9

1212 Words
“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ศีรษะตอนเดินทางมาที่จวนสกุลหลวนทำให้บาดเจ็บ ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนมาก ความทรงจำเสียหายไปเพคะ จึงจำท่านอ๋องไม่ได้ ขอท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วย” ฉินจิ้นเหอหรืออ๋องเก้าตวัดสายตามองไปที่จางชิงหลินอีกครั้ง ดวงตาคู่งามภายใต้ขนตาเป็นแพของนางยังคงหวานซึ้งเช่นเดิม ความงามราวเทพธิดาของนางที่เคยสะกดสายตาของเขาไว้ได้ไม่แปรเปลี่ยนยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่มีบางสิ่งเปลี่ยนไป ดวงตาที่เคยอ่อนหวานดูกล้าแกร่ง แฝงแววรู้ทัน ฉลาดเฉลียว อีกทั้งกิริยาท่าทางของนางก็ไม่เหมือนสตรีชาววัง ดูไปแล้วเหมือนกับ... “เจ้ามาพักอยู่ที่จวนสกุลหลวนใช่หรือไม่ คงลำบากไม่น้อย” หลินหลินรู้ชื่อเขาจากตอนที่ลู่เจียวกระซิบบอกเมื่อครู่ เขาชื่อ ‘ฉินจิ้นเหอ’ นางพยักหน้าเบาๆ ในตอนนี้นางไม่กล้าตอบอะไรมาก เพราะยังไม่รู้จักบุรุษคนนี้ดีพอ แต่ดูโดยรวมแล้วเขาดูเป็นคนฉลาดเฉลียวทีเดียวที่สำคัญ ‘งานดีจริงวุ้ย’ ‘หล่อกว่าในภาพวาดตั้งเยอะ’ นางอยากบอกเรื่องหนึ่งให้เขาตื่นเต้นดีใจ ในอนาคตเขาจะได้เป็นถึงฮ่องเต้ แต่กลัวถูกหาว่าบ้า กลัวจะหลุดพิรุธจึงรีบสำรวมกิริยา “หม่อมฉันพักอยู่จวนสกุลหลวน ไม่ได้ลำบากอะไร ขอบพระทัยที่เป็นห่วงเพคะ” หลินหลินตอบ ตอนนี้คงตามหลิวโจวซิ่นไม่ทันแล้วแต่ถึงอย่างไรก็ต้องรีบไปทำธุระที่อารามให้เสร็จ “หม่อมฉันไม่มีเวลาแล้ว ขอลาไปก่อน มีธุระต้องไปทำต่อเพคะ” หลินหลินบอกจบก็รีบเดินกลับไปที่รถม้า เสียดายที่ตามหลิวโจวซิ่นไม่ทันอีกทั้งรู้สึกว่าเหตุการณ์วันนี้จะทำให้มีเรื่องยุ่งยากตามมา เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถม้าแล้ว หลินหลินก็รีบถามลู่เจียวกับจิวฮุ่ยถึงเรื่องที่สงสัยทันที “ฉินจิ้นเหอคนนั้นคือใครกัน ทำไมเขาถึงมองข้าแปลกๆ แต่ข้าจำเขาไม่ได้” สองบ่าวไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกที่เจ้านายจำใครไม่ได้ จึงอธิบาย “ท่านอ๋องเก้าเป็นโอรสองค์สุดท้องของอดีตฮ่องเต้เจ้าค่ะ แต่ด้วยความปรีชาสามารถท่านอ๋องเป็นคนเดียวที่ฝ่าบาทไว้ใจให้ร่วมทำงานอยู่ในคณะมุขมนตรี มีสิทธิ์มีเสียงออกความเห็น ช่วยเป็นที่ปรึกษาข้อราชการและยังคุมผู้ตรวจการหัวเมืองอีกที ครั้งนี้เห็นทีคงออกมาตรวจตราภายในเมืองเจ้าค่ะ อ้อ ยังไม่หมดนะเจ้าคะท่านอ๋องเคยร่วมรบออกศึกกับอดีตฮ่องเต้ ได้ยินว่ามีฝีมือด้านฝีดาบไม่เบา” “ทำไมฮ่องเต้นั่นถึงให้อำนาจอ๋องเก้าคนนี้มากเช่นนี้ เขาไม่กลัวว่าน้องชายจะคิดกบฏเหรอ” “ท่านอ๋องเก้าไม่มีกำลังทหารในมือเจ้าค่ะ อีกอย่างในราชสำนักก็ไม่มีฐานอำนาจใดๆ พระมารดาของท่านอ๋องเป็นแค่สนมขั้นผินเท่านั้น” “อ้อ ที่แท้ก็เสือซ่อนเล็บ” อนาคตอ๋องเก้าต้องคิดกบฏแน่ หัวใสๆของนางเริ่มผุดแผนร้ายกาจ ‘หรือจะยุอีตานี่ให้โค่นบัลลังก์พี่ชายดี หุหุ’ “คุณหนูว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หลินหลินหยุดคิดวางแผนการอย่างนางมารร้ายไว้ชั่วครู่ “ข้าว่าคนอย่างอ๋องเก้าไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นหรอก ดูจากสายตา ท่าทางแล้ว ถามหน่อยสิอีตานี่ เอ้ย..ท่านอ๋องเก้าผู้นี้มีสนมชายาเยอะหรือเปล่า” “ใครๆ เขาก็ลอบนินทากันไปทั่วเจ้าค่ะ กลัวว่าท่านอ๋องเก้าจะเป็นพวกสับแขนเสื้อ” ความหมายนี้หลินหลินพอเข้าใจอยู่บ้างถ้าในยุคสมัยเธอก็พวกชายรักชายนั่นแหละ “ไม่มั้ง อย่าเลย เสียดายของ” แต่เมื่อเห็นสองสาวใช้มองนางอย่างประหลาดหลินหลินจึงหุบปาก “ไม่มีอะไร อย่าใส่ใจคนป่วยเพิ่งฟื้นอย่างข้าเลย แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า เราไปที่อารามเต๋ากันเถอะ จะช้าไม่ได้แล้วถ้าอ๋องเก้าผู้นั้นเป็นที่ปรึกษาของฮ่องเต้จริงๆ เขาจะต้องรีบไปทูลรายงานเรื่องข้ายังไม่ตาย แถมยังอยู่สบายแน่” ขณะที่หลินหลินรีบไปยังอารามเต๋าเพื่อดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ฉินจิ้นเหอก็ลงจากหลังม้าเดินเข้าตำหนัก “ท่านอ๋องจะทรงทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเรื่องที่ไปพบอดีตฮองเฮาในวันนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” จิวฝูทหารคนสนิทเอ่ยถาม อ๋องเก้าโบกมือ “มีอะไรต้องรายงาน” “เอ่อ กระหม่อมเกรงว่าฝ่าบาทอาจจะทราบจากขุนนางคนอื่นแล้วกริ้วท่านอ๋องได้” “ถ้าอย่างนั้นก็ยังไม่ต้องรายงานตอนนี้” จิวฝูค้อมศีรษะรับคำสั่ง “กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม ทำไมท่านอ๋องไม่ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบตอนนี้ หากฝ่าบาททราบภายหลัง ท่านอ๋องจะทรงลำบาก” “อันที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ การที่ข้าพบนางที่ตลาดแล้วอย่างไร ไม่พบแล้วอย่างไร ข้าไม่จำเป็นต้องรีบทูลเอาหน้าถึงเพียงนั้น หากข้าร้อนรนมากไป จะไม่เป็นการทำให้ฝ่าบาทสงสัยในตัวข้าหรือ” จิวฝูรีบโขกศีรษะลงกับพื้น “กระหม่อมคิดน้อยไป ขอท่านอ๋องโปรดประทานอภัย” “ฝ่าบาทมีใจระแวงทุกคนไม่ไว้ใจผู้ใดจริงจัง หากว่ารู้ว่าข้ามีหูตาคอยเป็นสายสืบไว้ในเมืองหลวงมาก ย่อมไม่เป็นการดี เรื่องในวันนี้ไม่ต้องพูดถึงอีก เจ้าไปพักได้แล้ว” “พ่ะย่ะค่ะ” ลับหลังร่างคนสนิท ฉินจิ้นเหอก็เคาะนิ้วลงกับโต๊ะ เขาต้องการช่วยนางจึงสั่งคนสนิทไปแบบนี้ เขาไม่อาจช่วยนางได้มากเพราะมีงานใหญ่รออยู่ ชะตากรรมของจางฮองเฮาเป็นตัวอย่างที่บอกให้รู้ว่าเมื่อกระต่ายตายก็ต้มหมาล่าเนื้อ ตระกูลจางไม่มีประโยชน์ต่อฮ่องเต้อีกแล้ว ส่วนจางฮองเฮาผู้จืดชืดเฝ้าแต่มั่นคงในรักที่ไม่มีจริงก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเซียวกุ้ยเฟยที่เจ้าเล่ห์เพทุบายมากที่สุด ดังนั้นหากไม่อยากมีเคราะห์กรรมเลวร้าย เขาจำต้องทำตัวเรียบง่ายไม่ยุ่งกับผู้ใด อีกทั้งเขาเองก็ไม่อยากเข้าวังในตอนนี้ เพราะสภาพที่เละเทะ มั่วสุมในโลกีย์ทำให้เขาไม่อยากก้าวเข้าไปเลย เซียวกุ้ยเฟยออกความเห็นให้ขุดสระในฝ่ายในแล้วนำเหล้ามาเทไว้เพื่อไว้ให้ฮ่องเต้ได้เสพสุข ร่ำสุราได้ทั้งวันทั้งคืน ฮ่องเต้ก็เห็นดีเห็นงามด้วย อีกทั้งเซียวกุ้ยเฟยยังมีคำสั่งให้สนมนางในสวมชุดยั่วยวนคอยบำรุงบำเรอกับฮ่องเต้อยู่ตลอดจนทำให้หมกมุ่นแต่ในฝ่ายในไม่ค่อยได้ออกว่าราชการ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปฮ่องเต้ทรราชผู้นี้คงจะเสพสุขได้อีกไม่นานแล้ว “ฝ่าบาทเลอะเลือนเยี่ยงนี้เห็นทีข้าต้องทำอะไรบางอย่าง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD