกระทำด้วยซ้ำ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นเขาต่างหากที่ผิดเต็มๆ แล้วยังมาพาลเหมือนว่าตัวเองถูกอย่างหน้าด้านๆ
“เจส ขอตัวกลับก่อนนะคะ” คนนอกอย่างแม่สาววันไนท์สแตนแม้จะสะใจอยู่น้อยๆ ที่ได้เห็นภาพผัวเมียทะเลาะกันแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะรุนแรงถึงขึ้นตบตีกันแบบนี้
“ไม่แดกแม่งแล้วเหี้ยเอ้ย!!”
เพล้ง!!
ถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะถูกปัดลงมาแตกกระจายอยู่บนพื้น ร่างเล็กที่ยังคงนั่งคอตกอยู่ที่พื้นก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
“ฮึก ฮือ….” เสียงสะอื้นค่อยๆ ดังขึ้นเมื่อทุกคนเดินออกไป
“ฮือ!!!” มือเล็กๆ กำหมัดแล้วทุบลงที่พื้นอย่างบ้างคลั่ง ความเจ็บที่มือยังไม่มากเท่าความเจ็บที่ยังชาบนแก้ม ความเจ็บที่ได้รับจากคนที่สละให้ทั้งตัวทั้งใจ ทั้งศักดิศรี แต่กลับไม่ได้อะไรคืนมาเลย หลายครั้งเหลือเกินที่เธอมีความคิดว่าถ้าหยุดรักคนเลวแบบนี้ไม่ได้ ความตายคงเป็นทางเดียวที่จะพาเธออกไปจากความเจ็บปวดนี้ หลังจากทะเลาะกับน้ำหอมที่เดียวที่อคิราห์จะเลือกไปก็คือบ้านของธีสิส ทันทีที่เจ้าของบ้านเปิดรับคนอารมณ์เสียก็จะเดินตรงเข้าไปที่เคาท์เตอร์ภายในบ้าน ค้นเอาเหล้าออกมาดื่มราวคนกระหายน้ำ
“มาแบบนี้ทะเลาะกับน้ำหอมมาอีกล่ะสิ” เจ้าของบ้านชินชากับท่าทางของเขาเสียแล้ว ไม่ว่าจะทะเลาะกันมากี่ครั้ง มาถึงเพื่อนสนิทของเขาก็ตรงมาหยิบเหล้าออกมากินราวกับเป็นบ้านตัวเองทุกที
“เออ กูเบื่อแม่งงี่เง่า”
“งี่เง่าอะไรวะ ไม่ใช่ว่ามึงพาใครไปนอนจนเค้าต้องไปนอนห้องอื่นใช่มั้ย”
“เออ ปกติไม่เห็นมันจะเป็นเหี้ยอะไรเลย วันนี้แม่งมาทำบึงบังใส่กูเลยตบแม่งคว่ำเลย”
“ไอ้เหี้ยอคิน มึงผิดนะเว้ย”
“กูผิดอะไร มึงไม่รู้หรอกว่ามันพูดอะไรกับกู”
“พูดอะไร”
“มันบอกถ้ามันเอากับคนอื่นบ้านกูจะทำไง”
“มึงก็เลยตบเค้า?”
“เออ ก็กูไม่ชอบ กูให้มันอยู่ในบ้านเป็นเมียกุก็บุญหัวมันเท่าไหร่แล้ว ไม่มีกูใครจะเอามัน” ธีสิสได้แต่ถอนหายใจกับความโง่เขลาของเพื่อน เขารู้ดีว่าอคิราห์นั้นก็รักน้ำหอมไม่ได้น้อยไปกว่าที่น้ำหอมรักเขาเลย แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาหยุดที่เธอไม่ได้ “มึงลองคิดดูเล่นๆ ดิ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มึงจะทำไงวะ ถ้าเค้าจะไปจริงๆ ถ้ามีคนที่รักน้ำหอมเค้าจริงๆ รักมากพอที่จะทำให้เค้าตัดใจจากมึงได้”
“ไม่มีทางอย่างอีหอมมันจะไปไหนได้ มันรักกูจะตาย” คนถูกถามนิ่งไปแป็บหนึ่งก่อนจะตอบ แม้คำพูดจะดูมั่นใจ แต่ในใจก็แอบหวั่นไปตามคำพูดของเพื่อนอยู่เล็กน้อย
“ของตายมันไม่มีอยู่จริงหรอกอะอคิน วันนึงเค้าก็ทนไม่ได้ กูบอกกับมึงกี่รอบแล้วว่าสิ่งที่มึงทำไม่มีผู้หญิงหน้าไหนทนได้หรอก”
“ก็อีหอมไง”
“ก็เพราะเค้ารักมึงไง ถ้ามึงรักเค้ามึงก็แคร์เค้าบ้าง อย่างน้อยจะมีใครก็อย่าพาไปให้เค้าเห็นเลย” อคินนิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมกับคิดตามคำพูดที่เพื่อนบอก
“วันนี้มึงอาจจะไม่รู้สึกอะไร วันไหนเค้าไปแล้วมึงจะรู้สึก กูบอกได้แค่นี้แหละ” ในขณะที่อีกฝ่ายเย็นลงแล้วอีกฝ่ายที่ไม่ได้รับคำปลอบโยนจากใครกำลังจมอยู่กับความเจ็บปวด คำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายกำลังดึงอีกคนลงสู่ความมืดอย่างไร้ที่พึ่งพา ความรู้สึกของคนถูกทิ้งกำลังคลอบงำผู้หญิงตัวเล็กๆ และพาเธอไปสู่ความคิดด้านมืด กี่ครั้งแล้วที่ถูกทิ้งให้รออย่างไม่มีหวัง กี่ครั้งที่ไม่ว่าทำอะไรให้ก็ถูกมองข้าม กี่ปีแล้วที่วันสำคัญไม่ได้รับความสำคัญ ของขวัญชิ้นสุดท้ายเขาให้มาตั้งแต่เมื่อไหร่พยายามนึกยังนึกไม่ออกเลย
“ระวังตกลงไปนะ” เสียงปริศนาดังขึ้นในขณะที่ร่างบางยืนจ้องมองผิวน้ำเงียบสงบ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่อาบอยู่บนแก้มก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนแปลกหน้า
“เศร้าอยู่ล่ะสิ มีอะไรอยากจะระบายหรือเปล่า” คนแปลกหน้าเดินตรงเข้ามาหาร่างบางที่ริมน้ำอย่างช้าๆ
“คุณเป็นใครคะ ทำไมถึงได้….”
“ฉันก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว เธอต่างหากมาทำอะไรที่นี่”
“ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมา เดินเล่นเฉยๆ” น้ำหอมตอบกับผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ที่นี่เปลี่ยวจะตาย ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว เห็นมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่ ไม่สบายใจอะไรมาเหรอ เล่าให้ฉันฟังได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว”
“ตั้งใจมาฆ่าตัวตายใช่ไหม” จังหวะที่น้ำหอมกำลังหมุนตัวจะเดินกลับเสียงของผู้หญิงแปลกหน้าที่ถามขึ้นทำให้น้ำหอมต้องชะงักและหันกลับไปหาเธออีกครั้ง
“ทำไม…”
“ทำไมฉันถึงรู้น่ะเหรอ หึ…” เรียวปากสวยกระตุกยิ้มก่อนจะก้าวเข้ามากระซิบบอกกับน้ำหอมว่า
“คนมาฆ่าตัวตายที่นี่บ่อยจะตาย” หลังจากพูดจบประโยคผู้หญิงตรงหน้าก็สลายหายวับไปต่อหน้าต่อตา น้ำหอมสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ แววตาหวาดกลัวกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาว่าเธอหายไปไหน แต่มีเพียงความมืดและความว่างเปล่าเท่านั้นที่เธอมองเห็น ตึ้ง เสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้นทำให้ความสนใจถูกดึงไปที่หน้าจอมือถือ
“คืนนี้กูไม่กลับ ไม่ต้องสาระแนรอ” ข้อความที่จุดชนวนความน้อยใจพาความรู้สึกดำมืดแสนเศร้าโศกให้กลับมาอีกครั้ง มือที่ถือโทรศัพท์สั่นริกด้วยความโกรธ ในใจของคนที่กำลังอยู่ในจุดที่ต่ำขนาดนี้คิดได้เพียงว่าทำอย่างไรก็ได้ให้พาตัวเองออกไปจากความรู้สึกแย่ๆ นี้เสียที ตูม!!! โทรศัพท์ถูกปาลงไปในน้ำและจมหายไปในเวลาเสี้ยววินาที น้ำหอมจ้องดูผิวน้ำที่นิ่งสงบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้าหอมตายไป พี่จะเสียใจบ้างหรือเปล่า”
ตูม!!!
คำถามถูกถามขึ้นเพียงไม่กี่วินาที คำตอบก็ดังขึ้นในใจของคนถาม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจกระโดดลงไปในน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวอยู่ที่ด้านล่าง แรงของน้ำพัดเอาร่างบางให้จมลงสู่พื้นดินใต้น้ำ ลมหายใจค่อยๆ หายไปมือที่ตะเกียกตะกายเพื่อจะโผล่ขึ้นจากน้ำไปหาอากาศคว้าได้แต่ของเหลวที่ไม่สามารถดึงเธอขึ้นสู่ผิวน้ำได้ วินาทีสุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจ น้ำหอมลืมตาขึ้นมาพบกับผู้หญิงที่เธอคุยด้วยเมื่อสักพัก ทุกอย่างบอกกับเธอว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนแน่ๆ
“มึงอยากกลับขึ้นไปมั้ย กูช่วยมึงได้นะ” เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นมาในหู ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอยู่ในน้ำจะพูดคุยกันได้
“ทำไมเราถึง….”
“มึงกำลังจะตาย มึงอยากรอดมั้ย” น้ำหอมตกใจเมื่ออีกฝ่ายรับรู้ความคิดของตนทั้งที่ยังไม่ได้พูดออกไป แต่คำถามก็แทรกเข้ามาในสมองของเธอเช่นกัน
“ถ้าต้องกลับไปทนอยู่กับคนเลวๆ อย่างพี่อคิน ฉันขอตายดีกว่า….” เมื่อคำถามได้รับคำตอบทุกอย่างก็สงบลง ความรู้สึกอึดอัดจากการขาดอากาศ ความเหน็บหนาวของน้ำ หรือแม้แต่…ความเจ็บปวดที่ใจ