“แต่เขาอยากได้เลขาที่รู้ทุกอย่างในบริษัท ไม่เด็กหรือไม่อายุเยอะเกินไป จะได้คุยกันรู้เรื่อง ผมเห็นว่าคุณเอื้อยทำงานกับเรามานานแล้ว และคงจะต้องทำตำแหน่งเดิมไปอีก เพราะคุณเปิ้ลก็ไม่มีทีท่าว่าจะลาออกไปทำที่ไหน ผมเองก็ไม่มีตำแหน่งสูงกว่านั้นให้ เลยคิดว่าจะโปรโมทให้คุณเอื้อยมาทำตำแหน่งเลขาให้ประธานบริษัทคนใหม่ และจะเพิ่มเงินเดือนให้อีกเท่าตัว เพราะงานนี้หินไม่น้อยเลยครับ”
“เอื้อยไม่เคยทำงานด้านนี้เลยค่ะ จะไหวเหรอคะบอส”
แม้จะดีใจกับตำแหน่งใหม่แถมได้เงินเดือนเพิ่มอีก แต่ก็อดกลัวไม่ได้เพราะไม่เคยทำมาก่อน
“ตรงนั้นไม่มีปัญหาเลยครับ ถ้าคุณเอื้อยตกลง ผมให้มาเรียนรู้งานกับคุณรีได้ รับรองว่าเป็นงานก่อนท่านประธานคนใหม่ของเราจะเข้ามาทำงานซะอีก แล้วระหว่างทำงาน ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจอะไร ก็ถามคุณรีได้ตลอดครับ”
“ท่านประธานจะมาทำเมื่อไหร่คะบอส”
“เห็นว่าอาทิตย์หน้านะครับ ถ้าคุณเอื้อยตกลงก็รีบโอนงานให้คนที่คุณเปิ้ลจะให้มารับผิดชอบแทนตั้งแต่วันนี้เลย สองหรือสามวันน่าจะพอนะครับ ระหว่างนี้ผมก็จะให้ช่างมาทำห้องไว้ เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะครับ”
“ถ้าบอสคิดว่าเอื้อยจะทำหน้าที่นี้ได้ เอื้อยก็ยินดีค่ะ กราบขอบพระคุณบอสนะคะที่ให้โอกาสเอื้อย”
“ผมก็ต้องขอบคุณ คุณเอื้อยด้วยเหมือนกันครับที่ตกลงใจรับงานนี้”
บอสหนุ่มกั๊กคำว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ตกลง เขาก็อดได้เพื่อนมาเป็นหุ้นส่วนเอาไว้ ข้อสงสัยที่มีในใจว่าทำไมเพื่อนถึงยื่นเงื่อนไขแบบนี้มีตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เห็นเพื่อนเงียบไม่อยากตอบเขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ แค่มีคนเก่งมาทำงานต่อเขาก็ดีใจแล้ว
นับตั้งแต่ตกลงใจรับตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน รภัสรดาก็ต้องยุ่งวุ่นวายกับการโอนงานให้พนักงานรุ่นน้องที่นงคราญโปรโมทขึ้นมาทำแทน แล้วไหนจะยุ่งกับการขึ้นไปช่วยจิตตินันท์คิดเรื่องทำออฟฟิศใหม่ให้ประธาน แล้วยังต้องเริ่มเรียนรู้งานเลขาตลอดจนหน้าที่ต่างๆ ที่เลขาพึงรู้พึงทำจากวารีอีก เลยต้องมาแต่เช้าและกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน
เดซี่: นี่ชะนี! ตกลงจะให้ฉันเอาที่นอนหมอนมุ้งไปให้เลยมั้ยล่ะ ไม่ได้เห็นหน้าแกมาหลายวันแล้วนะ ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่ายะ
สิบโมงเช้าขณะกำลังง่วนอยู่กับการจัดหาอุปกรณ์ออฟฟิศให้ประธานคนใหม่ที่จะเข้ามาในอีกครึ่งชั่วโมงนี้ แล้วเรียกประชุมผู้บริหารตอนสิบเอ็ดโมง
บ่ายโมงประชุมผู้จัดการฝ่ายกับผู้ช่วยฝ่ายอีก สี่โมงเย็นประชุมฝ่ายการตลาด เรียกว่ามาวันแรกก็เริ่มทำงานแบบจริงๆ จังๆ ทันที นั่นเป็นอะไรที่รภัสรดาชอบไม่น้อย
สาวมั่น: ว่าจะโทรให้แกเอามาส่งอยู่เหมือนกัน ยุ่งชิห๊าย! เจ้านายคนใหม่กำลังจะมา ยังไม่ได้เอาพรมแดงไปปูหน้าบริษัทเลย
เดซี่: แม่เจ้า! ได้เงินเพิ่มมาอีกเท่าตัว แต่เหนื่อยมากกว่าเท่าตัวอีก ฉันว่าแกเปลี่ยนใจไปทำตำแหน่งเดิมดีกว่ามั้ยวะชะนี เย็นๆ กลับบ้านมาจะได้เห็นหน้าแกบ้าง
สาวมั่น: ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วว่ะแก แค่นี้ก่อนนะ ต้องไปแล้วจริงๆ แท้งกิ้วนะที่ดูแลทุกอย่างแทน ไว้งานอยู่ตัวเมื่อไหร่ฉันจะเลี้ยงใหญ่แกหนึ่งมื้อ
เดซี่: อันเชิญย่ะ
ตอบไลน์เพื่อนเสร็จแล้ว ก็วางมือถือไว้บนโต๊ะทันที เพราะต้องรีบจัดแฟ้มต่างๆ เข้าตู้ในห้องให้เสร็จ จะได้มีเวลาเตรียมตัวลงไปยืนต้อนรับประธานบริหารคนใหม่ตามคำสั่งของประธานบริหารคนเก่าที่ตอนนี้มีตำแหน่งเหลือแค่ประธานสายงานผลิตเท่านั้น
“โอ๊ย! อยากมีสักสิบมือ จะได้เสร็จเร็วๆ”
มือทำงานไป ปากก็พูดไป กว่าจะเสร็จก็เลยเวลาที่ประธานจะมาไปถึงสิบนาที เลยต้องรีบลงไปชั้นล่าง
“ท่านประธานคนใหม่มาหรือยังคะป้าหลัว”
ออกประตูลิฟต์ไปเห็นแม่บ้านที่คุ้นเคยเลยรีบถาม ในใจนั้นคิดว่าประธานคนใหม่ไม่น่าจะมาตรงเวลาเป๊ะนัก
“คุณเอื้อยลงมาพอดีเลย”
แต่ดูเหมือนจะคิดผิด เพราะเดินออกไปไม่เท่าไหร่ จิตตินันท์ก็ทักทายขึ้น ข้างกายนั้นมีเจ้าของส่วนสูงร้อยแปดสิบห้าในสูทสีเบจแบบกระดุมสามเม็ดแถวเดียวยืนมองมาอยู่ก่อนแล้ว รภัสรดาเกือบจะพาส้นสูงแบบเข็มล้มลงตรงนั้น เมื่อมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเขาเป็นใครและแบบไม่ต้องมีใครแนะนำเลย
“คุณเอื้อยครับนี่คุณจตุรภัทร นิธิสุวัฒนาฐากร ประธานคนใหม่ของเราไงครับ”
จิตตินันท์แนะนำด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปหาคนที่ตอนนี้เขาตัดความเป็นเพื่อนออกไปก่อน
“ท่านประธานครับ นี่คุณรภัสรดาหรือคุณเอื้อย คนที่จะเป็นเลขาท่านครับ”
คนแนะนำให้ขัดๆ ยังไงไม่รู้ เพราะเท่าที่เป็นเพื่อนกันมา ก็ไม่เคยเรียกแบบเป็นทางการสักที จะมีก็แต่ ‘ไอ้ภามอย่างนั้น ไอ้ภามอย่างนี้ กูจะเอานั่นหรือกูจะพามึงไปกินนี่’
“สวัสดีครับคุณรภัสรดา สบายดีนะครับ”
ประธานคนใหม่ส่งน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ ให้เลขาตรงหน้าอย่างไม่ขัดเขินใดๆ แม้จะมีผู้บริหารแผนกอื่นยืนดูอยู่ไม่ห่างก็ตาม
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
แต่คนเป็นเลขานั้น กลับเกิดอาการเก้อๆ เก้ๆ กังๆ อยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ยกมือไหว้ประธานคนใหม่ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถามร้อยแปดก็ตาม ขณะเดียวกันความทรงจำเก่าๆ เมื่อหลายปีก็โลดแล่นเข้ามาลอยอยู่ตรงหน้าอย่างเด่นชัด ราวกับเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่กี่วันเท่านั้น