ภาพหญิงสาวในชุดมินิเดรสสีน้ำเงินพิมพ์ลายเชอรี่ ที่กำลังวิ่งหนีร่างกลมๆ แต่วิ่งเร็วของหลานสาว ซึ่งในมือมีลิปสติกสีแดงสด ทำให้เฮย์เดนและพลอยวารินทร์ ที่เปลี่ยนจากชุดว่ายน้ำเป็นชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว ถึงกับมองตาค้าง ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังนั่งคุยกับแขกอยู่บนโซฟาในห้องโถง
“อะไรกันน่ะ ทั้งน้าทั้งหลาน เล่นกันเป็นเด็กๆ”
แต่เมื่อนัทมนวิ่งลงบันไดขั้นสุดท้ายนำหน้าไข่มุกลงมา ก็ทำให้พลอยวารินทร์ เฮย์เดน และแขกผู้มาเยือนนั้น ถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน
“อย่าหนีนะคะน้านัท ยอมให้ไข่มุกทาลิปอีกข้างเสียดีๆ”
นัทมนเบ้หน้า “ไม่เด็ดขาด ไข่มุกต้องไปให้มามี๊สอนมาก่อนว่า ลิปสติกควรทาที่ปาก ไม่ใช่ทาที่ตา”
ใบหน้าสวยได้รูปของนัทมนเวลานี้ เต็มไปด้วยเครื่องสำอางที่อยู่ผิดที่ ผิดทาง ลิปสติกถูกวงรอบดวงตาข้างหนึ่ง บลัชออนสีชมพูหวานมีกลิตเตอร์ให้ประกายวิ๊ง พาดผ่านเต็มข้างแก้ม แม้จะถูกทาที่โหนกแก้มอย่างถูกที่ แต่ก็ปาดไป
แบบต่ำข้าง สูงข้าง เท่านั้นยังไม่พอ เฉดสีของแต่ละข้างก็ยังไม่เท่ากันอีก ทั้งหมดนี้มาจากฝีมือบิวตี้บล็อกเกอร์รุ่นจูเนียร์
คามิน เอบาฮิม ไม่คิดว่าจะมาเจอนัทมนที่นี่ เขาจำได้ เธอเป็นยัยผู้หญิงขี้ลืม ที่ทำหนังสือเดินทางหล่นหายแล้วเขาเอาไปคืนที่ห้องพัก ครั้งนั้นเขาติดต่อเธอไปทำงานด้วยเพราะเห็นเธอชอบเล่นกับเด็ก ดูจะเหมาะสมกับงานของเขาที่กำลังหาคนเร่งด่วน แต่เธอก็ปฏิเสธบอกว่ามีงานทำแล้ว แต่เมื่อสักครู่เขาได้คุยธุระกับพี่เขยและพี่สาวของเธอ เพิ่งได้ยินว่าเธอกำลังจะหางานใหม่ ความคิดบางอย่างจึงผุดขึ้นมาในหัว เมื่อหยุดหัวเราะได้ คามินก็อดที่จะเอ่ยแซวน้องสาวของพลอยวารินทร์ไม่ได้
“ไม่เจอกันนาน เดี๋ยวนี้ความสวยของคุณพัฒนาขึ้นมากนะครับ ผมเกือบจำคุณไม่ได้”
นัทมนขึงตามองผู้ชายหน้าเข้ม พลางนึกแปลกใจว่า ‘เขามาทำอะไรที่นี่ ไม่กลัวถูกลูกปืนเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้ จ่อยิงระยะประชิดหรือไง’ เพราะใครต่อใครต่างก็รู้กันทั่วว่า คามินเคยหลงรักพลอยวารินทร์ จนถึงขนาดเกิดเรื่องราวใหญ่โต โชคดีที่เคลียร์กันได้
“ถ้าคุณจะประชด ไม่ต้องทักฉันก็ได้ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า...” นัทมนเคลื่อนสายตาไปมองหน้าพี่เขย ก็เห็นเฮย์เดนยิ้มแย้มแจ่มใสดี ส่วนพี่สาวของเธอกำลังเดินเข้าไปจัดการไข่มุก ที่ยืนหน้างอ ยื้อลิปสติกจากมือผู้เป็นแม่ ที่ต้องการยึดเครื่องสำอางคืน
“นัตตี้ไม่ได้มานาน เลยไม่รู้ว่า เวลานี้บริษัทของพี่และบริษัทของคุณคามิน เราเป็นคู่ค้ากันแล้ว ที่สำคัญคุณเฮย์เดนกับคุณคามิน เขาก็สนิทสนมถูกคอกันมากด้วย” พลอยวารินทร์ถือโอกาสนี้เล่าให้ฟัง
“อ้าว! เป็นงั้นไป” นัทมนตอบอย่างประหลาดใจ แต่ก็เข้าใจสำหรับพวกนักธุรกิจ ศัตรูก็กลายเป็นมิตรได้ “ทำใจเรื่องพี่เอพริลได้แล้วเหรอคะ” นัทมนแสร้งหันกลับไปถามเขา เพราะจำได้ดีว่าหนุ่มหล่อเชื้อสายอาหรับ-อเมริกันคนนี้ เคยตามจีบญาติผู้พี่ตอนที่พลอยวารินทร์ยังไม่ได้คืนดีกับเฮย์เดนพี่เขยสุดหล่อของเธอนั่นเอง
“ยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกหรือไง” คามินเลิกคิ้วให้แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่เจอกันนาน คุณก็ยังขึ้นคานเหมือนเดิมใช่ไหม”
นัทมนขึงตาใส่ แต่ยังคงนิ่งเงียบไว้ ใครจะไปกล้ายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
คามินยิ้มมุมปาก “ไม่ตอบ หมายความว่าผมเดาถูก แล้วนี่คิดยังไง ถึงได้แต่งหน้าซะสวยขนาดนี้ คุณมีเดตที่ไหนเหรอ?”
นัทมนเกือบจะลุกขึ้นบีบคอเขาเพราะทนแววตายิ้มเยาะที่มองหน้าเธอไม่ไหว แต่ฝืนข่มตัวเองไว้แล้วตอบอย่างกระแทกกระทั้น
“เดตกับผีสิ ไม่เห็นเหรอ ไข่มุกเล่นงานฉัน จนหน้าสวยๆ กลายเป็นหน้าศพ”
เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของพี่สาวที่ยึดเครื่องสำอางจากไข่มุกได้สำเร็จแล้ว นัทมนจึงเสียงอ่อนลง
“ขอโทษค่ะ คือนัทยังตกใจกับหน้าตัวเองอยู่ เผลอหลับตาไปแค่นิดเดียว ยัยไข่มุกก็เล่นงานนัทซะเสียโฉม”
“เสียโฉม!” คามินย้อนคำพร้อมกับมองหน้าเธอราวกับว่า เธอพูดอะไรผิด
“คุณหมายความว่ายังไง” นัทมนหันไปถามกลับด้วยความข้องใจ
คามินหันไปมองไข่มุกอย่างชื่นชมแล้วยกนิ้วโป้งให้ ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ นัทมน แล้วพูดเบาๆ ว่า
“ผมว่าไข่มุก ทำให้คุณสวยกว่าความเป็นจริงตั้งเยอะ”
“จะมากไปแล้วนะคุณ ปากเสียแบบนี้ล่ะสิ ถึงยังหาเมียไม่ได้ โชคดีแล้วที่พี่สาวฉัน ไม่เอาคนปากเสียอย่างคุณมาเป็นแฟน” นัทมนเหวี่ยงกลับ แล้วหมุนตัวเดินหนีขึ้นไปบนชั้นสอง เพราะต้องการไปลบเครื่องสำอางบนใบหน้าออก
คามินมองตามไป รอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่ง เขารีบถามไล่หลัง
“เมียหาไม่ได้ไม่เป็นไร ผมมีเวลาหาอีกนาน แต่ตอนนี้ผมต้องการหาพี่เลี้ยง ให้ลูกชายผมด่วน ข้อเสนอที่ผมเคยเสนอไป ว่ายังไงคุณ ถ้าสนใจรีบติดต่อกลับผมนะครับ” เขายังสนใจนัทมนอยู่ ถึงเธอจะดูเป็นเด็กไปหน่อย แตกต่างจากพลอยวารินทร์ แต่การที่นัทมนยอมเอาหนังหน้าของตนเอง ให้แม่หนูไข่มุกลองอวดฝีไม้ลายมือในการแต่งหน้าก็ทำให้คามินคิดว่านัทมนเป็นคนรักเด็ก ที่สำคัญเธอยังสาวเข้าสเปคเจ้าหมาป่าน้อยที่รีเควสมาว่าพี่เลี้ยงคนใหม่ต้องสาวและสวย แต่จะทำอย่างไร ให้นัทมนยอมตกลงปลงใจ ไปทำงานกับเขาที่บาห์เรน คามินเม้มริมฝีปาก ดวงตาฉายแววคิดหนัก
ประเทศบาห์เรน
ชีคฮารีซ บิน เอบาฮิม อัล ซัลมานแห่งบาห์เรน ผ่อนลมหายใจ ทอดสายตามองทะเลทรายเวิ้งว้าง ด้วยความกลัดกลุ้ม เขาเพิ่งได้รับการประกันตัวออกมาและกำลังต่อสู้คดีอยู่ในชั้นศาล ด้วยข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น ตอนนั้นเขาแค่อยากช่วยให้คามินลูกชายเพียงคนเดียวสมหวังในความรัก เขาเลยจับตัวผู้หญิงไทยที่ชื่อพลอยวารินทร์มาไว้ แต่ทว่าเฮย์เดน สามีของเธอก็มาช่วยกลับไปได้เขาเลยต้องถูกจับ
ชีคฮารีซ ผ่านมรสุมชีวิตมามาก ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาจบชีวิตในคุกตอนแก่ แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เขาเป็นห่วงเท่ากับลูกชายคนเดียว ที่เขาอยากให้กลับมารับช่วงธุรกิจต่อจากเขา ใบหน้าชราปรากฏริ้วรอยขึ้นอีกมาก หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้นมาเพียงสามเดือน ดวงตาสีขุ่นมองทะเลทรายยามราตรีที่ดูน่ากลัว พาให้ผู้คนหลงทิศหลงทาง ยังไม่ลึกลับน่ากลัวเท่ากับหัวใจลูกชายคนเดียวของเขา ที่อยากให้กลับมาบาห์เรน
คามิน เอบาฮิม ลูกนอกสมรสที่เกิดกับผู้หญิงอเมริกันที่ท่านชีครักยิ่งกว่าชีวิต แต่โชคชะตาทำให้เธอจากเขาไปนานแล้ว สิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนความรัก ระหว่างเขาและเธอ ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ก็คือ คามิน ลูกชายคนเดียวที่พร้อมจะแหกคอกทุกคำสั่งของเขา คามินจะเดินไปทางซ้าย เมื่อเขาสั่งให้เดินไปทางขวา
“ฉันควรจะทำยังไงดี ฟารุก คามินมันโกรธฉัน ทั้งๆ ที่ทุกอย่างฉันทำลงไป เพราะความรักที่พ่อมีต่อลูก”
ชีคฮารีซ ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา ในขณะที่ฟารุกกำลังส่งถ้วยกาแฟพร้อมกระวาน อันเป็นเครื่องเทศโปรดของชีคฮารีซมาให้
ฟารุกค้อมศีรษะน้อยๆ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “มัคโล๊ค(มนุษย์) ที่มีความสุขที่สุดนั้นคือ ผู้ที่ได้รับการเอื้ออำนวย (ได้รับเตาฟีก)ในสิ่งที่ถูกต้อง”
“แกหมายความว่ายังไง ฟารุก”
“คุณคามินเป็นคนฉลาด ต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง สักวันคุณคามิน จะต้องกลับมาบาห์เรนแน่ครับ”
“แกคิดอย่างนั้นหรือฟารุก” ชีคฮารีซ ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาสีขุ่นมีแววครุ่นคิด “ถ้าคามินกลับมาจริงๆ ฉันจะยกทุกอย่างที่เป็นของฉันให้เขาทันที”