เพราะผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน เธอจึงยอมตอบตกลงแต่งงานกับเขา แต่พออยู่กันไปสักพักเจ้าบ่าวกำมะลอกลับมาพูดว่า “ลองมาเป็นเมียพี่จริงๆ ดูไหม”
*****
“กระต่าย”
“ขาพี่เสือ”
“อยากเป็นเมียพี่จริงๆ ไหม”
เบียร์ที่เพียงรัมภาพึ่งดื่มเข้าไปแทบพุ่งออกมาทางเดิมเมื่อได้ยินสิงหาถามเช่นนั้น “วะ.. ว่าไงนะคะ เป็นอะไรนะคะ”
“เป็น-เมีย” สิงหาหันมองภรรยาสาว แววตาเขาหวานฉ่ำราวกับน้ำเชื่อม ซึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสาเหตุสองประการ หนึ่งเพราะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มหมดไปหลายขวด และประการที่สองก็เป็นเพราะได้อยู่ใกล้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่ไง
เพราะที่ผ่านมา เพียงรัมภาคิดเองเออเองมาโดยตลอดว่าสิงหาไม่มีวันพิศวาสเธอ หญิงสาวจึงยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่ถูกจู่โจมขอเป็นเมียโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไร เธอเป็นพวกตกใจไม่นาน
เมื่อตั้งสติได้ เพียงรัมภาก็หันไปสบตากับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามนิตินัย เหลือแต่ก็เพียงพฤตินัยเท่านั้น เธอมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาเขา พยายามค้นหาว่าสิงหากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ยิ่งค้นก็ยิ่งไม่พบอะไร นอกจากความหื่นกามที่ฉายชัดออกมา
“หมายความว่าพี่ชวนให้เราสองคนมากินตับกันจริงๆ จังๆ งี้เหรอ?”
สิงหาไหวไหล่ “แล้วมันแปลกตรงไหน ผัวเมียคู่อื่นก็อึ๊บกันทั้งนั้น”
“แต่ที่เขาอึ๊บกันก็เพราะเขาเป็นผัวเมียกันจริงๆ แต่เราสองคนไม่ใช่”
“เราจดทะเบียนสมรสกันไหม?”
“จดค่ะ”
“เราจัดพิธีแต่งงานกันหรือเปล่า”
“จัดค่ะ”
“แล้วญาติผู้ใหญ่กับคนอื่นของเราทั้งคู่รับรู้ไหมว่าเราเป็นผัวเมียกัน”
“ก็.. รู้ค่ะ”
“น่ะ!แล้วเราไม่ใช่ผัวเมียกันตรงไหน”
“ก็เราไม่ได้รักกันนี่คะ หนูแต่งงานแลกกับเงินหนึ่งล้าน ส่วนพี่แต่งงานเพราะอยากได้ไม้กันหมา”
“งั้นเราก็มาเป็นผัวเมียกันจริงๆ สิ ลองเป็นดู ถ้าไม่ใช่ก็ค่อยแยกย้าย”
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าสิงหา นัยน์ตาชายหนุ่มดูแพรวพราวราวกับหนุ่มเพลย์บอยที่ช่ำชองเรื่องผู้หญิง ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงรัมภาคิดมาโดยตลอดว่าเจ้าของใบหน้าภายใต้กรอบแว่นสายตานั้นไม่ค่อยฝักใฝ่กับเรื่องเพศตรงข้าม ในหัวเขามีแต่เรื่องงานและบริษัท แต่นับจากได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาในฐานะภรรยา ความคิดที่มีต่อสิงหาก็เริ่มเปลี่ยนไป
‘พี่เสือมันร้าย เขาไม่ใช่ชายหนุ่มใสๆ และแสนดีอย่างที่เธอเคยคิด’
“นี่พี่เสือเอาจริงเหรอคะ”
“อื้อ พี่-เอา-จริง!”