เสียงนาฬิกาปลุกดังอึกทึกแต่ไม่ได้สะทกสะท้านตัวคนตั้งเลย อคิราห์เสียอีกที่ต้องเป็นคนที่ตื่นขึ้นมาเพื่อปิดเสียงปลุกที่แสนน่ารำคาญ ร่างสูงเดินกลับมาที่เตียงและนอนลงเคียงข้างร่างเล็กๆ ที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาจ้องมองดูใบหน้าไร้เดียงสาของภรรยานานแค่ไหนกันที่เขาไม่ได้สนใจเธอเลย นานมากจริงๆ ที่เขาไม่เคยตื่นทันน้ำหอมลุกออกไปทำกับข้าว
“มองเหี้ยอะไร” ไม่นานความเพลิดเพลินขอการเชยชมความอ่อนโยนก็สิ้นสุดลงเมื่อดวงตาแสนดุดันเปิดขึ้น
“กูมองเมียตัวเองมันผิดหรือไง”
“กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไร ก็แค่ถามว่ามองอะไร”
“ปกติหอมเค้าจะลุกไปทำกับข้าวตอนเช้า วันนี้แม่ครัวคงรอแย่เดี๋ยวกูลงไปบอกให้เค้าทำกันเอง”
“นี่อีหอมมันเป็นเมียมึงหรือเป็นคนใช้กันแน่วะ”
“หอมเค้าเป็นแม่บ้านแม่เรือน”
“ดีขนาดนี้แล้วมึงยังไม่เห็นหัวมันเลย ไม่รู้จะทำดีไปทำไม” คำพูดประชดประชันบาดลึกลงสู่แกนหัวใจของซาตานร้าย นอกเหนือจากร่างกายที่เป็นของน้ำหอม ก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ที่จะบอกว่าเธอคนนี้เป็นนำหอมที่เขารู้จัก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วทั้งอคิราห์และน้ำหอมก็ลงมาทานอาหารเช้าแล้วเตรียมตัวออกไปซื้อข้าวของด้วยกัน
“จะไปไหนดี” คนขับหันไปถามภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไปห้างใหญ่ๆ แถวหน้าขอประเทศ”
“หัวสูงนักนะมึง”
“ไม่รู้จิตสำนึกมันบอกมาแบบนั้น” แม้จะพูดแบบนั้นแต่อคิราห์ก็ขับรถพาภรรยาของเขาตรงไปยังจุดหมายที่เธอบอก เมื่อไปถึงน้ำหอมก็ช็อปแหลกช็อปกระจาย ซื้อสมกับเป็นคนที่ตายไปเป็นปีปี
“มึงจะซื้ออะไรเยอะแยะ เอาที่แค่จะใช้ก่อนได้มั้ย” อคิราห์กระซิบบอกกับคนตัวเล็กที่เอาแต่ซื้อๆๆ จนเขาแทบจะถือของไม่ไหว
“เกิดจะงกอะไรขึ้นมา มึงรวยจะตายแค่นี้ขนหน้าแข้งมึงไม่ร่วงหรอกน่า”
“กูไม่ได้งก แต่มึงซื้อเยอะเกินไปแล้ว ค่อยมาซื้อวันหลังไม่ได้หรือไง”
“กูอยากซื้อวันนี้ ตอนนี้”
“กูมีธุระต้องไปทำ กูรีบเข้าใจมั้ย”
“รีบก็ไปสิ เดี๋ยวกูก็หาทางกลับเองได้นั่นแหละ” คนตัวเล็กทำไม่รู้ไม่ชี้เดินเลือกข้าวของต่ออย่างไม่สนใจใยดีคนหิ้วของแม้แต่น้อย
“แล้วของพวกนี้มึงจะเอากลับยังไง”
“มึงก็เอาใส่รถไปด้วยสิ อย่าโง่”
“น้ำหอม!!”
เขาทำได้แค่แยกเขี้ยวยิงฟันใส่แม้จะโมโหแค่ไหนก็ตาม เพราะตอนที่รู้เรื่องการตายของน้ำหอม เขาสาบานกับตัวเองไว้ว่าหากสิ่งใดก็ตามพาน้ำหอมกลับมาหายใจอีกครั้ง เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บอีกไม่ว่าจะกายหรือใจ
“ตามใจมึงนะ กูจะไปทำธุระของกูแล้ว” หลังจากเดินตามอยู่สักพักอคิราห์ก็ตัดสินใจได้ว่าควรเลือกที่จะไปทำงานทำการ ดูๆ ไปแล้วน้ำหอมก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะหาทางกลับไม่ได้
“จะไปก็ไป แต่เอาตังไว้ให้ด้วย”
“ห้ะ”
“เงินไง ก็กูไม่มีเงินจะให้กูไปเอาจากที่ไหนถ้าไม่ขอมึง”
“มึงจะเอาไปทำอะไร”
“มันเป็นคำถามที่ควรถามเหรอ เวลาที่เมียขอเงินน่ะ”
“ก็กูอยากรู้ว่ามึงจะเอาไปทำอะไร”
“เวลาเมียขอเงินคำถามที่ถูกต้องคือจะเอาเท่าไหร่แล้วก็ให้มาตามที่ขอ เอาไปทำอะไรนี่มันไม่ควรถาม”
“ก็กูอยากรู้เสื้อผ้ามึงก็ซื้อตั้งเยอะแยะแล้ว ไหนจะรองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง มึงซื้อจนก็ถือไม่ไหว มึงจะยังต้องซื้ออะไรอีกวะ”
“เอาน่าให้ๆ มาก็จบ” อคินถอนหายใจเอือมระอากับเมียคนนี้เหลือทน ทำไมเทพเจ้าไม่ส่งน้ำหอมคนเดิมกลับมานะ น้ำหอมที่อ่อนโยน อ่อนหวานกว่าอีผีบ้านี่
“นี่บัตรในนี้มีเงินพอประมาณ รหัสก็ XXXXXX อยากจะเอาอะไรก็กดเอา กูไปละ” คิดว่าการฝากปลาย่างไว้กับแมวคงเป็นสุภาษิตที่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มากที่สุดทันทีที่อคิราห์เดินหายลับตาไปกับผู้คนน้ำหอมก็เริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำทันที
-บ้านธีสิส-
ธุระที่อคิราห์บอกก็คือการมาระบายความอึดอัดให้กับเพื่อนสนิทอย่างธีสิสฟัง แม้จะชั่งใจอยู่นานกลัวเพื่อนจะหาว่าบ้าแต่มันก็ยังดีกว่าเก็บไว้คนเดียว
“มึงใจเย็นๆ นะไอ้อคิน หอมเค้าอาจจะแค่อยากเอาคืนมึงก็เลย”
“ไม่มีทาง ยังไงคนที่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่ใช่หอม สายตาที่มองกู ความรู้สึกตอนอยู่ด้วยกัน นิสัยใจคอ มันไม่ใช่หอมเลนเว้ย”
“หอมเค้าอาจจะฝืนใจทำก็ได้”
“จากหน้ามือนุ่มๆ เป็นหลังตีนด้านๆ เลยนะเว้ย”
“ก็การทำเรื่องเหี้ยๆ มันง่ายกว่าทำเรื่องดีดีไง มันเป็นไปได้เหรอวะที่วิญญาณคนอื่นจะเข้ามาอยู่ในร่างของอีกคน นี่มันไม่ใช่ละครนะมึง”
“แต่ก็เชื่อแบบนั้น มึงต้องลองไปเจอมันแล้วมึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่หอมเลย พูดกับมันที่ไรกูอยากจะตบให้คว่ำ”
“แล้วไม่ตบล่ะ ปกติมึงก็ตบเค้าอยู่แล้วนี่”
“กู…สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำร้ายน้ำหอมอีก กูไม่อยากเสียเค้าไปแล้ว”
“กว่ามึงจะคิดได้”
“กู….” ความรู้สึกจุกที่อก แล้วระเบิดกลายเป็นความเจ็บที่ใจ ต่อให้น้ำหอมฟื้นขึ้นมาจากความตายก็จริง แต่น้ำหอมที่อยู่เคียงข้างเขามาเมื่อยามลำบากก็ไม่ได้อยู่อีกแล้ว กลับเป็นใครก็ไม่รู้แทน มีเพียงแค่ร่างของเธอที่ทำให้เขาได้หลอกตัวเองตุอไปว่าเธอยังอยู่
“เอาไว้กูจะไปเยี่ยมเค้าก็แล้วกัน อยากเห็นเหมือนกันว่าที่ว่าไม่ใช่คนเดิม มันขนาดไหนกันเชียว”
“เออ ถ้ามึงเจอมันมึงจะพูดแบบเดียวกับกูนี่แหละ มันน่ะพูดจาโคตรอ้อนตีน ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูคงตบคล่ำจมกองเลือดไปแล้ว” หลังจากแวะเข้าไปคุยกับธีสิสจนสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว อคิราห์ก็ไปดูร้าน จัดการงานตัวเองจนเย็นถึงกลับไปบ้าน ไม่บ่อยนักที่อคิราห์จะกลับบ้านก่อตะวันตกดินแบบนี้ เมื่อร่างสูงเดินเข้ามาถึงตัวบ้าน กลิ่นของกับข้าวก็ลอยมาจากในครัว คิดถึงเมื่อก่อนตอนที่อยู่ด้วยกันแรกๆ น้ำหอมจะทำกับข้าวรอเขากลับมากินด้วยกันทุกวัน แต่จริงๆ แล้วทุกวันนี้เธอก็ยังทำเหมือนเดิม มีแต่เขาที่ไม่ได้กลับมากินปล่อยให้คนรอ รอเก้อทุกวัน แต่ถึงจะรู้ว่าเขาไม่กลับมาน้ำหอมก็ยังทำกับข้าวรออคิราห์ทุกวัน กินข้าวกับน้ำตาทุกวัน จนคนใช้ในบ้านต่างพากับนินทาบางครั้งก็ไม่เกรงใจเจ้านายเลย ยิ่งเห็นว่าไม่ว่าอะไรยิ่งไม่เกรงใจ
“พี่อคินกลับมาแล้วเหรอคะ มากินข้าวสิ” ร่างบางที่ดินออกมาจากครัว ผ้ากันเปื้อนที่ใส แววตาที่มองมา คำพูดที่พูดกับเขา หรือแม้แต่น้ำเสียง นี่มัน….
“น้ำหอม น้ำหอมจริๆ ใช่มั้ย” ร่างสูงตรงเข้าไปโอบกอดร่างเล็กๆ ด้วยความดีใจ
“หอมสิคะ พี่เห็นเป็นใครล่ะ”
“นี่หอม…หอมกลับมาหาพี่แล้วจริงๆ ใช่มั้ย หอมพี่…พี่โคตรดีใจ” อคิราห์ตะโกนลั่นพร้อมกับกอดคนตัวเล็กแน่น “อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกนะ พี่ขอโทษพี่จะทำตัวใหม่ พี่จะไม่ทำเหี้ยกับหอมอีกแล้ว หอมอย่าทิ้งพี่ไปอีกนะ” ความรู้สึกของใจที่เหมือนตายไปแล้วถูกชุบให้ฟื้นอีกครั้ง หลังจากที่เธอตายไปนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นและรรู้สึกถึงน้ำหอมคนเดิมจริงๆ
“หอมจะไปไหนได้ล่ะคะ พี่อคินกอดหอมจนแน่นแบบนี้”
“พี่โคตรคิดถึง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พี่ทรมานมากที่ไม่มีหอม พี่โคตรเจ็บที่รู้ว่าต้องเสียหอมไปจริงๆ”
“เหรอคะ” อยู่ๆ แววตาแสนอ่อนโยนก็กลับเป็นแววตาดุร้าย รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยมารยา
“นี่…”
“ฮ่าๆๆๆ จับได้ซะแล้วเหรอ แย่ๆ จัง”
“มันใช่เรื่องล้อเล่นมั้ยวะ!!!” อคิราห์ตะคอกใส่คนตรงหน้าเต็มเสียง ความรู้สึกเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับตอนที่มีคนโทรมาบอกว่าน้ำหอมจมน้ำตายเลยสักนิด ใจมันเต้นหน่วงๆ โลกทั้งโลกมันเหมือนถล่มลงมายังไงยังงั้น
“ก็เห็นว่าคิดถึงมัน เลยแกล้งแอ๊บเป็นมันให้ มึงก็แฮปปี้ดีนี่หว่า”
“แฮปปี้เหี้ยอะไร มึงมาหลอกกูให้กูรู้สึกดีแล้วก็มาเฉลยว่าหลอกกูแบบนี้น่ะเหรอ
"ชู่ววว เหมือนเวลามึงไลน์มาหลอกอีหอมว่าจะกลับมากินข้าวไง มันหิวจนไส้จะขาดแต่ก็ไม่ยอมแดก เพราะเชื่อคำพูดส่งๆ ของมึงอะ มึงรู้ปะกับข้าวอีหอมนี่ไม่ต้องใส่น้ำปลาเลยนะ น้ำตาหยดลงไปจนเค็ม” คำพูดของน้ำหอมทิ่มแทงลงไปที่หัวใจคนใจร้าย ความรู้สึกมันเจ็บซะยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าโดนหลอกเมื่อกี้เสียอีก นึกดูแล้วถ้าเป็นตัวเองโดนบ้างคงรู้สึกแย่ไม่น้อย แต่นี่เป็นหอม หอมที่ไม่มีใครเลย หอมที่มีแต่เขาคนเดียวในชีวิต
“ยืนนิ่ง ? สำนึกเหรอ เหอะจนตอนนี้มันก็ไมูได้อะไรแล้วโว้ย ป่านนี้อีหอมมันคงสนุกอยู่ในน้ำ”
“มึงว่าไงนะ”
“ก็คนที่ฆ่าตัวตายเนี่ย ต้องทำแบบเดิมซ้ำทุกวันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นจากบาปที่ฆ่าตัวตาย”
“มึงหมายถึงหอมต้องจมน้ำซ้ำๆ ทุกวันงั้นเหรอ”
“เออ แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ทรมานแค่ช่วงที่กำลังจะขาดใจตาย ตอนนั้นในหัวจะนึกถึงเรื่องที่มีผลกับการตายมากที่สุด ทรมานทั้งตัวทั้งใจ”
“แล้วมึงก็ปล่อยเมียกูตาย แล้วขโมยร่างเค้ามาหน้าด้านๆ เนี่ยนะ มึงเหี้ยจังวะ”
“ถึงกูไม่เอาร่างมันมามันก็ตายอยู่ดี มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าที่มันตายก็เพราะมึง ไม่เกี่ยวอะไรกับกู ถึงไม่มีกูมันก็ตายอยู่ดี” คำพูดของน้ำหหอมตอกย้ำความรู้สึกผิดของอคิราห์ที่มีต่อเมียของเขาอีกครั้ง ก็จริงอย่างนั้น เขาเป็นคนที่ทำให้น้ำหอมไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
“แล้วไม่มีวิธีที่จะพาหอมกลับมาเลยเหรอ”
“มึงอย่าเพ้อเจ้อได้มั้ย มึงคิดว่าการที่กูมาอยู่ในร่างมัน มันง่ายนักหรือไง”
“ก็ดูไม่ได้ยาก”
“มึงรู้มั้ยว่ากูต้องทนปวดหัวกับความทรงจำเฮ็งซวยของอีนี่ขนาดไหน มึงปล่อยมันตายๆ ไปเหอะ กูเป็นคนอื่นกูยังเจ็บเลย”
“ความทรงจำหอมมีอะไรบ้าง”
“หลักๆ ก็เรื่องที่มึงปล่อยมันอยู่คนเดียว ให้ความหวังว่าจะพาไปโน่นไปนี่แล้วก็ลืม พากะหรี่มาตีที่บ้าน ทะเลาะกันก็ตีมัน แล้วก็….ละเมอเพ้อพกถึงแต่คำว่ารักที่มึงเคยบอกมันเมื่อก่อน” อคิราห์ได้แต่ยืนอึ้งกับคำตอบ เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าที่ผ่านมาตัวเองทำร้ายน้ำหอมขนาดไหน “ยืนเหม่อเหี้ยอะไร ไม่แดกข้าวคืนนี้จะได้ไปตื้ดกัน”
“ตื๊ดอะไร”
“เอ้า ก็ไปผับไง มึงชอบไปไม่ใช่เหรอ กูอยากไปบ้าง”
“ไม่ได้”
“ทำไม”
“หอมไม่ชอบไปที่เสียงดัง ไม่กินเหล้า แล้วก็ก็ไม่อยากให้ไปด้วย”
“เหอะ เห็นแก่ตัวนี่หว่า ตัวเองอยากจะทำอะไรก็ทำแต่เมียทำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้แหละกูจะไปถ้ามึงไม่พากูไปกูจะไปเอง”
“อี….”
“อ๊ะๆๆๆ อย่านะ ไหนมึงว่าจะไม่ทำอะไรมันไง ยังไงร่างนี้ก็ร่างอีหอมนะ” มือหนาที่ค้างอยู่กลางอากาศต้องเหวี่ยงลงไปที่เดิม เขาอยากจะฝากรอยมือไปที่หน้าของคนตรงหน้าหนักๆ สักทีจริงๆ
“ตกลงตามนี้ ไปกินข้าวดีกว่า ตื่นเต้นจังจะได้ไปเที่ยว” น้ำเสียงแสนกวนประสาทพาให้ความโมโหพุ่งพล่านไปทั่วร่างของอคิราห์เขาได้แต่มองดูร่างเล็กๆ เดินจากไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย