ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นที่จะได้พบกัน

1943 Words
ภูชิต เลิศรัตนา หนุ่มหล่อวัย 32 ปี เจ้าของธุรกิจ ผลิตไวน์ทั้งนำเข้า และส่งออกไวน์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและรวมถึงแถบทวีปเอเชียและยุโรป กำลังก้มหน้าอ่านรายงานจากเลขาคนสนิท อย่าง อานนท์ ที่มีหน้าเป็นทั้งเลขา และบอดี้การ์ดไปในในคนคนเดียวกัน เขากำลังอ่านรายงานดังกล่าว เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงการที่จะขอทุนสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่ม โดยเฉพาะไวน์ ที่ตอนนี้ เขายังสรุปไม่ได้ว่า จะมีใครที่เหมาะสมจะทำโครงการนี้ บ้าง เพราะเท่าที่เขาดูมา ยังไม่มีใคร ที่จะพอไว้ใจให้ทำวิจัยเรื่องนี้ได้ เพราะมันมีกฎข้อบังคับหลายอย่างที่จะต้องทำข้อตกลงกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญผลวิจัยที่ออกมา บริษัทของเขาจะต้องเป็นผู้ได้สิทธิ์และจะต้องทำแบบเงียบ ๆ เพราะเขาไม่ต้องการให้คู่แข่งทางการค้าสามารถรู้ข้อมูลก่อนที่เขาจะทำการออกเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ได้ และสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มต้องมานั่งเคร่งเครียดอยู่นี้ ก็เพราะ เวลาที่จำกัด เขาต้องการเปิดแคมป์เปนใหม่ปลายปีนี้ ฉะนั้นทุกอย่างควรที่จะเริ่มดำเนินการได้แล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังติดปัญหาใหญ่ คือ เขายังไม่มีทีมงานที่ต้องการเลย “อานนท์ นายไม่มีใครนอกเหนือจากนี้แล้วเหรอ”ภูชิตเงยหน้าถามเลขาคนสนิทด้วยสีหน้า ไม่ค่อยโอเค “เอ่อ ยังมีอีกคนครับ แต่คนนี้ คุยอยากครับ บอส และทีมของเขาก็ถือว่าเก่งทุกคนครับ”อานนท์รายงานภูชิตทันที “ใคร “ “ดอกเตอร์ พิสุทธิ์ ครับบอส” “ดอกเตอร์ พิสุทธิ์ เอกอนันท์ นะเหรอ “ภูชิต ถามเหมือนจะรู้จักบุคคลดังกล่าว “ครับ “ “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้านซะแล้วละ”ภูชิต บอกเลขาคนสนิท เมื่อนึกถึงคนที่อานนท์บอก ก่อนจะยิ้มในหน้า เพราะเขาเห็นเค้ารางของคนที่จะมาทำโครงการนี้แล้ว "ทำไมเหรอครับ บอส “ อานนท์ถามผู้เป็นเจ้านายอย่างสงสัย ปรกติ ภูชิต จะกลับบ้านได้ต้องเป็น วันสำคัญ หรือไม่ก็ต้องเป็นวันศุกร์ แต่นี้ มันเพิ่งวันพุธ ยังไม่ถึงวันที่กำหนดกลับเลย เพราะภูชิตนั้น ออกมาอยู่ที่เพ้นท์เฮ้าสุดหรูตั้งแต่กลับจากอเมริกานั่นละ เพราะเขาให้เหตุผลว่าสะดวกต่อการไปทำงานเพราะที่นี่ใกล้ที่ทำงานของเขา ตอนแรกคุณหญิงรัศมี ก็ไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถห้ามความต้องการของลูกชายสุดที่รักได้เมื่อเขายืนกรานที่จะแยกออกมาพัก ต่างหากแบบนี้ “ฉันจะให้คุณพ่อช่วยอะไรซะหน่อยนะ นายเอาเอกสารพวกนี้ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะไปทานเข้าเย็นกับคุณพ่อคุณแม่” “ครับ บอส”อานนท์เดินเข้าไปเก็บเอกสารที่ภูชิตดูเมื่อสักครู่ แล้วเดินออกไปด้านนอกเพื่อทำงานต่อ …………………………… “เม ทางนี้ “เสียงเรียกอันดังทำให้หญิงสาวสวย รูปร่างเซ็กซี่ขยี้ใจ ที่กำลังเดินมองซ้ายมองขวาเพื่อหาอะไรซักอย่าง หันมาตามเสียงเรียกและส่งร้อยยิ้มน่ารัก โชว์ลักยิ้มตรงแก้มสองข้าง ส่งมาให้ทำให้ใครหลาย ๆ คนเผลอยิ้มตามไม่ได้ “ต้น รอนานไหม รถติดมาก นี่ฉันรีบสุด ๆ แล้วนะ”หญิงสาวเจ้าของชื่อ รีบบอกเพื่อนทันที พร้อมกับดูดน้ำในแก้วที่ตัวเองถือมาอึกใหญ่ “สักพัก แต่ไม่เป็นไร เรารีบไปหา ดอกเตอร์ดีกว่า ป่านนี้ คงรอแย่แล้ว” ต้น หรือ ตรีภพเอ่ยกับเพื่อนสาว อย่าง เม หรือว่า เมรียา ตรีภพและเมรียาเป็นเพื่อนตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ทั้งคู่สนิทกันมาก จนบางครั้ง คนอื่นมองว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะตรีภพบอกเสมอว่าเมรียานั้น ไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคเขาเลย เช่นเดียวกับเมรียา เธอก็ไม่เคยมองตรีภพมากกว่าเพื่อนสนิทเลย ฉะนั้นทั้งคู่จึงไม่สนใจเสียงรอบข้างสักนิด และทุกคนในทีมวิจัยก็รู้ความจริงเรื่องนี้ดี “เออ ๆ ไปกันเถอะ ว่าแต่ ด็อก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงเรียกประชุมด่วนขนาดนี้” “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ” จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในลิฟท์ และกดเลขชั้นที่ต้องการ ซึ่งเป็นชั้นที่ทุกคนทำงานอยู่ ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นดังกล่าว ตรีภพและเมรียา ก็เดินเข้าในห้องแลปทันที ภายห้องนั้น เต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องมือในการทดลองค้นคว้าที่ทันสมัยเต็มไปหมด และเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามา ก็พบกับชายวัย เกือบหกสิบ แต่งตัวภูมิฐาน สวมแว่นตาหน้าเตอะ ผมขาวทั้งหัว กำลังมองมาที่ทั้งสองคน และเพื่อนที่นั่งรอที่โต๊ะอีก สามคน ซึ่งเป็นชายทั้งหมด ก็กำลังมองมาทางทั้งสองเช่นเดียวกัน “สวัสดีค่ะ ด็อก สวัสดีค่ะพี่ ๆ”เมรียาเอ่ยทักทุกคน และด็อกที่เธอเรียก ซะสั้นก็คือ ดอกเตอร์พิสุทธิ์ เอกอนันท์ นักวิจัย มือหนึ่งของวงการวิทยาศาสตร์ นั่นเอง “ทำไมมากันช้าจัง ทุกคนรอทั้งสองอยู่นะ จะได้คุยทีเดียว”ดอกเตอร์พิสุทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนินิด ๆ ทำให้ทั้ง เมรียา และตรีภพ ได้แต่ยิ้มเจื่อน ตรีภพได้แต่เตะไปที่เท้าของเพื่อนรักหนึ่งที เป็นการสะกิด แต่สะกิดด้วยเท้านั่นเอง “เมต้องขอโทษทุกคนด้วยคะ พอดีรถติดมาก ๆ คะก็เลยมาช้าค่ะ ”พูดพร้อมกับยกมือไว้ขอโทษ ส่วนตรีภพนั้นเดินไปนั่งข้าง ๆ บรรดาพี่ ๆ ที่มารออยู่ก่อนแล้ว “ฉันนึกว่าแกจะมัวแต่ไปทดลองชิมรสชาติไวน์ที่พ่อแกส่งมาให้ซะอีก”จักร หรือจักกฤช เอ่ยแซวหญิงสาวคนเดียวในทีม ทำให้คนอื่นหัวเราะตาม “ที่ไหนละพี่จัก ยังไม่ชิมเลย ต้องรีบมานี่ซะก่อนเดี๋ยวกลับไปค่อยชิม” เมรียาตอบยิ้มๆ และทุกคนได้แต่ส่ายหน้า กับความทะเล้นของ เธอ เมรียานั้น มาทำงานที่กรุงเทพตั้งแต่เรียนจบ และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัย ที่จริงแล้ว ครอบครัวของเธอ นั้นอยู่ที่เชียงใหม่ และพ่อกับแม่ของเธอ ก็เป็นเจ้าของไร่องุ่นที่ทางเหนือ หลายร้อยไร่ และท่านมักจะส่งไวน์ที่ท่านหมักเองมาให้ลูกสาวชิมเสมอ “เฮ้ยทำไมแกไม่ถือมาให้พวกฉันช่วยชิมด้วยวะ จะได้บอกรสชาติไวน์ของพ่อแกถูกว่าโอเคไหม” เอก หรือเอกวิทย์ รุ่นพี่อีกคนเอ่ยถามต่อ และเมรียาก็หันไปหรี่ตามองชายหนุ่ม “ฮึ ฮึ ใครว่าเมไม่ได้ถือมา แทนแท่นแท้น นี่ไง “เมรียาชูถุงที่ถือมาด้วยให้ทุกคนดู และมันก็ทำให้บรรดาพี่ ๆ ต่างยิ้มตาพราว ด้วยความชอบใจ “ใช้ได้ ไอ้เม แบบนี้ ค่อยน่าให้อภัยในการมาสายของแก” สิ้นเสียงพูดของเอกวิทย์ ทุกคนต่างยิ้มหัวเราะเสียงดัง อย่างชอบใจ “เอาละ ๆ หยุดก่อน แล้วค่อยชิม วันนี้ที่ดอกเตอร์ ตามทุกคนมา เพราะว่ามีโครงการวิจัยโครงการใหม่ให้ทีมเราทำ และเป็นโครงการที่ต้องทำแบบเงียบ ๆ และเป็นความลับ” “สำคัญมาหรือครับถึงต้องปิดเป็นความลับ ”เอกวิทย์เป็นคนถามพร้อมกับสายตาทุกคนที่มองมาที่ดอกเตอร์พิสุจน์ ด้วยความสงสัยเช่นกัน “ก็จะสำคัญสำหรับบริษัท บริษัทหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของโครงการนี้” “วิจัยเกี่ยวกับอะไรคะ”เมรียาเอ่ยถามบ้างเพราะถ้าเป็นความลับมันต้องเป็นอะไรที่มีผลต่อคนหมู่มาก “คิดค้นไวน์สูตรใหม่”ดอกเตอร์พิสุทธิ์ บอกทุกคนทันที “ แค่ไวน์สูตรใหม่ทำไมต้องเป็นความลับขนาดนั้นละคะ” “มันสำคัญสำหรับเจ้าของโครงการที่จะให้ทุนในการวิจัย มันก็ประมาณ ว่า มีผลต่อคู่แข่งทางด้านธุรกิจอะไรประมาณนี้ละ”ดอกเตอร์พิสุทธิ์ อธิบายต่อ “อ้อ ผลประโยชน์ทางธุรกิจ”เมรียา พยักหน้าเข้าใจ “แล้วเขาจะให้เริ่มวิจัยเมื่อไหร่ครับ”ตรีภพเอ่ยถาม ต่อ “ทันทีที่เราพร้อม ผมถึงได้เรียกทุกคนมาในวันนี้ไง ว่าพร้อมสำหรับโครงการใหม่ไหม” “แล้วผู้สนับสนุนทุนเป็นใครคะด็อก” “บริษัท พี แอล วีไวน์ เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท พี แอล คอเปอร์เรชั่น จำกัด ทุกคนคงจะเคยรู้จัก” “โอ้โห มีใครไม่รู้จัก พี แอล คอเปอร์เรชั่น กันละครับ ดอกเตอร์ ยิ่งผู้บริหารหนุ่มสุดฮ็อต นี่ยิ่งไม่มีใครไม่รู้จัก นายภีษมะ เลิศรัตนา เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น แต่ว่า คนที่ควงก็สวย ๆ ทั้งนั้น เขาเรียกว่าหล่อเลือกได้” จักกฤช บรรยายซะทุกคนนึกเห็นภาพตามเลยที่เดียว “จริงเหรอพี่จัก หล่อขนาดนั้นเชียว”เมรียาถามอย่างตื่นเต้น “เฮ้ยยัยเมรีขี้เมา นี่แกไม่รู้จัก เขาจริงเหรอ”จักกฤชถามอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็พอจะเข้าใจละ เพราะเมรียารุ่นน้องคนนี้เคยสนใจใครที่ไหนนอกจาก งานและไวน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชอบมาก เรียกว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม “นี่พี่จัก ฉันชื่อเมรียา ไม่ใช่เมรีขี้เมา เรียกให้มันถูก ๆหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้สนใจนี่นาว่าใครจะหล่อ หรือ ฮ็อตขนาดไหน “ เมรียาพูดน้ำเสียงประชดนิด ๆ “แซวเล่นแค่นี้ ทำเป็นงอนไปได้ แต่ฉันก็เห็นแกชอบแอบชิมเครื่องดื่มเวลาทำงานวิจัย และก็เมาทุกที”ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของจักกฤช ก่อนจะหัวเราะกันเกรียว “พี่จัก ฉันก็ต้องชิมรสชาติไม่งั้นมันก็ไม่ได้ตามสูตรสิ” “พอ ๆ ได้แล้วคู่นี้ นี่ ว่ายังไงทุกคนพร้อมเมื่อไหร่ หรือมีใครติดปัญหาอะไรไหม แต่ผมต้องการทำงานกับพวกเราทีมเดิมนะ”ทุกคนหันไปมองหน้ากัน แล้วก็พยักหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน “พร้อมเสมอครับดอกเตอร์”ตรีภพตอบคนแรก “ครับผมก็พร้อมครับ”จักกฤชบอกอีกคน “ไม่ติดปัญหาอะไร เริ่มเลยครับดอกเตอร์”เอกวิทย์สำทับอีก “แล้วเม ละว่าไง ทำไมเงียบ”ดอกเตอร์พิสุทธิ์หันมามองหญิงสาวคนเดียวในทีม “เมกำลังคิดว่า ถ้าเมต้องชิมไวน์ทุกวัน คงจะเมาพิลึก” เมรียาพูดติดตลก ทำให้ทุกคนในทีมพากันหัวเราะ “คราวนี้แกก็จะได้เป็น เมรีขี้เมาจริง ๆ ละแกนะ”จักกฤชเอ่ยแซวเพื่อนรุ่นน้อง “พี่จัก ก็ รู้ทันจริง”เมรียาส่งค้อนให้รุ่นพี่ “ตกลงตามนี้นะ เราจะเริ่มงานกันเลย และอย่าลืมกฎของเขา คือ ห้ามไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทำแบบเงียบ ๆ และอีกอย่าง เขามีห้องแลปไว้ให้เราแล้ว ไม่ใช่ที่นี่” “โห ถ้าไม่สำคัญจริงคงไม่ปิดเป็นความลับขนาดนี้นะเนี๊ยะ” เอกวิทย์เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย กับคำพูดของเพื่อน ***************************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD