ผู้ชายด้วยกัน อะไรมันก็ง่าย

1762 Words
ผู้ชายด้วยกัน อะไรมันก็ง่าย ปืนใหญ่เล่าเรื่อง “ได้สิ ผมเก็บของเสร็จจะตามไป” ลงเอยตอบ ผมยักไหล่ให้เขา ก่อนคว้าเอาถุงตัวอย่างขนมจากลงเอยมาถือ “เอ ปืนใหญ่ ดูแปลกไป หรือว่าไม่ชอบสีเสื้อช็อปสถาบันผม” ลงเอยไม่วายถามในสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างปุบปับ เชี่ย... ลงเอยอ่านความคิดคนได้หรือไง มันมีหูทิพย์ตาทิพย์อะไรแบบนั้นไหม ถึงสามารถพูดจี้ใจดำและขยี้ความรู้สึกผมจนแหลกลาญขนาดนี้ “ปะ เปล่าเนี่ย แค่ไม่เคยเห็นพวกสวมช็อปดำมาแนวหวานจ๋อยทำขนมไง ปืนเลยแปลกใจนิดหน่อย” ซึ่งเสื้อช็อปดำคือสถาบัน B ที่ลงเอยเรียน เป็นของเอกชนที่ตั้งขึ้นก่อนโรงเรียนผม ตั้งอยู่อีกซอยซึ่งไม่ห่างกันสักเท่าไร “บางที คนเราก็มองแค่ข้างนอกไม่ได้ เอาเป็นว่าผมรับนัดปืนใหญ่” “อือฮึ ถ้างั้นเจอกัน” ผมยกมือขึ้น ทำทีเหมือนจะไฮไฟฟ์กับเขา แต่ยกมือเก้อ จึงต้องแสร้งชกอากาศเพื่อไม่ให้ต้องอับอาย “อืม เมื่อเช้ายังชมว่าผมน่ารักอยู่เลย ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วเหรอปืนใหญ่” เชี่ย เชี่ย สองหนติดๆ กันแล้วสิ “เอ่อ... ก็น่ารักซี น่ารักมากๆ ด้วย แต่ให้พูดบ่อยๆ เดี๋ยวเอยได้ใจ” ลงเอยพยักหน้าน้อยๆ และยื่นหน้ามาใกล้ๆ ตอนนั้นลมหายใจอุ่นรดต้นคอผม และเสียงกระซิบเขาโคตรเซ็กซี่ “ถ้าผมน่ารักแบบนี้ ปืนใหญ่คิดว่าไง เย็นนี้เราจะมีอะไรพิเศษกันไหม?” เมื่อเจอหมัดฮุกปลายคาง ร่างกายผมคล้ายจะร่วงลงไปกองบนพื้น หายใจหายคอแทบไม่ออก แต่คนอย่างผมจะเสียฟอร์มให้พ่อค้าหน้าหวานขายขนมอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง “เอย... ปืนเป็นผู้ชายทั้งแท่ง และไม่ได้คิดอะไรกับเอยสักหน่อย” ผมบอกเขาไปแล้วก็นึกขำ ปกติผมไม่ค่อยตอแหล แต่ตอนนี้เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ผมต้องเอาตัวรอดให้ได้ “ใช่... ก็ผู้ชายเนี่ยแหละ จึงทำอะไรรู้ใจกันไปหมด ถ้าปืนใหญ่อยากคุยอะไรมากกว่าเรื่องขนม ผมไม่ถือ แมนๆ พูดเปิดอกได้ตลอด รับรองผมเก็บเรื่องเงียบ” ลงเอยเอ่ยจบเขาจึงโน้มตัวมาใกล้ๆ แล้วสูดกลิ่นตรงต้นคอผม เป็นตอนนั้นที่ผมขนลุกซู่! ให้ตายเถอะ ถูกคุกคามแบบนี้ใครจะไม่ขวัญเสีย “เอย มะมึง ทำอะไรวะ” ผมยกมือขึ้นเตรียมผลักหน้าอกแน่นๆ ออกห่างตัว แต่ลงเอยกลับเป็นฝ่ายก้าวถอยหนีผมเสียเอง “ก็ทำเหมือนที่ปืนใหญ่อยากทำกับผมไง” ไม่รู้ว่าหน้าตาผมเป็นอย่างไรตอนนั้น หวังว่ามันคงไม่เอ๋อแดกจนผิดฟอร์มหรอกนะ “มึง ขายแค่ขนมก็พอ อย่าให้เกินกว่าเหตุ กะ กูขนลุกหมด ยังไง ผู้ชายแบบกูก็ไม่เคลิ้มเพราะเรื่องแบบนี้หรอก” “หึๆ ๆ ให้มันแน่นะ และยังไง ผมไปตามเวลานัดแน่นอน แล้วจะคุยเน้นๆ เฉพาะเรื่องขนมเท่านั้น” “เอ่อ... ก็แค่ขนมสิ หรือจะให้พูดเรื่องอะไรอีก มึงอย่าให้มันเยอะไปหน่อยเลย” ผมตัดบทและเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาแบบหยาบคาย จากนั้นก็รีบกุมคอเสื้อช็อปตัวเอง กลัวเหลือเกินว่าคนหน้าหวาน จะแยกเขี้ยวขาววิงก์ๆ มางาบคอผม เชี่ย คงไม่ใช่แค่งาบคอ ลงเอยคงหวังปั่นหัว อยากให้ผมหลงระเริงไปกับความน่ารักของเขา ความรู้สึกตอนนี้คือฉิบหายสุดๆ ผมเผลอเข้าไปยุ่งกับเด็กต่างสถาบัน แถมอีกฝ่าย ยังไม่ใช่พวกติ๋มๆ หงิมๆ ดูท่าทางเขาคงมีแผนในใจ เอ หรือจะเป็นพวกหน่วยสอดแนมหน้าใหม่ ที่คิดแก้แค้นให้เพื่อนๆ ที่ถูกคนในกลุ่มก๊วนผมกำราบให้หงอมาก่อนหน้านี้ คิดได้ดังนี้ ผมก็อยากสั่งสอนเขาสักหน่อย หากปล่อยให้ลงเอยถามอยู่แบบนี้ ผมจะคุมซอยโลกีย์ปันสุขได้อย่างไร ดังนั้นผมต้องล่อลงเอยเข้าถ้ำเสื้อ แล้วจัดการเขาในแบบวิธีของผม เมื่อคิดแผนชั่วร้ายได้ ผมจึงหัวเราะเสียงดัง จนคนที่มองอยู่ขมวดคิ้วมุ่น อุ๊ยเบบี๋เนี่ย ดูน่าสงสารชะมัด ผมจะแบล็กเมลเขาด้วยการตั้งกล้อง ถ่ายคลิปเด็ดดวงเอาไว้ ฮ่าๆ ๆ แค่คิดก็โคตรตื่นเต้น อะดรีนาลินพลุ่งพล่านไปหมด “มีเรื่องอะไรน่าขำเหรอ” ลงเอยถาม สีหน้าเหมือนจะจับพิรุธผม แต่คนฉลาดอย่างนายเตโช สลักฤดีกร มีหรือจะให้พ่อค้าขนมหวานมาจับผิดได้ “เอ่อ ไม่มี้ ไม่มีจริงๆ คิดมากไปแล้วมึง” “แต่ปืนใหญ่ขำแปลกๆ ” ถูกเขาถามย้ำ ผมจึงยักไหล่รัวๆ แล้วทำสุ้มเสียงราวกับต้องการข่มขวัญลงเอย “มึงน่ะ อย่าสนใจกูเลย รีบขายของให้หมด แล้วก็ย้ายก้นบิ๊กบึ้มไปเจอกูให้ตรงเวลา!” ผมนั่งอยู่ออฟฟิศด้านล่างหอพัก เจ้ตุ้งแช่ (ชื่อแม่ผม) และเตรียมการอย่างดีด้วยการตั้งกล้องซ่อนอยู่หลังตู้หนังสือ แต่สิ่งที่น่าหัวเสียคือ เพื่อนร่วมก๊วนผมหายหัวไปทุกคน แทนที่จะอยู่ช่วยคิดแผนเด็ดๆ ไม่รู้ว่าพวกมันแอบไปตีหม้อ หรือนัดก๊งเหล้าที่ไหน แต่ก็ดี เดี๋ยวผมจัดการลงเอยเสร็จ จากนั้นคงไปคุยโวให้พวกมันฟัง เสียงกริ่งจักรยานดังมาตั้งแต่ไกล ห้องนี้เป็นกระจกสีชาที่หากมองข้างนอกเข้ามาจะไม่เห็นข้างใน เมื่อร่างสูงของอีกฝ่ายมาหยุดที่หน้าประตู ผมก็โทร.เข้าโทรศัพท์มือถือเขา “คนหล่อ กระดอฝังเพชร รอมึงอยู่ข้างใน เข้ามาได้เลย” “อือฮึ... ในห้องกระจกสีชาใช่ไหม” เมื่อลงเอยเข้ามาข้างใน ผมก็วางก้ามขึงขัง อีกฝ่ายดูเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขาแต่งตัวน่ารักมิหยอก เสื้อยืดสีขาวด้านใน มีผ้ากันเปื้อนสีเหลืองน่ารักทับอีกชั้น มันเป็นชุดเดียวกันกับที่ขายของที่ริมหนอง ฯ นั่นแหละ แต่ผมไม่ทันสังเกต ส่วนข้างล่างเป็นกางเกงยีนซีดๆ ทำให้ช่วงขาเขาที่ยาว ดูโคตรยั่วใจ ส่วนเป้ากางเกงของลงเอยฟูมาก คนอะไรหุ่นดี หน้าหวาน ปากก็แดงชวนให้ดูด “กูอยากสั่งชิฟฟอนฝอยทองห้าสิบชิ้น เอาพรุ่งนี้ตอนหกโมงเช้า ขอเบอร์เกอร์ด้วยสามสิบชิ้น แบบที่ขายตะกี้ แต่... เอาไส้ไก่ย่าง ซอสบาร์บีคิวไม่เผ็ด ไม่รสจัด มึงทำได้ไหม” เชี่ย ทั้งท่าทางผมและคำพูดเป็นการข่มขู่อีกฝ่ายชัดๆ ผมรู้สึกสาแก่ใจหน่อยๆ แบบนี้แหละผมถึงถูกเรียกว่าขาใหญ่ประจำซอยโลกีย์ปันสุข (อันที่จริงชื่อซอยนี้คือ โลกมนุษย์ 69 ซึ่งมันทั้งแปลกและประหลาด ชาวบ้านจึงเปลี่ยนเสียใหม่เรียกไปเรียกมา เลยเพี้ยนเป็น โลกีย์ปันสุข อย่างในปัจจุบัน นอกจากนั้นละแวกนี้ยังมีชื่อซอยให้ต้องฉงนกันเยอะแยะ ทั้งซอยหมาเห่า ซอยสาวเสียบ และซอยหมวยยกล้อ!) ลงเอยมองหน้าผม สีหน้าเขาตึงกว่าปกติ ใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มดูเหมือนจะหายไป “เอ่อ งานเร่งเหรอ และเลี้ยงคนเยอะเหมือนกันนะ” เมื่อได้ทีและรู้ว่าเขาคงทำไม่ทันแน่ ผมจึงกระหยิ่มยิ้มย่อง “เดี๋ยว ยังไม่หมด กูจะเอาเค้กกล้วยหอมด้วย ทำมาร้อยกล่อง!” “สั่งเยอะแบบนี้ จะเลี้ยงใครกันแน่ กินหมดเหรอ?” “ก็อยากอุดหนุนและมีเงินจ่าย หรือมึงไม่อยากรับงาน” ผมว่าแล้วจึงส่งยิ้มใส่ตาเขา รู้สึกเหมือนกุมชัยชนะยิ่งใหญ่เอาไว้ในกำมือ ลงเอยไม่ตอบ เขาเม้มริมฝีปากสีแดงสดเป็นเส้นตรง ดวงตาคมๆ มองผมราวกับกำลังใช้ความคิดอันยิ่งยวด “ทั้งหมดที่บอก เอาพรุ่งนี้ เจ็ดโมงเช้า ห้ามเลตแม้แต่วินาทีเดียว ส่งทันหรือเปล่า ถ้าไม่ทันก็ไร้ฝีมือ แบบนี้อย่ามาเปิดร้านขนมแถวนี้เลย ไม่งั้นระวังขาใหญ่จะโยนระเบิดเข้าไปบึ้ม!” “ปืนใหญ่จะเอาจริงๆ ใช่ไหม ผมไม่ชอบให้ใคร ทำอะไรเล่นๆ โดยเฉพาะกับของกิน ที่ใช้เลี้ยงคนได้เยอะแยะแบบนี้” เขาไม่ได้โกรธผม แต่น้ำเสียงเข้ม สีหน้าก็จริงจังจนผมอดขวัญเสียไม่ได้ “มึงหมายความว่าไงเอย” ผมขึ้นเสียงใส่เขา เวลานี้บทบาทหัวหน้าแก๊งซอยโลกีย์ปันสุขเข้าสิงแล้ว “ตามที่พูด ของค้าขาย ทำเล่นๆ ไม่ได้ อีกอย่างผมทำขนมด้วยความรัก” “เอ่อ กูก็สั่งจริงๆ นี่นา กลัวแต่มึงจะทำไม่ได้ เอางี้ถ้ามึงทำไม่ทัน ก็ย้ายร้านออกไปจากซอยโลกีย์ปันสุขซะ อย่ามาเปิดแถวนี้ให้ขายขี้หน้าเลย พวกกูไม่ต้อนรับคนไร้ฝีมือ!” “ถ้าผมทำเสร็จล่ะ” “ก็ต้องดูว่าแดกได้ไหม ถ้าทำห่วย กูจะสั่งสอนเอาให้เจ็บ!” ไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนเจาะปากให้ผมพูดแบบนั้น แล้วยังทำท่าทางร้ายๆ แบบอันธพาลใส่ลงเอยเสียด้วย “หึ ๆ ๆ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัว จะรีบไปเตรียมของ รับรองว่าทุกอย่างเสร็จทันเวลา” ลงเอยว่าเสียงขรึม สีหน้าเขาโคตรจริงจัง แต่เรื่องนี้มันยังไม่เสร็จ อย่างไรผมต้องได้คลิปเด็ดๆ ก่อนถึงจะปล่อยเขาไปได้ “เดี๋ยว มึงจะไม่เอาเงินมัดจำก่อนเหรอเอย” ลงเอยยิ้มนิดๆ เป็นตอนนั้นที่ผมรู้สึกว่า เขายิ้มน่ากลัวมากกว่าน่ารัก ภาพนี้ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ไม่ทันเฉลียวใจ ร่างสูงก้าวมาชิดผม กลิ่นกายเขายังหอมด้วยเนย นม และกลิ่นเหงื่อจางๆ ที่เอาจริงๆ ฟินเป็นบ้า “ได้ และมัดจำของผมก็คือ” ลงเอ่ยพูดจบก็โผเข้ามาจัดการผม ด้วยการดูดตรงลำคอ เกิดเสียงดังจ๊วบๆ สะท้านทรวง เชี่ยมาก เขาถึงเนื้อถึงตัวผมโดยไม่ให้ตั้งตัว ขาผมอ่อนแรงจนแทบล้ม โชคดีที่เขาสวมกอดผมหมับ และยังรั้งเอวผมไปชิดร่างอุ่นๆ นั้น ริมฝีปากของลงเอยรุกหนักด้วยการดูดสลับขบเม้มลำคอผม จมูกซุกไซ้วุ่นวายไปหมด แค่นั้นยังไม่พอ มือใหญ่ยังล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืด แล้ววางแหมะบนยอดหน้าอก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD