Intro

2752 Words
“อ่า...” เสียงแห่งความสุขสมครั้งสุดท้ายดังระงมไปทั่วทั้งห้องนอนพร้อมกับร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวอายุเข้าเลขสามทิ้งตัวลงเคียงข้างหลังจากที่ผ่านพ้นศึกหนัก เธอนอนหอบหายใจถี่อยู่ราว ๆ กว่าหนึ่งนาทีเพราะด้วยอายุที่มากแล้ว ก่อนจะหันมองเคียงข้างดูคู่นอนของตัวเองที่มีทีท่าไม่ต่างกันแม้ว่าเจ้าหล่อนจะอายุน้อยกว่าเธอเป็นสิบปี และยกยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับการลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ร่างสูงที่อยู่บนเตียงนอนผงกศีรษะขึ้นมาสบมองเธอที่ได้ขึ้นว่าเป็นคู่นอนก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้มองเห็นท้วงท่าที่สวยงามของเธอเดินย่างกรายไปหยิบผ้าคลุมขึ้นมาสวมใส่ เธอยกมวนบุหรี่ที่มีกลิ่นหอมหวานขึ้นมาจุดไฟ ก่อนค่อย ๆ ผ่อนลมออกจากริมฝีปากให้ทั้งห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหวานของมวนบุหรี่ยี่ห้อนั้น และมันก็ทำให้เจ้าหล่อนที่อายุน้อยกว่าไม่รอช้า รีบขยับร่างกายขึ้นไปโอบกอดหญิงสาวอายุมากกว่าเอาไว้ และกดจูบลงที่ไหล่ของเธออย่างออดอ้อนเหมือนกับที่ทำอยู่เป็นประจำทุกครั้งไป “มัมคะ...วันนี้คริสมีความสุขมากเหมือนเช่นเคยเลยนะคะ” เจ้าหล่อนหลอกล่อด้วยคำหวานก่อนจะกดจูบลงมาที่ข้างแก้มใสให้เธอเผยยิ้มออกมาอย่างขบขัน ก่อนที่เธอจะขยับเรือนร่างออกห่าง แต่เจ้าหล่อนยังไม่ยอมแพ้ขยับตามเธอไปทุกทางจนความรำคาญเริ่มเข้ามาแทนที่ ร่างบอบบางของหญิงสาวอายุมากกว่าลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงอีกครั้งก่อนจะพาร่างเล็ก ๆ ของตนเดินไปเปิดกระเป๋าสตางค์และหยิบเช็คขึ้นมาเพื่อจะมอบค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเบบี๋ของเธอที่เป็นเด็กดีและภักดีต่อเธอเสมอ มือบางที่มีเช็คระบุจำนวนเงินไม่น้อยยื่นไปตรงหน้าของเด็กสาว ก่อนที่แววตาของเจ้าหล่อนจะเป็นประกายลุกวาวขึ้นมาอย่างปรีดาที่ได้มากกว่าทุกครั้ง และกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อไปออดอ้อนหญิงตรงหน้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมัมมี้ของเจ้าหล่อนในทันที “นี่จะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ฉันให้เธอ” คนพูดไม่ยี่หระและยกมวนบุหรี่เพื่อขึ้นสูบอีกครั้ง แต่คนที่ได้ฟังถึงกับต้องตั้งสติและหัวเราะกลบเกลื่อนออกมาเพราะบางทีเจ้าตัวอาจจะหูฝาดไปเอง “มัมว่าอะไรนะคะ?” ถามไถ่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ใบหน้านิ่งเฉยของคนที่อายุมากกว่าก็บอกกับเจ้าหล่อนได้เป็นอย่างดีแล้วว่าเธอไม่ได้ล้อหลอกกันแต่อย่างใด “อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำซาก รีบเก็บของแล้วออกไปจากห้องของฉัน และอย่าติดต่อมาอีก” เธอพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้เจ้าหล่อนได้ฟัง ก่อนที่ร่างบอบบางของตัวเธอเองจะเดินเลี่ยงไปทางห้องน้ำ และเตรียมตัวจะชำระร่างกายและมันเป็นสิ่งที่เธอทำเป็นประจำทุกครั้งหลังจากที่เซ็กส์ของเธอจบลง “ทำไมล่ะคะมัม? คริสทำไม่ดีตรงไหนเหรอคะ?” แต่หญิงสาวยังมีที่ท่าไม่ยอมแพ้และยังเอาแต่ตั้งแง่เกิดคำถามกับเธอมากมายจนเริ่มรู้สึกที่จะรำคาญใจแล้ว เธอหันหน้าไปสบมองเจ้าหล่อนในทันทีและแสดงออกถึงสีหน้าแห่งความไม่พอใจ หญิงสาวที่ร่วมหลับนอนกับเธอมามากกว่าสามเดือนรู้ดีเสมอว่าเมื่อใดที่มัมแสดงสีหน้าเช่นนี้แล้ว เจ้าหล่อนจะต้องนิ่งและหุบปากในทันทีซึ่งมันอยู่ในข้อตกลงของเราตั้งแต่เริ่มแรก “เพราะเธอกำลังจะล้ำเส้นฉัน...และเซ็กส์ของเธอก็น่าเบื่อเกินไปแล้ว” ไร้เยื่อใย... หญิงสาวน้ำตาไหลพรากในทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่กลางอก เจ้าหล่อนรู้ตัวดีเสมอว่าเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นมาในสักวัน แต่มันก็ผิดที่ตัวเองเพราะเจ้าหล่อนดันเอาใจลงไปเล่นกับเกมนี้ ซึ่งกฎข้อห้ามที่แสนสำคัญมันก็เด่นหราอยู่แล้วว่า...ห้ามหลงรักชูการ์มัมมี้ของตนเองเป็นอันขาด! เจนนี่นอนแช่อ่างน้ำอย่างสบายอารมณ์เพื่อผ่อนคลายตัวเองหลังจากที่เธอต้องเจอเรื่องน่าหนักใจเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาก่อนหน้า เธอสูบมวนบุหรี่และยกแชมเปญขึ้นจิบพร้อมกับคิดอยากจะหาเบบี๋คนใหม่มาเป็นเพื่อนคู่นอนให้กับตัวเธอเองอีกครั้ง เธอไม่เคยอยู่กับใครได้นานเกินหกเดือนเลยเพราะเธอรู้ตัวเองดีเสมอว่าเธอไม่เหมาะสมกับการมีคนรัก เธอเป็นคนประเภทที่ขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ผู้คนมักจะรับส่วนนี้ของเธอไม่ได้และต่างก็ทยอยเดินจากเธอไปไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง แต่ชีวิตของเธอก็เหมือนคนปกติทั่วไปที่อยากจะได้ผ่อนคลายและส่งเสียงแห่งความสุขสมเมื่อได้อยู่บนเตียงกับใครสักคน ซึ่งเธอวินิจฉัยด้วยตัวเองมาแล้วว่าการช่วยตัวเองมันไม่ได้ช่วยเธอได้เลยและสิ่งที่ผ่อนคลายอารมณ์ของเธอได้ดีที่สุดนั่นคือการมีเซ็กส์ โชคดีที่เมื่อปีก่อนเธอดันไปเจอแอปพลิเคชันหนึ่งจากปากของพนักงานในบริษัทของเธอว่าสมัยนี้มีเด็ก ๆ ที่สามารถซื้อได้ด้วยเงินและพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เคยจุกจิกทั้งยังออดอ้อนได้น่ารักน่าชัง มันราวกับมาตอบโจทย์ชีวิตของเธอเลยเพราะแค่การที่เธอทำงานมามันก็เหนื่อยมากพอแล้วและสิ่งที่เธอต้องการจากการมีชีวิตคู่นั่นก็คือเซ็กส์เท่านั้น เศษเงินเหลือ ๆ ที่เธอให้พวกนั้นไปมันก็เป็นแค่ค่าล้างรถเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอเท่านั้นแหละ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยตั้งกฎเกณฑ์อะไรมากมายเลยแต่ทำไมคนพวกนั้นจะต้องจบลงด้วยการมาหลงรักเธอเหมือนกับเจ้าหล่อนคนเมื่อครู่ด้วยก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน “เฮ้อ...” เธอถอนหายใจยาวออกมาเมื่อคิดไปถึงเรื่องก่อนหน้าและเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้าง ๆ มาเปิดดูแอปพลิเคชันอีกครั้ง เราสามารถเลือกเบบี๋ของเราได้ทั้งชายและหญิงแต่ปลายทางของเธอคือเบบี๋ที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นเมื่อเธอค้นพบแล้วว่าผู้หญิงทำให้เธอสุขสมได้มากกว่าผู้ชายเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลยทีเดียว... นิ้วบางกดเลือกที่หมวดคลาส SSS ซึ่งเป็นหมวดที่ดีและแพงที่สุดก่อนจะเลื่อนดูโปรไฟล์ของเด็กผู้หญิงไปเรื่อยเปื่อยเพราะยังไม่ได้เจอคนที่ตนเองนั้นถูกใจและถูกชะตา ก่อนท้ายสุดแล้วความสนใจของเธอจะไปสะดุดกับเจ้าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่แว่นหนาเตอะทั้งผมเผ้าก็ยังดูไม่เรียบร้อยให้เธอต้องลองเลื่อนดูอีกครั้งว่านี่ตัวเองกดเลือกเข้ามาถูกคลาสแล้วหรือเปล่าแต่ผลปรากฏด้านบนมันก็คือคลาส SSS อย่างที่เธอได้ตั้งใจในคราแรก “ค่าตัวก็ตั้งถูกกว่าคนอื่น มีอะไรดีอย่างนั้นหรอกหรือ?” เธอพึมพำกับตัวเองพลางกดเลื่อนดูที่รีวิวและตั้งใจอ่านอย่างสนอกสนใจเพราะเธอมั่นใจมากว่าหน้าตาบ้าน ๆ ใส่แว่นหนาเตอะขนาดนี้ไม่น่ามาอยู่ในคลาสนี้ได้ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเขาคนนี้ได้คะแนนรีวิวในระดับห้าดาว แถมคนที่เคยซื้อตัวเขาไปแล้วต่างก็กลับมารีวิวด้วยเรื่องดี ๆ กันทั้งนั้น และมันทำให้เธอรู้สึกสนใจมาก ๆ จนอยากจะเรียกมาหาเสียตอนนี้เพื่อเชยชมหน้าตาตัวเป็น ๆ ‘เห็นโปรไฟล์ครั้งแรกยังตกใจเลยว่ามาอยู่ในคลาสนี้ได้ไง พอเรียกมาตัวจริงแล้วดูดีกว่าในรูปเป็นพันเท่า!’ ‘ใครบอกน้องเนิร์ด นี่แหละฮอตเนิร์ดที่ชาวเราต้องการ!’ ‘อย่าให้น้องได้ถอดแว่นนะคะ มัมมี้อย่างพวกเราจะตายกันหมด!’ “ขนาดนั้นเลยเหรอ? น่าสนใจดีนี่” เธอกดหัวใจให้กับหญิงสาวที่อยู่ในโทรศัพท์ทันทีเมื่ออ่านรีวิวและเป็นไปในเชิงบวก ไม่นานก็มีเสียงแจ้งเตือนจากข้อความเข้ามาให้เธอยกยิ้มออกมาในทันทีเพราะมันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าเด็กเนิร์ดคนก่อนหน้าที่กำลังจะมาเป็นเบบี๋คนใหม่ให้กับเธอนั่นเอง “มัมมี้คนสวย สนใจน้องติณณ์เหรอคะ?” ช่างพูด... คำแรกผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันใดเมื่อเขาทักทายเธอมาด้วยทีท่าขี้เล่นและออดอ้อน และมันทำให้ความน่าสนใจของเขาลดลงไปในทันใดเพราะเขาก็เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไปไม่ได้ดูพิเศษอะไรเลย “มัมมี้อย่าพึ่งคิดว่าเบบี๋คนนี้เหมือนกับคนอื่นนะคะ ถ้าจะให้ดี...เราลองนัดเจอกันก่อนดีไหม?” ดูรุกแรง... ส่วนมากเธอก็จะดีล ๆ คุยกันวันสองวันก่อนเธอถึงจะยอมนัดออกมาเจอด้วย แต่นี่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย...เจ้าเด็กนี่ก็ว้อนท์อยากออกมาเจอเธอเสียแล้ว “มาหาฉันที่คอนโดตอนนี้สิ ถ้าเบบี๋มาถึงที่นี่ภายในสิบนาที มัมมี้จะพิจารณาดูอีกทีว่าต้องการเบบี๋หรือเปล่า?” เธอหยั่งเชิงไปและมั่นใจว่าเจ้าเด็กนี่จะต้องรีบมาหาเธอแน่ เดาจากการพูดการจาแล้วคงแพรวพราวอยู่พอสมควร “ส่งโลเคชั่นมาเลยค่ะ มัมมี้จะได้เจอเบบี๋คนนี้ภายในสิบนาทีอย่างแน่นอน...” เจนนี่นั่งจิบแชมเปญอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่อรอการมาถึงของใครบางคนที่บอกกับเธอเมื่อประมาณห้านาทีก่อน ดวงตาของเธอก็เฝ้ามองดูที่นาฬิกาอยู่เรื่อย ๆ เพราะนักธุรกิจอย่างเธอบอกเลยว่าการมาตรงเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกับชีวิตของเธอ เธอจะไม่ปล่อยให้เวลาของเธอเสียไปแม้เพียงสักวินาทีเดียว ถ้าเกิดยัยเด็กนั่นมาไม่ถึงเธอตามที่กำหนด เธอก็พร้อมที่จะไปหาเบบี๋คนใหม่ได้ทุกเมื่อและเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรับฟังคำขอโทษจากคนที่รับปากแล้วทำไม่ได้ ติ๊ง! “เบบี๋มาถึงที่คอนโดของมัมมี้แล้วค่ะ” ใช้ได้เลยนี่... ขั้นแรกคือการมาตรงต่อเวลาเธอให้ผ่านเพราะเขามาได้รวดเร็วทันใจภายในไม่กี่นาทีอย่างที่ตัวเองได้บอกจริง ๆ “ขึ้นมาสิ ฉันอยู่ชั้นบนสุดของที่นี่ ฉันจะโทรลงไปบอกข้างล่างให้เปิดประตูให้เธอ” เจนนี่จัดการโทรไปประสานงานกับพนักงานคอนโดด้านล่างโดยที่เจ้าหล่อนรายงานเธอทุกฝีก้าวว่าเขาเดินไปทางไหนและมีทีท่าอย่างไร เธอรอคอยการมาถึงของใครบางคนอย่างใจจดใจจ่อ เพราะกำลังคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาคนนั้นจะถูกชะตาเหมือนกับรีวิวห้าดาวที่เธออุตส่าห์ไปนั่งอ่านมา ติ๊งต่อง! เจนนี่ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงแต่ก็ยังยกแชมเปญขึ้นจิบไปด้วยเพราะไม่อยากให้เขาหลงตัวเองว่าที่เธอเปิดประตูเร็วเป็นเพราะว่ารอการปรากฏตัวของเขาอยู่ เธอปล่อยทิ้งให้เขารอไปราว ๆ ห้านาทีพร้อมกับแชมเปญในแก้วของเธอค่อย ๆ หมดลง เธอจึงเดินอย่างอ้อยอิ่งไปที่ทางประตูและเปิดต้อนรับคนมาใหม่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว แต่เพียงแค่เปิดประตูเท่านั้นรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าอย่างคาดหวังของเธอก็ค่อย ๆ ผ่อนจางลงไปเพราะนี่มันแย่ยิ่งกว่าที่เธอคิดเสียอีก เขาสวมใส่เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนขาขาด ๆ และสวมเพียงรองเท้าผ้าใบที่ไร้ซึ่งแบรนด์เนมใด ๆ เจ้าตัวมีแว่นสีดำหนาเตอะที่ดูรกรุงรังอยู่บนใบหน้า แถมผมเผ้าก็ยังมัดลวก ๆ อย่างไม่เป็นระเบียบให้ความประทับใจเมื่อแรกเจอเธอบอกเลยว่าเขาติดลบ “ขอโทษที่ให้คอยนานนะคะมัมมี้...” เขายกยิ้มออกมาจาง ๆ ให้เธอพยักหน้าตอบรับและขยับร่างกายให้เขาได้เข้ามาด้านใน แต่มองจากแผ่นหลังแล้วก็ดูไม่ได้แย่ บางทีเสื้อของเขาอาจจะดูตัวใหญ่ไปเสียหน่อย ไม่แน่อาจจะซ่อนรูปก็ได้และเธอยังคงคาดหวัง “มัมมี้ดื่มอยู่เหรอคะ? อยากให้ติณณ์ดื่มเป็นเพื่อนไหม?” เสียงทุ้มแหบของเขาเป็นเสน่ห์ชวนฟังอยู่เหมือนกัน... “นั่งก่อนสิ...” “มัมมี้เสียงหวานเหมือนกับที่ติณณ์คิดไว้เลยนะคะ” เขาว่าอย่างนั้นและทิ้งตัวนั่งลงให้เธอได้แต่กอดอกและมองการกระทำ เป็นเด็กที่เข้าใจพูดจา และดูเหมือนจะผ่านมัมมี้มาหลายคนแล้วถึงได้ดูคล่องแคล่วและกระตือรือร้นอยากจะหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นเราก็นั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ โดยที่เธอจับสังเกตเจ้าเด็กคนนี้อยู่ตลอด เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันซึ่งเธอว่ามันก็ดี เพราะเด็ก ๆ ส่วนมากที่โดนเรียกมาจะชอบมาเจ๊าะแจ๊ะถามนู่นถามนี่จนเธอมักจะรำคาญและไล่กลับไปเสมอ เขาดูเหมือนว่าดูคนเป็น และเหมือนเขาจะมองออกว่าเธอเป็นพวกขี้รำคาญถึงได้นั่งดื่มเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แต่เมื่อไหร่ที่เราเผลอสบตากันเขาจะยกยิ้มให้กับเธอเสมอเหมือนกับบอกเป็นนัย ๆ ว่าเขาอยู่ตรงนี้ เจนนี่ขยับร่างกายและลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงซึ่งเขาก็สบมองมาที่เธออย่างสงสัยเฉกเช่นเดียวกัน ร่างบอบบางของเธอขยับเข้าไปชิดใกล้ ก่อนที่เธอจะถือวิสาสะจับใบหน้าของเขาขึ้นมาและมองสำรวจ เธอพยายามมองลึกลงไปในแววตาของเจ้าเด็กน้อยคนนี้ และมันทำให้เธอรู้สึกประทับใจเพราะแววตาของเขาแข็งกร้าวไม่มีวูบไหวราวกับตั้งตนเอาไว้อย่างดีและรู้ตัวเองเสมอว่าเขาจะเป็นได้เพียงคู่หลับนอนของเธอเท่านั้นและมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น “น่าสนใจดีนี่...” เธอเอ่ยชมขึ้นมาและผละมือออกจากเขา ซึ่งติณณ์ก็ขยับทีท่าเล็กน้อยและยกมือขึ้นมาดันกรอบแว่นให้มันเข้าที่เข้าทาง “ติณณ์ก็รอมัมมี้พูดคำนี้แหละค่ะ” เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าเขาพยายามที่จะพูดอะไรกันแน่ ติณณ์เอื้อมมือขึ้นไปจับที่ผมของตัวเองเอาไว้ก่อนจะปล่อยให้มันสยายลงมา มือหนาของเขาเอื้อมขึ้นไปจับที่แว่นหนาของตัวเองก่อนจะถอดมันออกและวางทิ้งไว้ที่ข้างโซฟาให้เจนนี่ได้แต่มองการกระทำของเจ้าเด็กคนนี้อย่างสนใจ สองมือของเขาค่อย ๆ เลื่อนต่ำก่อนจะดึงเสื้อยืดที่เธอมองว่ามันช่างเกะกะสายตาและเขาก็ค่อย ๆ เลื่อนมันขึ้นก่อนจะถอดออกไปจากร่างกายเผยให้เห็นบอดี้ของเขาอย่างชัดเจน ภายนอกที่ดูเหมือนขี้ก้างเพราะเสื้อตัวใหญ่แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะหุ่นของเขาดีเลิศแถมยังมีร่องซิกแพคที่เธอชื่นชอบอีกต่างหาก ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วล่ะว่าเขาใส่ยีนขาด ๆ มาทำไม เพราะเมื่อตอนที่มันอยู่กับสปอร์ตบราของเขา...มันช่างดูเข้ากันไม่หยอกจนเธอแทบจะหลงลืมเจ้าเด็กเนิร์ดคนก่อนหน้านี้ไปเลยโดยสิ้นเชิง นี่สินะที่เขาเรียกว่า...ฮอตเนิร์ด “พร้อมรับเลี้ยงดูเบบี๋คนนี้หรือยังคะ...มัมมี้ของน้องติณณ์”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD