ตอนที่ 3

1083 Words
         “ไม่ต้องกลุ้ม เอางี้… สิ้นเดือนนี้ข้าจะช่วยไปก่อน… แล้วเงินหมื่นกว่าๆ ที่ไอ้เชิดผัวเองเคยติดหนี้ตาเข้มผัวข้าเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะไปขอให้ยกให้ บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้วเวทนาเองว่ะ” จำปายกมือไหว้ประหลกๆ ซึ้งในน้ำใจของป้าช้อย “ไม่ต้องไหว้ข้า เพราะยังไงข้าก็คงช่วยเหลือเอ็งไม่ได้ตลอด ต่อจากนี้ไปเอ็งจะต้องลุกขึ้นมาสู้ด้วยลำแข้งของตัวเอง” บอกแล้วป้าช้อยก็ถอนใจแรง          “แต่ป้าก็เห็นอยู่ว่าฉันก็ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง”          หล่อนตอบออกมาซื่อๆ          เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมา สามีของหล่อนเป็นคนคอยหาเลี้ยงมาโดยตลอด จำปาไม่เคยทำงานหนัก อย่างมากก็แตะงานบ้านเบาๆ เพราะว่าตอนมีชีวิตอยู่ สามีของหล่อนก็ตามอกตามใจจนเสียนิสัย ทุกวันนี้จำปาก็ยังซื้อกับข้าวถุง ไม่เคยหุงหาด้วยตัวเอง เสื้อผ้าก็ส่งซักเป็นรายเดือนทั้งที่ควรจะทำเอง จนทุกวันนี้มือไม้ของหล่อนดูอ้อนแอ้นจนแตะงานหนักไม่ได้แล้ว           “เอ็งน่าจะลองไปหางานทำ”          ป้าช้อยแนะนำด้วยความหวังดี          “แต่ฉันไม่มีวิชาความรู้อะไรเลยนะป้า… และฉันก็ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง” จำปาพูดแล้วก็ถอนใจแรง          ใบหน้าสะสวยของหล่อนแลดูกลัดกลุ้มลงไปอีก เพราะตระหนักดีว่าคนที่เรียนจบแค่ชั้นประถม แถมยังทำงานอะไรไม่เป็นสักอย่าง นายจ้างที่ไหนจะรับเข้าทำงาน          “จริงของเอ็ง…”          ป้าช้อยครุ่นคิด นึกตำหนิสามีที่ตายไปแล้วของจำปา ที่ปล่อยให้หล่อนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำการทำงานอะไรเลย ทั้งที่ก็ไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขา          ป้าช้อยนิ่งอยู่ในอาการครุ่นคิด ครั้นแล้วก็รำพึงออกมาเบาๆ ว่า          “ผู้หญิงลักษณะอย่างเอ็งเนี่ยนะ…ถ้าจะทำงานมันคงไม่ยาก”          “ทำไมหรือป้า…”          หัวคิ้วของจำปาชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย          ป้าช้อยยังไม่ตอบในทันทีทันใด แต่แกขยับออกมายืนมองหล่อน สายตาเพ่งพิศพิจารณาเรือนร่างของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ตรงหน้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง “ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะป้า…” สายตาของป้าช้อยทำให้จำปารู้สึกประหลาดใจ “รู้ตัวหรือเปล่าว่าเอ็งเป็นผู้หญิงที่สวยมาก… เอ็งคงไม่รู้สินะว่าผู้ชายในย่านนี้มันอยากจะล่อเอ็งทั้งนั้น” “ว้าย! บ้าน่ะ… พูดอะไรน่าเกลียด แล้วป้าไปรู้มาได้ยังไงล่ะว่าไอ้ผู้ชายคนไหนมันอยากจะล่อฉันบ้าง” จำปานึกสงสัย หล่อนไม่ได้ถือสาในความเป็นคนพูดจาตรงๆ ของป้าช้อย          “แหม… เอ็งลืมไปหรือเปล่าว่าบ้านเช่าหลังเล็กๆ สิบกว่าหลังที่ปลูกรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน รั้วเดียวกัน ห่างแค่ผนังห้องกั้น มันจะแปลกอะไรวะ ถ้าทุกบ้านจะรู้ทุกเรื่องราวความเป็นไปของกันและกัน”          พูดไม่ทันจบแกก็หัวเราะคิกคักออกมาเสียเอง “หัวเราะอะไรป้า…” “เอ็งคงไม่รู้หรอกว่าพวกสอดรู้สอดเห็นน่ะมันเยอะ คนแถวนี้มันรู้แม้กระทั่งเรื่องลับๆ ในมุ้งของบ้านโน้นบ้านนี้…อิอิ”          “โอ๊ย… นี่ถึงกับแอบไปเปิดมุ้งดูตอนคนเอากันเลยหรือป้า ตลกละ… เรื่องแบบนี้จะไปรู้กันได้ยังไง”          พูดทั้งหัวเราะ จำปามองว่าเป็นเรื่องขำขันเสียมากกว่าจะคิดเป็นจริงเป็นจังอย่างที่ป้าช้อยว่า          “อุ๊ย… เอ็งไม่รู้อะไรซะแล้ว ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ เพราะว่าวันดีคืนดีไอ้พวกผู้ชายที่ตั้งวงเหล้ากันบ่อยๆ แทบไม่เลือกวันโกนวันพระ พอเหล้าเข้าปากแล้วทีนี้ละมึงเอ๋ย… ก็หนีไม่พ้นคุยกันเรื่องใต้สะดือ”          ที่พูดออกไปอย่างนั้น เพราะว่าป้าช้อยรู้มาจากปากของลุงเข้มผู้เป็นสามีของแกนั่นเอง ว่าพอเหล้าเข้าปาก พวกผู้ชายก็คึกคะนอง เผลอเอาเรื่องในมุ้งออกมาเล่ามาแซวกันเหมือนเป็นของสนุกปาก ทำเอาหัวร่องอหายกันไปทั้งวงเหล้า          แต่มีอีกเรื่องนึงที่ป้าช้อยนึกสงสัย ก็ตอนที่ลุงเข้มเอามาคุยให้ฟังบ่อยๆ ว่าไอ้เชิดผู้เป็นสามีของจำปามักจะเอาของลับของหล่อนมาอวดอ้างว่าโพนทะนาสรรพคุณว่าสวยอย่างนั้น เด็ดอย่างนี้ ทำให้แกนึกอยากเห็นขึ้นมาตะหงิดๆ          จู่ๆ ป้าช้อยก็อยากพิสูจน์ความจริงว่าที่ลุงเข้มแอบเอามาบอกนั้นจะเป็นจริงสมคำร่ำลือของพวกวงเหล้าหรือเปล่า?          “เอ็งรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงแถวนี้หลายๆ คนนึกอิจฉาเอ็งไปตามๆ กัน”          แกเปรยขึ้นลอยๆ          “เอ้า… จะมาอิจฉาฉันเรื่องอะไรล่ะป้า”          “ก็ทั้งสะโพก อก เอว ของเอ็งมันดูเย้ายวนเหลือเกิน… พอมานั่งใกล้ๆ ข้าก็เห็นจริง ถึงได้รู้ว่าทำไมไอ้แก่ที่บ้านมันชอบแอบออกมายืนด้อมๆ มองๆ ตอนที่เอ็งก้มๆ เงยๆ กวาดบ้าน”          ป้าช้อยนึกย้อนไปถึงพฤติกรรมลามกของสามี “ว่าบาปน่ะป้า ลุงเข้มแกเป็นผู้ใหญ่ใจดี อย่าไปว่าแกอย่างนั้น แกไม่คิดอะไรกับฉันหรอก บ้านเช่าติดกันแกคงคิดว่าเป็นลูกเป็นหลาน แกเอ็นดูน่ะ”   “ชิ๊… ที่มันเอ็นดูเอ็ง เพราะมันอยากให้เอ็ง ‘ดูเอ็น’ มันน่ะสิ ข้านี่แหละรู้จักมันดีกว่าใคร” “ป้า…” อุทานแล้วจำปาก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง เพราะรู้ว่าป้าช้อยเป็นคนยังไง หล่อนจึงไม่ถือสาคำพูดคำจาของแก แต่ก็ไม่คิดว่าจะทะลึ่งสัปดนขนาดนี้ ครั้นแล้วป้าช้อยก็กวาดสายตาสำรวจไปทั่วเรือนร่างอิ่มสมบูรณ์ของจำปาอีกครั้ง “มองยังกะจะกินเลือดกินเนื้อฉันยังงั้นแหละป้า…” วิธีการมองของป้าช้อยทำให้คนถูกมองยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ “เอ็งอยากทำงานมั้ย… ข้าพอจะแนะนำได้” “อยากสิป้า” “ไหน… งั้นเอ็งลองลุกขึ้นยืนให้ข้าดูชัดๆ หน่อยซิ” จำปาดูงงๆ แต่ก็ลุกขึ้นตามที่ป้าช้อยว่า เพราะอยากรู้ว่าแกเกิดความคิดพิสดารอะไรขึ้นมาอีก “ป้าอย่าบอกนะว่าที่ไหนกำลังจะจัดประกวดนางงามแม่ลูกอ่อน” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD