ปืนใหญ่ ก็ใหญ่สมตัวนะ

1638 Words
ปืนใหญ่ ก็ใหญ่สมตัวนะ ปืนใหญ่เล่าเรื่อง อันที่จริง วันนี้มันไม่ได้มีเรื่องอะไรพิเศษ กระนั้นผมก็แต่งตัวหล่อจัด ฉีดน้ำหอมฟุ้งไปซึ่งเป็นเรื่องปกติ และผมกำลังโหยของหวานสัดๆ เลยตั้งใจแว้นออกไปซื้อโกโก้เย็นสูตรเข้มข้นที่มีบราวนีหนึบหนับวางด้านบน จากนั้นก็ราดด้วยซอสช็อกโกแลตกับอัลมอนด์บด ทั้งหมดมีอยู่ที่ร้านเฮียสอง ฝ่ายนั้นคือหนุ่มใต้หน้าคม ผิวสีอบเชย เขาแมนหัวจรดตีน ใบหน้าขรึมๆ ประดับด้วยหนวดเครา และเร้าใจคนทั้งซอยโลกีย์ปันสุข ซุ้มขายน้ำเขาอยู่ห่างจากหอพักเจ้ตุ้งแช่ที่ผมรับหน้าที่ดูแล ราวๆ ห้าร้อยเมตร ซุ้มแห่งนี้ไม่มีชื่อร้าน คนเรียกติดปากว่า ร้านเฮียสองผัวกะเทย! เมื่อไปถึงร้านเฮียสอง ผมก็ยืนเก๊กหล่ออวดให้ชาวบ้านดูผมทุกมุม เป็นตอนนั้นแหละที่ตัวผมต้องแข็งค้างอยู่เกือบหกสิบวินาที เมื่อเห็นคนตัวขาวจัด ปากแดงสดกับดวงตาคมกริบสีดำขลับ อีกฝ่ายถีบรถจักรยานของผู้หญิงสีชมพูแปร๋นมีกริ่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง จอดรถเรียบร้อยก็เดินมาที่ร้านเฮียสองพร้อมตะกร้าใบใหญ่ ในนั้นมีกล่องเค้ก บราวนี รวมถึงอะไรอีกหลายอย่างซึ่งผมไม่รู้จักชื่อแต่โคตรชอบกิน เชี่ยละ ขนมว่าหน้าตาดีสุดตีน แต่คนถือมานั้น ทำน้ำลายผมแทบจะไหลท่วมพื้นแถวนั้น กลิ่นขนมลอยมาเตะจมูกผม แต่คงเบาบางกว่ากลิ่นฟีโรโมนของเขา หอมมาก และฟินสุดๆ คนแบบนี้แหละที่ผมอยากยัดเยียดความเป็นผัวให้เขา! แน่นอนเขาไม่ได้ทักผม แต่ยิ้มหวานให้เฮียสอง คนอะไร แค่ยิ้มโลกก็สั่นสะเทือนระดับ 9 ริกเตอร์! จากนั้น ผมก็กลายเป็นหมาโง่ๆ ที่มองเขาตาค้าง เชี่ย น่ารักเป็นบ้า มีเขี้ยวเล็กๆ ด้วย เมื่อเขาจากไปแล้ว ผมก็ดึงสติตนกลับ ก่อนเอ่ยถามเฮียสองด้วยหัวใจที่เต้นรัวแรง   “โอ้ เฮียใครอะ สเปกปืนเลย อยากฉีดน้ำใส่ฉิบหาย!!” ตอนนั้นท่าทางผมเพ้อเหมือนคนเมา ทำไงได้ตอนนี้หัวใจผม ลอยไปอยู่กับเขาแล้ว “เอ มันใช่หน้าที่มึงต้องสนใจไหม รีบไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวก็สาย” ที่เฮียสองดุขนาดนั้น เพราะเขาได้รับการไหว้วานจากแม่ ให้คอยสอดส่องสายตาดูผม และเฮียสองเป็นเด็กในแก๊งแม่ เห็นหน้าหนวด ตาคม แอบดุขนาดนี้ ทว่าเวลาทำบุญ เฮียสองเนี่ยทุ่มสุดตัว ทั้งยังชอบนุ่งขาวห่มขาวในวันพระด้วย “โห ระดับผม เรียนทำไมให้ยุ่งยาก เป็นเสือนอนกินก็สบายไปทั้งชาติแล้ว” ผมหมายถึงการดูแลกิจการหอพักของแม่นั่นแหละ “เออ ไอ้กล้วยหอม ไอ้คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาเกิด ถ้าอย่างนั้น ก็อยู่หอเฉยๆ ไปเถอะ อย่าไปแย่งที่นั่งคนอื่นในโรงเรียนเลย” เฮียสองเริ่มพูดไม่เข้าหูผมซะแล้ว แต่ผมไม่ถือหรอก ยังไงเฮียสองก็เป็นคนรู้จักของแม่ ซุ้มขายน้ำเนี่ยก็เช่าที่แม่ มันทำเงินเข้ากระเป๋าผมไม่น้อย ทำไมต้องหาทางตัดรายได้ตัวเองด้วย “แล้วตัวหอมๆ ตะกี้ เขาเป็นใคร?” ผมยังไม่วายถามเซ้าซี้เฮียสอง “มึงหมายถึง คนส่งขนมนิ” ผมทำตาเยิ้ม เหมือนตอนนี้คนตัวขาวๆ ยังปรากฏอยู่หน้าร้านเฮียสอง “อื้ม... น่ารัก ตัวงี้ขาววิงก์ ปากแดง ตาสีดำเหมือนมีน้ำกลิ้งอยู่ข้างใน” เฮียสองหรี่ตามองผม หรี่มองแล้วก็ทำท่าขนลุก “กูว่ามึงกลับไปใส่แว่นดีไหม ตะกี้ ผู้ชายนะเว้ย ไม่ใช่น้องสาว ให้มึงจิ๊จ๊ะหลอกเอากล้วยดำๆ ไปจิ้มจิ๊มิเขา!” เมื่อถูกเฮียสองเอ่ยดักคอ ผมก็ดึงสติตนกลับคืนทันควัน ฉิบหายละ ความจะแตกไหม คนตัวขาวผิวอมชมพูเมื่อครู่ เขามีสามขาเหมือนผมนี่นา และผมไม่ควรหื่นใส่ผู้ชายโต้งๆ ให้คนอื่นเอาไปนินทา “เอ่อ... ก็เห็นแปลกหน้ามาแถวนี้ ผมต้องถามสิ เกิดเป็นมิจฉาชีพ มิซวยเหรอ และในฐานะพลเมืองที่ดีเราต้องป้องกันไว้ก่อน ซอยโลกีย์ปันสุขจะได้ร่มเย็นเป็นสุข” ผมพูดเพ้อไปเรื่อยเปื่อย เฮียสองส่ายหน้าระอา ก่อนเอ่ยว่า “ฮ่าๆ ๆ กูว่า ที่ควรระวังให้มาก ก็คือมึงกับเดอะแก๊ง ไหมวะ วันๆ ไม่เล่นดนตรีเสียงดัง ก็เตะบอลไปถูกหน้าต่างชาวบ้านเขา ให้น่ารำคาญ ที่เชี่ยสุดคือเมาหัวทิ่มอยู่หน้าปากซอย!” “เอ่อ... วัยรุ่นน่ะเฮีย เลือดลมมันสูบฉีดเยอะ” ผมเอ่ยจบก็มองไปที่ขนมของคนน่ารักที่เพิ่งมาส่ง และเห็นชื่อร้านที่ติดเอาไว้ “ร้านขนมลงเอย” ชื่อร้านน่ารัก คนขายก็น่าเอาเสาเข็มไปลงใส่ ผมมองขนมแล้ว ก็หยิบๆ ขึ้นมาสามสี่ถุง “จ่ายสดนะเว้ยไอ้ปืนฉีดน้ำ ห้ามเซ็นเด็ดขาด...”   เฮียสองดักคอผมทันที มันทำให้ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขา เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย ผมจึงไม่รอช้า ใจนั้นต้องหาเจ้าของร้านขนมหวานสุดน่ารักให้ได้อย่างเร็วไว ยามนั้นอะดรีนาลินผมโคตรจะพลุ่งพล่าน กระทั่งเกือบขับพ้นซอยโลกีย์ปันสุข สายตาอันคมกริบก็เห็น ร้านขนาดสองคูหาที่เพิ่งเปิดใหม่ มีป้ายติดไว้ชนิดที่หากไม่เพ่งมองให้ดีก็คงไม่เห็น ที่บริเวณนี้เจ้าของเป็นผู้ดีเก่า ปกติไม่ค่อยเปิดให้ใครเช่า เพราะอยู่ใกล้กับโรงเรียนเด็กเล็กและห้องสมุดชุมชน ด้านหลังมีลานออกกำลังกายของคนทุกวัย กับสระบัวหลวง   “เชี่ย... ใช่แล้ว นี่ไง ร้านนี้” ผมมองด้วยความสนใจ หลายวันแล้วไม่ได้ผ่านมาทางนี้ จึงไม่เห็นว่ามีคนมาเช่าอาคารพาณิชย์ และเปิดร้านขนมโคตรน่ารัก เมื่อผมหาที่จอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วก็รีบก้าวเร็วๆ ไปที่ร้านขนมแห่งนั้น กลิ่นสีที่เพิ่งทาเสร็จใหม่ลอยเข้าจมูก แต่กลิ่นที่ทำให้ผมใจสั่นรัวๆ ก็คือคนที่ก้าวออกมาจากหลังร้าน ผมต้องประหลาดใจ เมื่อครู่เขาเพิ่งไปส่งขนมร้านเฮียสอง สวมผ้ากันเปื้อนและมีหมวกด้วย ทำไมตอนนี้แปลงกายใส่เสื้อกล้าม อวดต้นแขนมีกล้ามเนื้อ แล้วผิวก็ขาว ไม่รู้จะขาวไปไหน แถมเวลาเขาออกแรงมันแต้มสีชมพู ทั้งใบหน้า ลำคอ แล้วก็แผงหน้าอก! ตอนนี้ผมเห็นเขาเต็มสองตา ดูเหมือนจะสูงกว่าผม อาจสักห้าถึงสิบเซนติเมตร อีกอย่างหน้าหวานเหมือนขนม จิ้มลิ้มฉิบหาย แต่ไม่ได้ดูนุ่มนิ่ม ติดจะแมน สเปกเลยละ ผู้ชายแบบนี้ผมอยากขยี้ให้แหลก! เมื่อผมเดินไปอยู่ตรงหน้าร้าน เขาก็มองด้วยใบหน้าอมยิ้ม “ขนมหมดแล้วครับ” เสียงเขาสูงๆ ต่ำๆ ฟังเพลินทีเดียว “เอ่อ พอดีๆ อยากถามว่า มีจัดส่งแบบ พวกวันเกิด หรืองานจัดเลี้ยงไหม” ผมถามอีกฝ่าย เป็นตอนนั้นที่เขายิ้ม เชี่ย... ยิ้มเก่งมาก คนอะไร ยิ้มทั้งปากทั้งดวงตา เขี้ยวเล็กๆ นั่น แม่งเอ๊ย ขาวจั๊วะ! “ร้านเพิ่งมาเปิดใหม่ รับออเดอร์เยอะๆ ยังไม่ได้มาก แต่ถ้าลูกค้า สนใจให้เรารับใช้ก็ยินดี ร้านเราทำตัวอย่างให้ชิมก่อนได้ แล้วอยากรับขนมแบบไหนเป็นพิเศษ” ผมไม่ทันได้ตอบเขาหรอก มัวแต่มองหน้าขาวๆ ปากแดง กับแก้มพองๆ ของคนตรงหน้า “สนใจขนมอะไรเป็นพิเศษไหม...” เขาถามย้ำ ดวงตาสีดำเป็นประกายวิบวับ ดูเจ้าชู้นิดๆ แต่ผมไม่สนใจ เพราะผมปราบมาหมดแล้ว ยิ่งน่ารัก ผมยิ่งจะรวบหัวรวบหางให้หมดในคำเดียว! “ปืนใหญ่... ผมปืนใหญ่” ผมบอกชื่อตัวเองออกไปอย่างคนตื่นสนาม แม่งขายหน้าฉิบหาย และเขายิ้มกว้าง ท่าทีเขินอยู่หน่อยๆ ด้วยชื่อผม มันแจ้งชัดอยู่ในตัว คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มนะว่าอะไรที่มันใหญ่ หรือบิ๊กไซซ์! “ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่สนใจขนมแบบไหนนะครับ”      ผมมองใบหน้าเขา ก่อนโพล่งออกไปอย่างหน้าด้านๆ ว่า  “แบบคุณน่ะ น่ากิน ขาวๆ แน่นๆ เข้าปากปุ๊บละลายทันที” พ่อค้าร้านขนม ทำตาโตดูเหมือนตกใจคำพูดผม และผมใช้โอกาสนั้นถามเขา “คือ คุณชื่ออะไรนะครับ” ผมไม่วายทอดสะพานอีกหน       “ลงเอย เรียกเอยก็ได้” เขาตอบและชี้ไปยังป้ายร้าน “เอ่อ เอย... ปืนอยากเลี้ยงเพื่อนๆ สักหน่อย มีขนมที่ขาวๆ นุ่มๆ ให้ผมได้ลองกินสักสองสามอย่างไหม เอาแบบที่ไม่ต้องพิเศษมาก แต่อร่อยจนกินแล้ว คิดถึงคนทำทั้งวัน ทั้งคืนเลย” ลงเอยหัวเราะน้อยๆ เสียงเขาแม่งโคตรละมุน จากนั้นเขาก็ขยับเข้ามาหาผมอีกนิด กลิ่นฟีโรโมนของเขาลอยเข้าจมูกผม ที่หอมอยู่แล้ว ยิ่งชัดขึ้น จนสิ่งที่อยู่กลางลำตัวผมมันอยู่ไม่เป็นสุข เริ่มเกรี้ยวกราด และอีกไม่นานคงชี้หน้าเขาเป็นแน่ “ถ้ากินแล้ว ต้องอร่อยขนาดนั้น คิดว่าคงต้องเป็น... ผมแล้วมั้ง” ลงเอยเอ่ย และเขาคงไม่รู้ว่ากำลังท้าทายผมอยู่ โลกเหมือนจะหยุดหมุนในตอนนั้น นี่เราโคตรจะเข้ากันได้ดี มองตาปุ๊บ ก็ปิ๊งเลย เชี่ยสิบเต็มสิบ ไม่ต้องเสียเวลาคุยให้มาก วันนี้นัดดีลได้เลย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD