EP 10

1109 Words
คนจงใจแกล้งส่งน้ำเสียงนุ่มหู กับยิ้มบางๆ ให้ แถมทำหน้าตาท่าทางว่ามีน้ำใจเหลือเกิน จนทุกคนเห็นแล้วยิ้มที่เห็นท่านประธานเอาใจใส่เลขาหน้าใสดีตั้งแต่ทำงานด้วยกันวันแรก “คุณเอื้อยได้เจ้านายน่ารักจังเลยครับ สงสัยผมต้องดูแลคุณรีแบบนี้บ้างแล้วล่ะ จะได้รักผมและทำงานกับผมนานๆ ไงครับ” จิตตินันท์อดแซวไม่ได้ เมื่อเห็นเพื่อนเอ็นดูเลขาคนใหม่เป็นพิเศษ ถ้าไม่รู้จักนิสัยกัน คงคิดว่าเพื่อนกำลังหลีแล้ว แต่เท่าที่คุยๆ กัน เพื่อนไม่ใช่เจ้านายประเภทงาบเลขาหรือพนักงานสาวๆ ให้ได้ยินเข้าหูสักครั้ง หรือไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนในเอามาเล่านอกรอบให้ฟังแต่อย่างใด รภัสรดาไม่ว่าอะไรนอกจากยิ้ม และยังคงไม่ตักมะเขือเทศเจ้าปัญหาเข้าปากแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่ายังไงๆ ก็กินไม่ได้ หรือถ้าได้ก็ต้องรีบวิ่งไปคายออก อาจจะอาเจียนต่อด้วย เรื่องนี้เขาเองก็น่าจะรู้ดี จึงคิดได้เพียงแง่เดียวว่าเขาจงใจแกล้ง หาใช่หวังดีไม่ อีกเรื่องที่ทำให้กังวลไม่น้อย นั่นคือเขาจะจ่ายค่าอาหารเอง หรือให้เลขาออกไปก่อน ซึ่งเรื่องหลังนี้เป็นอะไรที่หนักใจไม่น้อย “เอามาทางนี้เลยครับน้อง” พออิ่มประธานหนุ่มหล่อก็เรียกพนักงานให้เอาบิลมา เขาหยิบมาแล้วส่งให้เลขาต่อทันที พร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่ม “คุณเอื้อยช่วยจัดการ” มือขาวของเขาส่งบิลไป ใบหน้าก็ยิ้มน้อยๆ ทว่าคนเป็นเลขานั้นกลับยิ้มไม่ออก แถมเหงื่อเม็ดน้อยๆ ก็ไหลออกมาทั้งๆ ที่ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ มือบางก็จำต้องรับบิลมาดู แค่เห็นยอดรวมเจ็ดพันกว่าๆ ก็ลมแทบจับ “โอเคมั้ยครับคุณเอื้อย มีอะไรผิดพลาดมั้ย” ท่านประธานก็หันมาหาทำนองคาดคั้น คนถือบิลก็กลุ้มใจแทบแย่ ไม่รู้จะตอบออกไปยังไง “ถ้าเงียบแบบนี้ก็แปลว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาดมั้งครับ ผมจะได้จ่ายสักที เกรงใจน้องเขาครับ ยืนรอนานแล้ว” รภัสรดามองหน้าท่านประธานแค่ครู่เดียว เมื่อเห็นส่งบัตรเครดิตลงถาดให้พนักงานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นั่นบอกได้ว่าถูกแกล้งรอบที่สองของวันแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำงานด้วยกันไปได้นานแค่ไหนถ้าเป็นแบบนี้ “ขอบคุณทุกคนนะครับที่มากินข้าวกับผม จะบ่ายโมงแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ นัดประชุมไว้” รภัสรดาถูกสั่งให้ไปนั่งตอนหลังเหมือนขามา แต่ไม่ถูกดุใดๆ นอกจากสั่งให้รีบเตรียมตัวเข้าประชุมรอบนัดที่สอง พอถึงออฟฟิศก็ต้องรีบวิ่งไปหอบเอกสารของเจ้านายกับของตัวเองทันที ในหัวก็คิดไปด้วยว่ามีงานอะไรที่ยังไม่ได้ทำบ้าง ระหว่างนั่งประชุมก็จดวาระยิกๆ เพราะแต่ละคนพูดเร็ว โดยเฉพาะท่านประธานนั้น ดูเหมือนจะรัวเร็วกว่าใครเพื่อน แถมใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษชั้นสูงอีกต่างหาก บางคำไม่เคยได้ยิน เลยจำต้องจดไว้ก่อนแล้วค่อยไปหาความหมายทีหลัง ขืนถามใครออกไป คงได้ถูกหัวเราะแน่นอน พอออกจากห้องประชุมก็ต้องรีบจัดแจงของว่างเข้าไปให้ท่านประธานในห้อง เลยได้คำสั่งใหม่ๆ มาอีกเพียบ เรียกว่าไม่รู้เดือนนี้จะทำทันหรือเปล่าด้วยซ้ำ แถมก็ต้องตามเข้าประชุมนัดที่สามอีก ห้าโมงเย็นคือเวลาเดินออกจากห้องประชุม และเป็นเวลาเลิกงานพอดิบพอดี ท่านประธานนั้นกลับเดินเข้าห้องไปหน้าตาเฉย เลขาใหม่เลยต้องไปนั่งทำงานอยู่หน้าห้องด้วยท่าทีหงอยๆ เพราะเหนื่อยไม่น้อย อยากกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเอาแรงไว้มาสู้ศึกวันใหม่ แต่ก็ได้แค่คิด แล้วเสียงเรียกผ่านอินเตอร์คอมก็ทำให้ความคิดทุกอย่างจบสิ้นลง “ผมจะกินมื้อเย็นตอนหกโมงนะ ขอบคุณครับ” มองนาฬิกามีเวลาได้นั่งทำงานอีกไม่นาน เลยต้องรีบลงมือ แล้วเรียบเข้าห้องครัวเล็กๆ ที่มีของใช้ครบครัน ผัดเต้าหู้ใส่ถั่วงอก แกงเลียง กับข้าวกล้องถูกจัดใส่จานชามรอเรียบร้อยแล้ว และกำลังส่งเข้าไมโครเวฟทีละรายการ ระหว่างรออยู่นั้นก็ถอนหายใจหนักๆ เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ นับตั้งแต่ท่านประธานเข้ามาในบริษัทมากระทั่งตอนนี้หนึ่งทุ่มตรง ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับด้วยซ้ำ กลิ่นของอาหารทำให้หวนคิดถึงงานเลี้ยงคืนนั้นขึ้นมาได้ไม่ยาก “ไปเร็วพวกเรา วันนี้มี้อนุญาตให้แต่งหน้าทำผมได้เต็มที่ แถมมีช่างให้ด้วยนะ” ปรียากรณ์ชวนเพื่อนสาวทั้งสามทันทีเมื่อออกจากรถหรูได้ รภัสรดาอดมองคฤหาสน์อันใหญ่โตโอ่อ่าไม่ได้สักครั้ง เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมเยือนหลายครั้งนับตั้งแต่ถูกดึงเข้ากลุ่มนี้มาตอนเรียนเทอมสองหลังได้คะแนนสอบนำเพื่อนแล้วก็ได้เป็นหัวหน้าห้องติดต่อกันมาตั้งแต่นั้น อดคิดถึงเพื่อนร่วมซอยและรุ่นเดียวกันอย่างเดชาชาญที่เคยเรียนด้วยกันตั้งแต่ประถมหนึ่งถึงหกไม่ได้ เพราะต้องแยกไปเรียนอีกที่ด้วยทางบ้านไม่มีเงินส่งเสียเข้าโรงเรียนเอกชน รภัสรดารู้สึกรักแม่ขึ้นมากมายที่ทุ่มเทแรงกายแรงเงินจำนวนมาก เพื่อให้ลูกได้เรียนโรงเรียนเอกชนดีๆ จนทำให้มีเพื่อนดีๆ เพิ่มมาอีกตั้งสามคน “เอื้อยมาเลือกชุดสิ ในตู้โน่น อยากใส่ชุดไหนได้หมด” รภัสรดาหันไปยิ้มบางๆ ให้ปรียากรณ์เพื่อนรักด้วยความขอบคุณ เพราะตัวเองเกรงใจแม่ ไม่อยากขอเงินมาซื้อชุดสวยๆ ราคาแพงๆ ใส่ออกงานนัก ลำพังค่าเทอมก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว แม่ต้องตื่นทำกับข้าวไว้ขายตั้งแต่ตีสอง กว่าจะได้นอนก็บ่ายๆ เพราะขายของหมดแล้วก็ต้องช่วยคนงานเก็บของล้างก่อน “อุ๊ยๆ พี่ภามกลับมาแล้ว ดูสิ! หล่อเป็นบ้าเลยแก” วรัสยาภรสะกิดแขนให้มองไปยังเจ้าของกายสูงใหญ่ที่เพิ่งก้าวออกจากรถยุโรปหรูหราราคาหลายล้าน “นั่นสิ! หล่อยังกับดาราเลยแก ฉันชอบพี่ภาม ขอเป็นแฟนได้เปล่าย่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD