มะแดยิ้มจนตาหยี รีบฉวยกะมังพลาสติกตักน้ำในลำธารขึ้นมาตั้งไว้บนชะง่อนหิน เด็กสาวลงมือซักมุ้งสีคล้ำอย่างขมักเขม่น ปล่อยให้ครูสาวได้สำรวจรอบตัวตามความต้องการ
“พี่ห้าว ทำอะไรอะ?”
เสียงใสใสของมะแดดึงทิพย์นรีออกมาจากการมองน้ำใส
หญิงสาวทอดสายตามองเงาตะคุ่มๆ ห่างไปประมาณ400เมตรด้วยความสนใจ
ชายตัวใหญ่เปลือยแผงอกล่ำๆ กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ตรงนั้น เขาโผเข้ามาหาหลังทำอะไรบางอย่างเสร็จ
“เราล่ะมาทำอะไร พี่มาเก็บลอบที่วางไว้เมื่อคืน”
ชายคนนั้นถามกลับ เขายกอุปกรณ์หาปลาขึ้นประกอบคำพูด พร้อมกับชำเรืองมองทิพย์นรีแต่กลับไม่เอ่ยปากถาม
“ขยันจังพี่ห้าว...นี่ครูคนใหม่ เพิ่งมาถึงเมื่อเช้าจ้ะ”
มะแดแนะนำทิพย์นรีให้รู้จักกับคนแปลกหน้า
“อ้อ...มาอยู่กี่วันล่ะคราวนี้”
มันเป็นแค่ศูนย์ฝึกการเรียน ไม่ใช่โรงเรียนเลยไม่มีครูมาประจำ นานๆ ทางการจะส่งใครสักคนมา แต่ก็ไม่ได้ยืดยาว เดือน 2เดือน หรืออาจสั้นกว่านั้น
“15วัน” บทลงโทษของเธอมีแค่นั้น กับการเป็นจิตอาสา
“สั้นจัง เด็กจะได้เรียนเป็นชิ้นเป็นอันอะไร!!”
มันเหมือนคำตำหนิ แต่ทิพย์นรีไม่สนใจ
สำหรับคนพื้นที่มันอาจจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่สำหรับคนไกลอย่างเธอ มันยาวนานแทบทนไม่ไหวทีเดียว
หญิงสาวพยายามไม่สนใจคนตรงหน้า แม้ความล่ำของเขาจะทิ่มแทงนัยน์ของเธออยู่ ผู้ชายผิวเข้ม กล้ามโป่งพอๆ กับกล้ามปู ไม่ว่าจะแผงอก หรือแม้แต่...
ทิพย์นรีพยายามไม่คิดต่อ เธอเผลอมองคนตรงหน้าจนหัวใจสั่น ยิ่งลดสายตาต่ำลงเท่าใด หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นผิดจังหวะ
มันเหมือนนั่งดูโฮสหล่อๆ ในผับที่มีโชว์เฉพาะผู้หญิง
ผู้ชายหุ่นเอ็กซ์ อวดสรีระในร่างกาย ของดีมีเท่าไหร่ก็เอามาอวดประชัน เพียงแต่ที่เธอนั่งมองอยู่นี่มีแผ่นน้ำใสใสกางกั้น มันทำให้ต่อมกระหายรู้ของเธอทำงานหนัก เมื่อน้ำใสใสขยับไหวเป็นระลอกคลื่น จนสิ่งที่อยู่กึ่งหว่างขาของคนตรงหน้า เคลื่อนไปเคลื่อนมา คาดคะเนไม่ถูก
“อะแห้ม!”
เสียงกระแอมของคนตัวใหญ่ทำให้ทิพย์นรีสะดุ้ง
เธอดึงสายตากลับมา แบบเสียดายหน่อยๆ
สิ่งที่ทำลำดับต่อไปคือการสูดน้ำลายในอุ้งปาก ที่ไหลเอ่อออกมาจวนจะหยดเข้าไปเก็บไว้ที่เดิม
“ซืดดดด”
ห้าวแอบขำ แววตาของเขาเต้นระริก แต่สีหน้ายังสงบเงียบเช่นเดิม
“เอาปลาไว้กินไหมครู”
ชายหนุ่มจับปลาตัวใหญ่ยื่นส่งให้ ทิพย์นรีเตรียมจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ที่นี่ไม่มีตลาด ครูคงยังไม่รู้ เอาไปเถอะเย็นนี้จะได้มีอะไรกิน”
คนตัวใหญ่พูดสอดจนหญิงสาวรีบกลืนคำปฏิเสธกลับไป เธอเริ่มหิวหน่อยๆ และความกังวลเริ่มคืบคลานเข้ามา ถึงทิพย์นรีจะไม่สะทกสะท้านเรื่องที่อยู่ แต่เรื่องกินนี่สิ เธอจะเอาไงดีหากไม่มีที่ขายอาหาร
ห้าวจัดการใช้มีดที่เหน็บเอวมาขอดเกล็ดปลา ล้างจนสะอาดใช้ต้นหญ้าริมน้ำร้อยที่หัวปลายื่นส่งให้ทิพย์นรีหลังเสร็จธุระของเขา
หญิงสาวยิ้มแหยๆ ยื่นมือไปรับแบบเสียไม่ได้
“เดี๋ยวมะแดเอากลับไปย่างที่บ้าน แล้วค่อยมาให้ครูนะจ้ะ”
ทิพย์นรีโล่งใจไปหนึ่งเปราะ วันแรกเธอมีอาหารใส่ท้อง แต่มื้อต่อไปล่ะ จะไปหาจากไหน
นั่นคือปัญหาที่เธอต้องคิดอีกที
แต่...
คนในน้ำเดินขึ้นจากน้ำดื้อๆ ผ้าที่เขานุ่งไว้ช่วงล่างคล้ายๆ ผ้าข้าวม้าที่เธอเคยเห็นคนในชนบทใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ที่เห็นนี่ไร้สีสัน เป็นแค่ผ้าสีน้ำตาลไหม้ที่ออกจะซีดไปมากเพราะผ่านการใช้งานมานาน แต่ที่ทำให้ทิพย์นรีสะดุดลมหายใจคือผ้าเปียกๆ นั่นแนบไปกับลำตัว รวมทั้งกึ่งกลางร่างของชายผู้นั้นด้วย ห้าวดูไม่ยี่หระกับการถูกแอบมอง เขาสะบัดผ้าเปียกๆ และพยายามบิดน้ำให้ผ้าหมาดน้ำมากขึ้น ก่อนจะตลบชายผ้ากลับไปไว้ที่เดิม ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยในความคิดของทิพย์นรี
เมื่อขนาดที่มองเห็น ท่อนลำที่พาดฉียงเอียงไปทางซ้ายนั่น ก็ยังมีขนาดเท่าเดิม
เธอกัดปากคิดในใจเล่นๆ หากเป็นไปได้ เธออยากจะกระชากผ้าผืนนั้นทิ้ง และจ้องมองความอลังการนั่นด้วยสองตา อยากรู้นักมามันคือภาพลวงตา หรือของจริงกันแน่
“ครูๆ” เสียงมะแดเรียกเบาๆ ทิพย์นรีรีบกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอชักสายตากลับมาจากเป้าตุงๆ พอดีกับที่ห้าวหมุนตัวเดินจากไป
“ครูจะกลับบ้านเลยไหมจ้ะ”
“ไม่ล่ะ ขอฉันอาบน้ำก่อนดีกว่า”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ เธอร้อนวูบวาบไปทั้งตัว รวมถึงกึ่งกลางร่างที่เต้นตุ๊บๆ ร่องสาวขมิบยิบๆ เมื่อเผลอมโนถึงคนที่เพิ่งเดินจากไป
“มะแดกลับก่อนนะครู มะแดจะไปตากมุ้ง แล้วก็จะรีบไปย่างปลามาให้ครูด้วย”
สาวละอ่อนไม่ได้ติดใจ หล่อนฉวยกะมังที่ซักมุ้งเสร็จ เดินตัวปลิวจากไปทันทีที่พูดจบ
ทิพย์นรีฉวยผ้าที่มะแดเอามาให้ยกขึ้นทาบลำตัวขำๆ
ไม่คิดว่าวันหนึ่งตนเองจะได้ใช้ผ้าพวกนี้คลุมตัวเหมือนที่เคยเห็นผ่านตาเวลานั่งเรือผ่านบ้านริมน้ำแถวๆ ชนบท
“เอาวะ ดีกว่าแก้ผ้าอาบน้ำล่ะ”
ถึงจะเป็นลูกเศรษฐี ไม่ได้ทำงานหนัก แต่ทิพย์นรีก็ไม่ได้สำรวยถึงขนาดทนความลำบากนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ เธอค่อนไปทางลูกทุ่งด้วยซ้ำ เพียงแต่เกิดมามีบิดา มารดามีฐานะ นอกนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป
มันทุลักทุเลนิดๆ กว่าจะเปลี่ยนผ้าได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปเหมือนกัน
แต่น้ำเย็นๆ ทำให้ความหงุดหงิดของเธอหายไป หญิงสาวโผไปโผมา ท่ามกลางน้ำใสเย็นฉ่ำ หัวเราะคิกคักในความสบายส่วนตัวเหมือนนั่งอยู่ในออนเซ็นที่ประเทศญี่ปุ่นทีเดียว
“นังเหมียวอิจฉาตายเลยถ้ารู้ว่าฉันมีที่อาบน้ำสวยปานนี้”
หญิงสาวรำพึงถึงเพื่อนสนิท สาวเปรี้ยวคู่ซี้ที่ลุยไหนลุยกัน
“แหมไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย วันหลังค่อยถ่ายรูปก็ได้” หญิงสาวบ่นพึม เมื่อตนเองดันลืมพกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย เลยอดเก็บภาพที่ต้องการเอาไว้อวดเพื่อนๆ
“อุ้ย!”
ทิพย์นรีผวา ใครบางคนโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำ ตอนที่เธอกำลังดำผุดดำว่ายอยู่พอดี
ห้าวยกมือขึ้นลูบหน้า ไล่หยดน้ำที่ยังค้างอยู่บนเปลือกตาออกไป
หญิงสาวขยับถอยหลัง ไม่ได้ตกใจแค่ขอจังหวะตั้งตัว
“ผมกลัวคุณเป็นอะไร เลยย้อนกลับมาดูหน่ะ”
ห้าวเปรย เพราะสีหน้าของทิพย์นรีเหมือนต้องการจะถาม
กลีบปากสีซีดเพราะแช่น้ำอยู่นานขยับถาม “ฉันจะเป็นอะไรได้ล่ะ?”
มุมปากสีเข้มกดลง “เป็นตะคริวไงครู น้ำเย็นแบบนี้คนไม่ชินมักเป็นทุกคน ช่วงเวลาตอนนี้ยังไม่มีชาวบ้านคนไหนมาที่ลำธาร กว่าจะมีคนมาเห็นครูก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว” ห้าวอธิบาย เขาเดินขึ้นจากน้ำ แต่...
“โอ้ยยยย!” เขาพูดยังไม่ขาดคำดี ทิพย์นรีก็ร้องลั่นขึ้นมา
ปลีน่องของหล่อนแข็งเกร็งเป็นลูกๆ การทรงตัวเป็นไปได้ยาก มันเจ็บมากจนเธอร้องเสียงหลง
“ไหมล่ะ” ห้าวบ่นพึม เดินย้อนกลับมาที่เดิม เขารั้งทิพย์นรีมาใกล้ๆ และหล่อนก็ไม่ได้ขัดขืน
ห้าวประคองคนตัวเล็กแต่อวบอัดไปทุกส่วนขึ้นมาจากน้ำ เขายกเอวหล่อนขึ้นนั่งบนชะง่อนหิน...ส่วนตัวเองยังแช่อยู่ในน้ำเหมือนเดิม
“อูยยยย” กล้ามเนื้อหดเกร็งจนเจ็บร้าวไปทั้งหน้าขา ห้าวยกเรียวขาขาวขึ้นพาดไว้บนบ่า มือกร้านๆ บีบนวดไปตามปลีน่องที่ขึ้นเป็นลูก “ทนหน่อยนะครู เดี๋ยวก็หาย” เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย เมื่อชายผ้าถุงถลกขึ้นสูง จนมองเห็นโคนขาของครูสาวรำไร
ห้าวไม่ได้มีเจตนา และทิพย์นรีเองก็ไม่รู้ตัว
การกระทำของเขาทำให้เขาเห็นโหนกนูนกลางหว่างขาเรียวของครูสาวคนใหม่ ห้าวพยายามข่มใจ ท่อนลำกลางล่างเกิดแข็งตัวขึ้นมาเสียอย่างเอง มันชี้เด่แข็งไปตลอดลำ
“อูยยย ซี๊ดดด” ทิพย์นรีสูดปากครางเหมือนกินของเผ็ด
เสียงของหล่อนไปกระตุ้นความหวั่นไหวของห้าวเพิ่มขึ้นมาอีก
“ครู อย่าครางแบบนี้ได้ไหม?”
ห้าวปรามครูสาวเสียงแหบ รีบกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เมื่อสายตาตวัดผ่านกลางเงาดำๆ กลางหว่างขา