“สมน้ำหน้า นังมัสมันกล้าดียังไง มาเป็นคู่แข่งลูกป่านของแม่ รอคุณโกมุทคุยกับลูกชายเขาก่อนเถอะ พวกไอ้อีขี้ข้าบ้านนี้ จะรู้สึก”
แพรพรรณลากแขนลูกสาวมานั่งรอที่ห้องรับแขก ไม่สนใจว่าคนดูแลบ้านจะยืนคุมเชิงอยู่ ครู่หนึ่งกริชก็วิ่งเข้ามาเขาไม่ได้สนใจสองแม่ลูกสักนิด สอบถามถึงมัสลินและเมื่อรู้ว่าแพรพรรณทำร้ายมัสลินก็โกรธมาก ด่าทอแพรพรรณกับลินินสาดเสียเทเสีย จนนายโกมุทที่ตามมาต้องห้ามทัพไว้
ลินินอับอายมากรีบพาแพรพรรณกลับกรุงเทพ เธอไม่ยอมหมั้นกับกริชตามที่มารดาขอร้อง และเก็บเสื้อผ้าเดินทางกลับเชียงใหม่ทันที ตั้งใจจะไปหามัสลินเพื่ออธิบายทุกอย่างและขอโทษในการกระทำของมารดา
ปรัชญ์เปลี่ยนยางรถเสร็จก็รีบขับรถมาตามหามัสลิน เขาขับรถตามหาบ้านพักของกริชอยู่นาน กว่าจะรู้ทางก็เสียเวลามากพอดู เมื่อมาถึงก็เห็นมัสลินอุ้มลูกชายออกมาจากบ้าน ใบหน้าบวมแดงร้องไห้น้ำตาไหลพราก พี่ไม้ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น จึงรีบลงไปหาสองแม่ลูกทันที เขาพลาดที่ตามรถของนายโกมุทไม่ทัน รถของเขามันดันยางแตกต้องเสียเวลาเรียกช่างมาเปลี่ยน
“มัส พี่ไม้”
“พี่ปอนด์ ฮือ พามัสกับลูกไปจากที่นี่ที” มัสลินโผเข้ากอดปรัชญ์ทันที
“ไปขึ้นรถก่อน มีอะไรค่อยคุยกันในรถ”
ปรัชญ์ช่วยอุ้มพี่ไม้ มัสลินวิ่งไปเอากระเป๋าที่ซ่อนไว้ หิ้วมาขึ้นรถด้วย โชคดีที่เธอเอามาซ่อนไว้แถวนี้
“เกิดอะไรขึ้นมัส เล่าให้พี่ฟังหน่อย”
พอรถเคลื่อนออกมาจากที่นั่น ปรัชญ์ก็เอ่ยถาม มัสลินจำต้องเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง
“โธ่...มัส พี่ขอโทษที่ตามมาช่วยมัสกับพี่ไม้ไว้ไม่ทัน นังคุณนายกับลูกสาวมันร้ายกาจนัก ตามจองเวรมัสไม่เลิกรา พี่จะกลับไปจัดการกับมัน”
ปรัชญ์ได้ฟังเรื่องที่เกิดแล้ว อยากขับรถย้อนกลับไปจัดการกับสองแม่ลูก แต่มัสลินห้ามไว้
“ไม่เอาค่ะพี่ปอนด์ ฮือ... มัสไม่อยากเจอพวกเขาอีกแล้ว”
“แม่จ๋าอย่าร้องไห้ พี่ไม้จะให้ลุงกริช จัดการยายแม่มดให้ตายเลย”
พี่ไม้กอดแม่ปลอบใจ แกหายตกใจแล้ว ยังนึกเกลียดยายแก่ปากร้ายจนด่าว่าไม่หยุด
“คุณกริชเขาไม่ช่วยมัสเหรอ ทำไมไม่ปกป้องมัส” ปรัชญ์เอ่ยถาม
“เขา... เขาเป็นคู่หมั้นของพี่ป่านค่ะ คุณป้าบอกว่าเขาให้คุณป้ามาไล่มัส เขากำลังจะแต่งงานกับพี่ป่านเดือนหน้าแล้ว เขาหลอกลวงมัส”
มัสลินเล่าไปร้องไห้ไป สภาพเหมือนคนใจสลายน่าเวทนานัก ปรัชญ์ขยับจะเอ่ยความจริง แต่ก็ยั้งปากไว้ก่อน เขาไม่อยากให้มัสลินต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกริชอีกแล้ว เมื่ออีกฝ่ายเป็นคู่หมายของลินิน ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับกับยายคุณนายแพรพรรณ คนแบบนั้นไม่มีทางเลิกราวีมัสลินง่ายๆ แน่
“พี่จะพามัสกลับบ้านเรา ไม่ให้เขามายุ่งกับมัสกับพี่ไม้อีก”
“มัส... มัสอยากไปอยู่ที่อื่นสักพักค่ะ”
มัสลินนิ่งคิดไตร่ตรองแล้ว ไม่อยากสร้างปัญหาให้ปรัชญ์กับเปรมใจอีก หากเธอกลับไปก็ไม่พ้นต้องถูกผู้คนนินทาว่าร้าย นำความเสื่อมเสียมาให้เปรมใจ สู้ไปให้พ้นดีกว่า
“มัสจะไปที่ไหน พี่ไม่ยอมให้มัสไปนะ” ปรัชญ์ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“มัสจะไปหาคุณภานุคะ”
มัสลินบอกชื่อคนที่เธอจะไปขอความช่วยเหลือให้ปรัชญ์รับรู้ อีกฝ่ายเงียบไปก่อนจะพยักหน้า
“ถ้าเป็นเขา พี่ก็วางใจ พี่จะไปส่งมัสเอง”
“พี่ปอนด์ส่งมัสที่ท่ารถก็พอแล้วค่ะ มัสจะพาพี่ไม้ไปเอง”
มัสลินบอกปรัชญ์ให้พาเธอมาส่งที่สถานที่ขนส่งผู้โดยสาร ปรัชญ์ยอมทำตามที่เธอขอ เขาอยู่เป็นเพื่อนจนถึงเวลาเดินทาง
“รถจะออกแล้วมัสไปก่อนนะคะ ถึงที่นู่นแล้วมัสจะโทรไปหา”
มัสลินรับลูกชายมาอุ้มไว้ พาแกเดินขึ้นรถ ปรัชญ์ยืนส่งจนรถเคลื่อนออกจากชานชาลา
“โชคดีนะมัส...”
ปรัชญ์หมุนกายเดินกลับมาที่รถ เขาหายห่วงมัสลินแล้ว เหลือเพียงหาทางจัดการกับสองแม่ลูก เรื่องเจรจาคงต้องยุติ เขาจะฟ้องศาลเรื่องคดีมรดกแทนมัสลิน ให้มันรู้กันไปว่า ยายคุณนายแพรพรรณจะดิ้นหนีกฎหมายพ้น ส่วนยายผ้าป่านเขาก็จะไม่ปล่อยให้ลอยนวล
สองแม่ลูกทำให้มัสลินเจ็บแค่ไหน เขาจะเอาคืนให้เจ็บกว่า !
ปรัชญ์ขับรถกลับมาถึงบ้านในเช้าวันรุ่งขึ้น และก็ได้พบกับกริชที่มาดักรออยู่ เขาไล่อีกฝ่ายให้กลับไปแต่กริชไม่ยอมแพ้ขอพบมัสลินให้ได้ ปรัชญ์จึงสั่งสอนคนที่ทำให้มัสลินเสียน้ำตาไปหลายหมัด กริชยอมถูกต่อยแต่ไม่ยอมกลับ เขายินดีรับผิดทุกอย่างและขอโอกาสได้พบเพื่ออธิบายกับมัสลิน ปรัชญ์เห็นความจริงใจของอีกฝ่ายจึงตั้งข้อแม้ว่า ให้กริชช่วยเขาจัดการเรื่องคดีมรดกของมัสลินกับแพรพรรณให้สำเร็จ ถึงจะยอมบอกที่อยู่ของมัสลินให้กริชรู้
ปรัชญ์เดินไปเปิดรถยนต์ หยิบเอกสารเกี่ยวกับการฟ้องร้องแพรพรรณ มาส่งให้กริช
“นี่เป็นคดีความเกี่ยวกับมรดกของมัส ผมจะตั้งทนายฟ้องร้องยายแพรพรรณ ผมคิดว่าคุณคงหาทนายฝีมือดีๆ มาจัดการเรื่องนี้ได้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการให้ได้ ผมจะช่วยทวงความยุติธรรมให้มัส และจะเอาคืนยายป้ามหาภัยนั่นให้สาสม”
กริชรับปากโดยไม่ต้องคิด เขาเองเตรียมแผนไว้หลายอย่าง ในการจัดการกับแพรพรรณ
“ดีมาก ไปจัดการให้เรียบร้อย หากเรื่องนี้เสร็จเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะได้พบมัสเร็วเท่านั้น” ปรัชญ์มีข้อแลกเปลี่ยนให้
“ครับ รอฟังข่าวดีก็แล้วกัน”
กริชหอบเอกสารกลับขึ้นรถตัวเอง ขับออกไปจากที่นั่นโดยไม่รอให้ไล่เหมือนคราวแรก ปรัชญ์มองตามแล้วถอนหายใจแรง อย่างน้อยกริชก็เป็นลูกผู้ชายพอ
“มัส พี่จะทำทุกอย่างเพื่อทวงความยุติธรรมให้มัส”
ปรัชญ์รำพึงในใจก่อนจะขนกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปในบ้าน เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้สดชื่น ตั้งใจจะนอนพักให้หายเหนื่อย หลังจากขี่รถข้ามจังหวัดกลับมาทั้งคืน ทว่า... กลับมีเสียงเคาะประตูเรียกอยู่หน้าบ้าน
“ใครมาเคาะประตู เพิ่งไล่ไปหยกๆ กลับมาอีกแล้วหรือคุณกริช”
ปรัชญ์สวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่าเดินลงมา ผมยังเปียกชื้น เขาไปเปิดประตู แล้วยืนนิ่งตาวาววับ เมื่อเห็นคนมาเคาะเรียกชัดๆ
“ยายผ้าป่าน...”
คนที่ปรัชญ์เกลียดอันดับสองมาเยือนถึงที่ ลินินขึ้นเครื่องกลับทันที ไม่ยอมอยู่ต่อให้ครบเวลาใช้ลา ซึ่งเหลืออยู่ถึงสามวัน ลงเครื่องมาได้ก็รีบขับรถมาหามัสลิน หวังจะอธิบายให้น้องสาวเข้าใจ และขอโทษในสิ่งที่มารดาทำไว้
“ฉันมาหายายมัส” ลินินบอก
“มัส ไม่... อืม เข้ามาก่อนสิ”
ปรัชญ์จะไล่กลับ แต่เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในหัว เขาเปิดประตูให้ลินินเดินเข้ามา ผายมือให้หญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนาถึงสองชั้น หมุนกายเดินมาหาหญิงสาวที่รออยู่
“มาหามัสทำไม”
เขาแสร้งตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง รอดูว่าอีกฝ่ายจะเล่นละครอะไรให้ดู
“ฉันมาถามสารทุกข์สุกดิบน้องสาวไม่ได้เหรอ มัสอยู่ไหน เรียกมาหาหน่อยสิ”
ลินินเชิดหน้าเข้าใส่ วางท่าน่าหมั่นไส้ ปรัชญ์จ้องหญิงสาวประเมินความคิด
“มัสไม่สบาย คงมาพบไม่ได้ นอนพักอยู่ในห้อง”
เขากอดอก มองเธอนิ่งๆ เหมือนชั่งใจว่าลินินจะทำยังไงต่อ
“ฉันอยากคุยกับมัส พาไปหาหน่อยสิ”
“หึ ตามมาทางนี้”
ปรัชญ์เดินนำไป ไม่มองหญิงสาวสักนิด ลินินลุกขึ้นเดินตามโดยไม่ฉุกใจคิดว่า วันนี้ร้านปิดอยู่ ไม่มีคนอื่นในร้านเหมือนทุกวัน แต่ด้วยความเป็นห่วงน้องสาวจึงเดินตามปรัชญ์ไป เห็นเขาเปิดประตูแล้วยืนกอดอกรอหน้าห้อง ก็รีบเดินเข้าไปทันที
“ยายมัส... อ๊ะ!”
ในห้องมีเพียงเตียงว่างๆ ไร้เงาของมัสลิน รีบหันไปทางประตู แต่ปรัชญ์กระชากประตูปิดเสียงดัง
ปัง !!!
“ยายมัสอยู่ที่ไหน นายหลอกฉันใช่ไหม!”
ลินินรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สายเกินไป เมื่อปรัชญ์ขยับเข้ามากอดรัดเอาไว้แน่น หญิงสาวพยายามผลักไสแต่อีกฝ่ายกลับโถมตัวเข้าใส่จนหงายหลังลงบนที่นอน