ตอนที่ 2

2424 Words
ธูปหอมลงมาดูแลทีมงานที่ขอใช้พื้นที่ในส่วนของห้องสมุดสำหรับการถ่ายแบบ โดยทีมงานมาเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้ามืด เพราะแจ้งไว้ว่าจะเริ่มถ่ายกันช่วงเช้าด้วยอยากได้แสงอ่อนๆ ยามรุ่งอรุณ นอกจากสถานที่ในห้องสมุดแล้วยังรวมไปถึงบริเวณส่วนหน้าด้วย “ดูแลให้ดีนะคะ” ธูปหอมบอกกับเจ้าหน้าที่ของห้องสมุด ลุงบุญยืนยิ้มมองดูจากด้านนอก เจ้าของสถานที่จึงรีบเดินไปพนมมือไหว้ทักทาย กาแฟยามเช้าหายไปพร้อมความวุ่นวายของผู้คนที่เดินเข้าออกกันจ้าล่ะหวั่น ลุงบุญเพียงแค่มาซื้อหนังสือพิมพ์แล้วกลับไป “ขอบคุณนะจ๊ะ ธูป” เจ้าของห้องเสื้อชื่อดังที่มาคุมงานด้วยตัวเองเดินมาทักทายเจ้าของสถานที่ “ยินดีค่ะ” ธูปหอมบอกกับภัทราเจ้าของห้องเสื้อ “นางแบบไปแต่งหน้าอยู่เลยไม่ได้แนะนำให้รู้จักกัน ธูปต้องออกไปไหนหรือเปล่า” ภัทราถาม “ไม่ค่ะ เฝ้าถ้ำ” ธูปหอมหัวเราะ เมื่อเห็นนางแบบเดินออกมา จึงขอตัวไปทำงานของตัวเอง รวมถึงรับประทานอาหารเช้าด้วย “มีอาหารเช้ามาเผื่อทุกคน ฝากธูปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะ” “ขอบคุณมากค่ะ” ธูปหอมไม่ค่อยสนใจเรื่องการถ่ายแบบ รวมถึงภาพยนตร์หรือละครที่ไม่มีโอกาสได้ดูสักเท่าไร แต่พนักงานดูท่าจะสนใจเห็นยืนชะเง้อมอง เมื่อนางแบบสาวเดินออกมา “สวยเชียว” เสียงพนักงานพูดขึ้น ธูปหอมยิ้มๆ แต่ไม่ได้หันไปมอง ปล่อยให้งานดำเนินไป เพราะตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ด้วย “ยืนดูอยู่ห่างๆ ได้นะ แต่อย่าเข้าไปใกล้ล่ะ ไปเกะกะเขาจะทำงานกันลำบาก” ธูปหอมพูดกำชับพนักงานที่ยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแต่แรกคิดว่าจะถูกห้าม “ค่ะ คุณธูป” ธูปหอมมองดูกล่องที่มีอาหารเช้าแบบง่ายๆ ขนมปัง ผลไม้และน้ำผลไม้คั้นสด แต่คอกาแฟอย่างเธอการได้กลิ่นหอมๆ ช่วยทำให้สดชื่นขึ้น จึงเดินกลับไปที่ห้องอาหาร แม้ทางห้องสมุดไม่ให้นำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามา หากแต่ได้จัดเตรียมสถานที่เอาไว้ให้ ซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องสมุด โดยมีขนมเตรียมไว้สำหรับเด็กๆ พร้อมกับนมกล่องที่มีคนนำมาให้ไม่เคยขาด เพราะเด็กบางคนไม่มีเงิน จึงได้พึ่งพาขนมกับเครื่องดื่มของห้องสมุดยามแวะเวียนมาอ่านหนังสือ “ขอโทษค่ะ พอดีลืมแก้วกาแฟเอาไว้” คนที่เปิดประตูเข้ามาตกใจเล็กน้อย เพราะรีบร้อนจึงเกือบจะชนคนที่ยืนอยู่ด้านใน “แก้วนี้เหรือเปล่าคะ” ธูปหอมส่งแก้วให้ โดยไม่ได้เงยหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่ “น้าธูปหอม” คนที่รับแก้วไปถือไว้ยังไม่เดินออกไป เมื่อได้ยินชื่อของตัวเองธูปหอม จึงรีบเงยหน้าขึ้น เพราะคิดว่าน่าจะเป็นคนรู้จัก “เรารู้จักกันด้วยหรือคะ” ธูปหอมถาม “หนูขอไปทำงานก่อนได้ไหมคะ น้าธูปอยู่ที่นี่ทั้งวันหรือเปล่าคะ” “อยู่ค่ะ แต่ว่า” ธูปหอมไม่แน่ใจนักว่า รู้จักกับนางแบบสาวคนที่เพิ่งรีบเดินกลับไปทำงานหรือไม่ พยายามนึกแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอหรือรู้จักกันที่ไหนและเมื่อไหร่ “จะบังเอิญอะไรขนาดนี้นะ ใจทำไมต้องเต้นแรงตลอดเลยเวลาเจอ” กอหวายบ่นพึมพำ แต่รอยยิ้มนั้นชัดเจนเสียจนในระหว่างถ่ายแบบถึงกับถูกดุ เพราะช่างภาพไม่อยากให้ยิ้มมากนัก “นางแบบชื่ออะไร” ธูปหอมถามพนักงานห้องสมุดที่ยังยืนชะเง้อมองดูนางแบบสาวอยู่ “กอหวายค่ะ” “กอหวาย ใครกันนะ” ธูปหอมรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนกลับเข้าห้องทำงานของตัวเอง ซึ่งอยู่บริเวณชั้นลอยสามารถมองลงมาเห็นทั้งห้องสมุดและร้านขายหนังสือ กอหวายแอบยิ้มอยู่บ่อยๆ เมื่อนึกถึงธูปหอม ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่เห็นรอยยิ้มสักเท่าไรนัก แต่เวลาทำหน้านิ่งกลับดูมีเสน่ห์เสียยิ่งกว่า เจ้าตัวไม่แปลกใจอะไรที่ธูปหอมจำไม่ได้ เพราะในบางครั้งบิดาและมารดาเห็นรูป ลูกสาวจากหนังสือนิตยสารแล้วจำไม่ได้ก็มี แววตาเปล่งประกายสดใส โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ภัทราเจ้าของห้องเสื้อยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มของนางแบบสาว การที่คนทำงานร่วมกันมีความสุขทำให้งานผ่านไปได้อย่างราบรื่น และเสร็จเร็วเสียจนคนที่ทำงานอยู่ออกอาการดีใจกันทุกคน ภัทราบอกขอบคุณกอหวายที่พนมมือไหว้และเข้าสวมกอดด้วยความเคารพ “มืออาชีพโดยแท้เลยเรา” ภัทราบอกกอหวาย “ทีมงานพี่ภัทเก่งมากกว่าค่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมรวดเร็วที่สุดแล้วล่ะทีมนี้น่ะ” กอหวายเอ่ยชื่นชมทีมงานของภัทรา “น้ำใสคุมงานได้เนียบเสมอแหละ” ภัทราพูดยิ้มๆ ขณะมองคนรักที่ยังคงง่วนกับการคอยดูแลเพื่อเก็บข้าวของให้เรียบร้อย “มีปัญหาไหมคะ กับการมีคนรักเป็นผู้หญิง” กอหวายถาม ภัทรายิ้มมองดูน้ำใสและหันกลับมามองดูระคนสังเกตแววตาของคนถาม “ทุกเรื่องราวบนโลกนี้มีปัญหาหมดนั่นแหละ แต่ถ้าเราจัดการความ รู้สึกของเราได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกจ้ะ แต่ไอ้ที่ถามเพราะสงสัยหรือว่ามีอะไรยังไง” ภัทราหัวเราะเล็กๆ มองดูหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า “แค่ถามดูเฉยๆ ค่ะ หวายขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ น้ำใสจะได้รีบกลับมาหาพี่ภัท” กอหวายหัวเราะและรีบวิ่งหนีไปทันที “สวยขนาดนี้ ไม่รู้จะผลิตชุดทันขายไหมเนี่ย” ภัทราบ่นพึมพำ “บ่นเป็นคนแก่เลย ภัท” เสียงเจ้าของห้องสมุดทำให้ภัทราหันมามองตามเสียงนั้นแล้วยิ้มให้ “ก็แก่แล้วนะ” ภัทราบอกธูปหอม “งานเรียบร้อยดีนะคะ” ธูปหอมถาม “เรียบร้อยดีจ้ะ ขอบคุณที่ยอมให้ใช้ห้องสมุด” “ยินดีค่ะ ทำงานกันไวดี ตอนแรกคิดว่าต้องปิดส่วนนี้ครึ่งวันเสียอีก” “นางแบบดี ทีมดี งานเลยเสร็จเร็ว เออเดี๋ยวจะเลี้ยงทีมงานไปด้วยกันสินะ” ภัทราเอ่ยชวน แต่ธูปหอมส่ายหน้าทันที “ไม่ล่ะ ขอบคุณที่ชวน มีงานต้องทำเพียบเลย ต้องคัดเลือกหนังสือเพราะได้ยินเด็กบ่นว่าอ่านหมดแล้ว ป้าธูปไม่เอาหนังสือใหม่เข้ามาเสียที”ธูปหอมหัวเราะ เมื่อนึกถึงเด็กๆ ที่พูดคล้ายต่อว่าตัวเอง “ไม่คิดค่าสถานที่ ภัทเลยฝากเช็คไว้ซื้อหนังสือให้เด็กๆ นะ” “ขอบคุณแทนเด็กๆ ค่ะ ธูปขอตัวก่อนนะคะ” “ขอบคุณมากนะ ธูป” “ยินดีค่ะ” ทีมงานของภัทรากลับหมดแล้ว ห้องสมุดกลับมาเงียบเหมือนเดิม ผู้คนเข้ามานั่งอ่านหนังสือกันเป็นปกติ ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมจะมีเสียงพูดคุยของเด็กๆ ให้ได้ยินบ้าง แต่ไม่ได้ดังรบกวนอะไรนัก เพราะเด็กทุกคนรักษากฎระเบียบเป็นอย่างดี ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาใช้ห้องสมุดอีก ถ้าทำเสียงดังรบกวนคนอื่น กอหวายเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แต่เมื่อมองมาที่ห้องทำงานของธูปหอมเห็นว่า ก้มหน้าก้มตาทำงานแทบจะไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย จึงไปหาที่นั่งอ่านหนังสือ ซึ่งแอบเล็งเอาไว้ตั้งแต่มาถึง กอหวายปฏิเสธการไปร่วมรับประทานอาหารกับทีมงานของภัทรา แต่เหตุผลที่ให้ไปไม่ตรงกับความเป็นจริงนัก หนังสือเป็นส่วนเล็กๆ ที่ทำให้กอหวายปฏิเสธงานเลี้ยง เมื่ออ่านหนังสือจนจบเล่มก็เริ่มเดินไปดูเล่มอื่น หลังจากเก็บเล่มที่อ่านจบแล้วกลับเข้าที่ เพราะไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ต้องลำบากมาเดินเก็บ เด็กๆ นั่งยิ้มกับหนังสือที่ตัวเองอ่าน การนั่งที่พื้นของเด็กๆ ทำให้คนที่ได้เห็นถึงกับยิ้มออกมา ถึงแม้จะดูเป็น เรื่องปกติสำหรับคนอื่น แต่กลับทำให้นางแบบสาวยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม “ทำไมไม่ไปนั่งเก้าอี้กันคะ” กอหวายกระซิบกระซาบถามสาวน้อยที่เงยหน้ามามองสบตาด้วย “พูดเบาๆ ค่ะ เดี๋ยวป้าธูปดุเอานะคะ” สาวน้อยบอกกับกอหวายที่ ถึงกับหัวเราะออกมา แต่รีบปิดปากทันที เมื่อเห็นสาวน้อยคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอานิ้วชี้แตะที่ปากทำเสียงชู่ๆ ด้วยไม่อยากให้กอหวายส่งเสียงดัง เด็กๆ ไม่ ได้สนใจอะไรในตัวกอหวายนัก ความสนใจอยู่ที่หนังสือมากกว่า กอหวายก้มไปมองดูหนังสือของสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นหนังสือแปลที่จัดอยู่ ในหมวดวรรณกรรมเยาวชน กอหวายหันไปดูชั้นหนังสือด้านหลังที่ตัวเอง นั่งพิงอยู่และเริ่มหยิบมาเปิดอ่าน เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ทำให้ถึงกับต้องยิ้มตามเลย ธูปหอมบิดตัวไปมา หลังจากนั่งคัดเลือกหนังสือเพื่อเตรียมสั่งซื้อเข้ามาไว้ในห้องสมุด เมื่อเหลือบเห็นนาฬิกาถึงได้รู้ว่าตัวเองนั่งทำงานอยู่นานพอสมควร จึงชะเง้อมองลงไปด้านล่างเห็นพนักงานหายไปบ้างเพราะได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน ธูปหอมจึงลงมาเดินดูรอบๆ “มาแอบหลับอะไรตรงนี้” ธูปหอมรำพึงออกมาเบาๆ เด็กๆ ยิ้มมองดูป้าธูปหอมที่ไม่ได้พูด แต่ทำท่าทางคล้ายถามว่า รับประทานอาหารหรือยังด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังตักอาหารเข้าปาก เด็กๆ ไม่ได้ตอบอะไร แต่รีบเก็บหนังสือเข้าที่ทันทีและค่อยๆ ทยอยกันเดินออกไป เพราะเกรงว่าคนที่นั่งหลับอยู่จะตกใจตื่น ธูปหอมเดินไปนั่งลงข้างๆ คนที่หลับและขยับเข้าไปแตะเบาๆ ที่ศีรษะเพื่อให้เอนมาพิงที่ไหล่ แม้ไม่รู้ว่าคนที่หลับอยู่นั้นหลับไปนานเท่าไร แต่ดูจากลักษณะท่าทางคงเหนื่อยกับการตื่นเช้า เพราะทีมงานกับนางแบบสาวมากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง หนังสือกำลังถูกดึงออกจากมือของกอหวาย “โตป่านนี้แล้ว ยังมานั่งแอบหลับในห้องสมุดอีก” ธูปหอมรำพึงออก มาเบาๆ และเริ่มเปิดหนังสืออ่านฆ่าเวลา โดยมีกอหวายเอนศีรษะพิงที่ไหล่ซึ่งธูปหอมคิดว่า หลับอยู่ แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะกอหวายแอบยิ้มและ เริ่มเอนตัวลงนอนหนุนตักคนที่ให้ยืมไหล่พักพิง ธูปหอมยิ้มมองดูหญิงสาวที่นอนหนุนตัก เริ่มเหยียดขาท่าทางคงจะหลับสบาย ดวงหน้าของกอหวายทำให้ธูปหอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว กอหวายนอนหลับตาพริ้ม แต่ใจเต้นเร็วและแรงมากพยายามบอกตัวเองให้นิ่งเอาไว้ เพราะยังอยากนอนหนุนตักของธูปหอม ซึ่งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่อยากดึงเวลาเอาไว้ เพราะธูปหอมเองไม่คิดที่จะปลุกด้วย มือที่ทาบทับเบาๆ ไปที่ศีรษะทำให้รู้สึกอุ่นใจ กอหวายรู้สึกเช่นนั้น จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของตัวเองกันแน่ หัวใจปั่นป่วนรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ได้เห็นรอยยิ้มแรกของเพื่อนมารดาที่ชื่อ ธูปหอม และยังมีโอกาสได้มาถ่ายแบบที่ห้องสมุดของคนที่ยอมให้นอนหนุนตักอีก ป้าธูปของเด็กๆ คงใจดีไม่น้อย ถ้าเป็นคนอื่นมีหวังกอหวายคงโดนต่อว่าที่แอบมานั่งหลับเกะกะเด็กๆ ที่เพิ่งลุกหนีไปเมื่อสักพักใหญ่ๆ กอหวายทำงัวเงียและแอบดึงมือของธูปหอมมาวางไว้ที่หน้าอกและกุมเอาไว้หลวมๆ โดยเจ้าตัวไม่ได้ดึงมือกลับไป แต่ยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อ แม้การเปลี่ยนหน้าหนังสือค่อนข้างจะลำบาก เพราะมือข้างหนึ่งถูกเกาะกุมเอาไว้ “น่ารักบ้าบอมากเลย ป้าธูปของเด็กๆ” กอหวายอมยิ้มและแอบลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยมองดูคนที่ยังคนสนใจอยู่กับตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ “ไม่หิวหรือ เสียงท้องร้องแล้ว” ธูปหอมอมยิ้ม หลังจากพูดลอยๆ แต่คนที่นอนหนุนตักอยู่ยังคงนิ่งเงียบ “ถ้าไม่หิว ก็ควรจะสงสารคนแก่บ้างนะ” ธูปหอมพูดขึ้น กอหวายถึงกับหัวเราะออกมา แต่รีบปิดปาก เพราะคิดว่าไม่ควรทำเสียง ดัง เมื่อมองดูจึงเห็นเด็กๆ เริ่มกลับเข้ามาอ่านหนังสือกันบ้างแล้ว ธูปหอมยิ้มๆ ให้เด็กที่บางคนพนมมือไหว้ทักทาย เพราะวันนี้เพิ่งได้พบหน้ากัน “ไม่เห็นจะแก่เลย คล่องแคล้วว่องไวจะตายไปค่ะ” กอหวายลุกขึ้นบิดตัวไปมาแล้วยิ้มให้ธูปหอมที่ยิ้มให้เช่นกัน “หิวหรือเปล่า” ธูปหอมถามน้ำเสียงนั้นแสนอ่อนโยน กอหวายถามตัวเองอีกครั้งว่า ทำไมถึงรู้สึกสบายใจกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันแค่สองสามวัน “แอบได้ยินท้องร้องยังถามอีก น้าธูปก็” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ แต่เมื่อได้ยินเสียงเด็กแอบหัวเราะ ถึงได้รีบลุกขึ้นยื่นมือไปตรงหน้าธูปหอมที่ยื่นมือให้เพื่อช่วยพยุงตัวลุกขึ้น เพราะขามีอาการชาจนขยับไม่ได้ “ป้าธูปน่าจะขาหักๆ” สาวน้อยคนเดิมที่พูดคุยกับกอหวายก่อนจะหลับไปพูดแหย่ธูปหอม แต่คนที่ออกอาการเขินอายกลับเป็นกอหวาย “อ่านหนังสือไป ถ้าหิวไปทานขนมกับโกโก้ที่ห้องอาหารนะ” คำตอบดังจากปากเด็กทุกคนว่า ครับและค่ะ กอหวายมองดูเด็กๆ และธูปหอมที่กำลังเหยียดขาให้ตึงเล็กน้อย เพื่อคลายความเมื่อยล้า โดยมีกอหวายช่วยประคองอยู่ “ไม่ปลุกหวายล่ะคะ” กอหวายถาม “กลัวบาป ปลุกคนเหนื่อยๆ นอนหลับอยู่” ธูปหอมบอก “รู้ได้ไงว่าเหนื่อย” “เด็กๆ หลับเหมือนเราบ่อยไป เรื่องปกติ” คำตอบของธูปหอมทำให้รอยยิ้มของกอหวายจางลงทันที เมื่อได้ยินคำว่า การแสดงออกนั้นเป็นเรื่องปกติของธูปหอม “แต่ที่อ้อนไปน่ะ ไม่ใช่เรื่องปกตินะคะ” กอหวายพูดจบก็รีบเดินหนีไปทันที ธูปหอมหันไปมองดูเด็กๆ ที่แอบปิดปากหัวเราะกันเกือบทุกคน “พี่เขางอนป้าธูปแล้ว รีบไปง้อเลยค่ะ” ธูปหอมยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดจากสาวน้อยที่ไม่ช่างคุยสักเท่าไรนัก จึงรีบเดินตามกอหวายไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD