ฉันเสพติดมันมากเลย พอเห็นมันแฉะ..ฉันก็เล่นกับมันไม่หยุด
และถึงแม้ตัวเองต้องลุกไปอาบน้ำเป็นครั้งที่สองหรือสาม...ก็ยังหักห้ามใจที่ลุ่มหลงกับความสนุกนี้ไม่ได้
ฉันละเลงนิ้วเล่นมันไปช้าๆ ให้ไอของน้ำอุ่น..เร้าอารมณ์ที่แสนปรารถนาของตัวเอง
"โอะ..โอ้ย ให้ตายสิ ชอบจัง~"
แผ่นหลังพิงผนังห้องน้ำขาหนึ่งข้างชัน ขณะที่นิ้วลูบไล้ตามตุ่มกระสัน ทำมันผ่านหยาดน้ำอุ่นที่ลงมาจากฝักบัว
จนน้ำหวานเปียกไหลไปตามเรียวขา มันเสียวซ่านและเป็นการปลดปล่อยที่ดีมาก จนแล้วจนเล่า..ฉันเงยขึ้นเม้มปากซี๊ดส์คราง... ก่อนจะเร่งจังหวะปลายนิ้วกลาง ให้มันส่งฉันถึงสวรรค์ระลอก
"ฮะ..เฮ้อ!!~"
เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาสุดกลั้น นั่นหมายถึงการสำเร็จความใคร่ของฉัน
และหลังจากนั้น..ฉันก็รีบอาบน้ำทำเวลา แต่งชุดนอนแขนยาวขายาวสีฟ้า ลงไปรับประทานมื้อเย็นกับครอบครัว
แต่เมื่อลงมาที่ห้องอาหารเท่านั้น...พ่อ แม่ และพี่ติณห์ก็หันขวับมามองฉันเป็นตาเดียว
เพราะขณะที่ฉันมัวแต่ช่วยตัวเองอยู่บนห้อง ทุกคนจะทานมื้อเย็นกันเสร็จแล้ว
"อ้าว ทำไมลงมาช้าล่ะลูก แม่บอกให้แม่บ้านไปตามตั้งนานแล้วนะ"
ฉันยิ้มตอบ แล้วเดินไปเลื่อนเก้าอี้นั่งข้างๆพี่ชาย ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารอยู่
"เอ่อ พอดีอันติงอาบน้ำอยู่ค่ะ ไม่ได้ยิน^^"
ฉันตอบยิ้มๆ พยายามรักษาความสดใสของตัวเองไว้ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ครอบครัวรู้..ว่าที่ฉันหายไป ฉันกำลังลุ่มหลงอยู่กับเรื่องใต้สะดือ
"งั้นกินข้าวเถอะ จะได้รีบอ่านหนังสือและเข้านอน" พ่อบอก ขณะที่ตัวเองเอื้อมตักปลาราดพริกให้กับฉัน
จนอยู่ๆพี่ติณห์ที่นั่งข้างๆหันมามองตาม และขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"เราเรียนจบเมื่อไหร่? ปีนี้ปีสุดท้ายใช่มั้ย?"
"ปีสุดท้ายแล้วค่ะ ถามแบบนี้..เรียนจบพี่ติณห์จะให้ตั๋วเครื่องบินเที่ยวรอบโลกใช่มั้ย^^"
"ฮ่าๆได้ทั้งนั้น ตั้งใจเรียนให้จบล่ะ จบมาจะได้เข้าบอร์ดบริหารโรงพยาบาล ไม่ต้องไปเป็นหมอให้เหนื่อย^^"
ฉันพยักหน้ายิ้มๆ อย่างที่บอก..ว่าครอบครัวแม่ฉันมีธุรกิจโรงพยาบาล ที่บริหารร่วมกับญาติๆนั่นก็คือน้ากาแฟ ซึ่งเครือญาติฝั่งแม่ฉันกว้างขวางมาก
ฉันยังมีลูกพี่ลูกน้องที่ต้องเข้าบอร์ดอีกตั้งหลายคน
เช่น..ต้นหนาว ต้นเหนือ ต้นข้าว ลูกน้ากาแฟก็สามแล้ว ฉะนั้น..ฉันจึงไม่ได้คาดหวังอะไรกับโรงพยาบาลแม่ หันไปสนใจหุ้นสายการบินพ่อมากกว่า
เพราะฝั่งพ่อฉัน..ท่านเป็นลูกชายคนเดียว ตำแหน่งซีอีโอจึงตกทอดสู่บ้านฉันตรงๆไม่มีหัก ไอ้ที่รวยมีเงินใช้มากๆก็เพราะธุรกิจสายการบินที่พี่ติณห์บริหารแทนพ่ออยู่นี่แหละ
ซึ่งพี่ติณห์เองก็กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว กำลังวางแผนแต่งงานกับพี่ลิลิน พี่สาวแท้ๆของลีอองกลุ่มตระกูลมาเฟียนั่นแหละ
เห็นมั้ย..ฉันคงเกลียดเขาไม่ได้มากกว่านี้ และเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องช่วย เพราะอีกเดี๋ยวเราก็ดองกันแล้ว
"เอ้ออันติง มะรืนพ่อจะจัดงานเลี้ยงที่สำนักงาน เลี้ยงพนักงานใกล้เกษียณและกัปตันอาวุโส อันติงไปกับพ่อด้วยนะ^^"
ฉันเหรอ? ฉันเกี่ยวอะไร?
"แล้วพี่ติณห์ล่ะคะ ทำไมต้องอันติง" ฉันหันไปถามพ่อด้วยความสงสัย ทำไมต้องฉัน งานเกี่ยวกับสายการบินมันของพี่ติณห์นี่น่า ลำพังเรียนและขึ้นวอร์ดฉันก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่แล้ว ยังจะให้ฉันออกงานสังคมอีก
"งานนี้เขาควงลูกสาวออกงานกัน^^"
"ควงลูกสาว? ตลกดีนะคะ "
"มันเป็นตรีมงานน่ะ พ่อเองก็ไม่เข้าใจ " แล้วฉันก็หันมองแม่กับพี่ติณห์ทันทีเพื่อขอความเห็น ซึ่งพี่ติณห์เองก็ยิ้ม ส่วนแม่..ตามคาด ท่านพยักหน้าเห็นด้วย
"ไปเถอะ พี่เราก็อยู่ที่สำนักงานอยู่แล้ว และงานก็จัดที่ห้องประชุมใหญ่ที่นั่น ลูกควรไปเปิดตัวเจอคนในสำนักงานบ้าง พ่อเราจะได้โม้ลูกสาวด้วย"
แหม..ฉันมีอะไรให้โม้ เรียนก็ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แถมงานการก็ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ประสบผลสำเร็จเลย มีแค่คำว่านักศึกษาแพทย์แปะกลางหน้าผากเท่านั้นแหละ
"อืม ขอพ่อโม้หน่อยเถอะ ลูกสาวพ่อสวย^^"
"ก็ได้ค่ะ มะรืนนะคะ หนูจะได้รีบกลับ"
"ครับลูก^^"
หลังจากทานมื้อเย็นกับครอบครัว ฉันก็กลับขึ้นมาอ่านหนังสือเหมือนเคยๆ ซึ่งไม่อ่านไม่ได้...เพราะใกล้จบปีหก ฉันต้องสอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ขั้นที่สาม (ขั้นสุดท้าย)
มันหินมาก แถมมันยังเป็นการสอบแบบออสกี้ (OSCE) สอบปฏิบัติ ที่มีเสียงกริ๊งกำหนดเวลาและมีตั้งสามสิบฐาน!
เรียกว่าต้องดึงความรู้และประสบการณ์ มาต่อสู้กับความกดดันเลยแหละ
ซึ่งนอกจากอ่านหนังสือ ฉันก็เรียนรู้มันทุกวันผ่านเคสในโรงพยาบาลรัฐแห่งนี้ ฉันตื่นเช้าราวน์วอร์ดทุกวัน ซึ่งวอร์ดที่ว่านี้..ก็คือตึกผู้ป่วยที่มีการแบ่งคนไข้ตามกลุ่มโรคต่างๆที่เป็น
เช่น คนไข้ที่รับการผ่าตัดมาและพักฟื้นอยู่ในห้องพักผู้ป่วยศัลยกรรม เราเรียกวอร์ดศัลย์ และคนไข้ที่เป็นเด็กพักในห้องเด็กนั้น..เราก็เรียกว่าวอร์ดเด็ก
ซึ่งวันนี้ฉันเอง...ก็ต้องราวน์กับพี่Intern ที่วอร์ดนี้
"อย่าวิ่งหนีเตลิดอีกนะ" พี่Intern แซวทันที เมื่อฉันเดินตามหลังต้อยๆ ขึ้นลิฟต์ไปกับเขา
"ไม่แล้วค่ะ วันนั้นหนูแค่พะอืดพะอมกลิ่นฟอร์มาลิน"
"หมอใหม่ก็แบบนี้ล่ะ เดี๋ยวสักพักก็ชิน" ชิน?
ฉันเงยขึ้นมองพี่Intern ทันที แหม..ถ้าตัวเองรู้ว่าการเป็นหมอมันผ่านอะไรบ้าง ทำไมในห้องสุขนิรันดร์ไม่เข้าใจฉันเลย
ด่าและกดดันกันอยู่ได้
"เมื่อก่อนพี่Internก็เป็นแบบนี้เหรอคะ?" ฉันหันไปถาม คนที่ยืนล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์อยู่ข้างๆ
จนเขาหันมาขมวดคิ้ว และจ้องหน้าฉันทันที
"เรียกพี่ ว่าพี่เกมส์เถอะ ไม่ต้องเรียกเป็นทางการทุกเวลาก็ได้ -_-"
"เอ่อ..ได้ค่ะ เมื่อก่อนพี่เกมส์ก็เป็นแบบนี้เหรอคะ?"
"ไม่เป็น แต่เห็นเพื่อนคนอื่นเป็น น้องน่ะทำใจให้ชินเถอะ...ขนาดศพมีสภาพปกติยังสติแตกขนาดนี้ แล้วถ้าเละเทะมา จะสติแตกขนาดไหน"
นึกถึงแล้วก็จะอ้วกจริงๆนะ ฉันไม่ชอบศพหรือคนตายเลย ตอนเรียนกับอาจารย์ใหญ่ที่มหาลัยฉันก็ฝืนใจไปทุกวัน นี่รอดมาแล้วยังไม่พ้นการชันสูตรศพอีก
เอ๊ะ ว่าแต่วันนั้น..พี่เกมส์ชันสูตรศพจนเสร็จนี่น่า เขาต้องรู้แน่ๆว่าศพนั้นมีผลชันสูตรยังไง และมีคดีอะไรที่ต้องดำเนินบ้าง
ฉันควรถามเขา !
"เอ่อพี่เกมส์คะ ศพวันก่อน..ตอนนี้มีญาติมารับไปรึยังคะ? แล้วตำรวจว่าไงบ้าง?"
"ยังนะ ส่วนตำรวจ...พอไม่มีญาติติดต่อรับ ตำรวจก็ไม่สนใจคดีเลย ป่านนี้มูลนิธิคงย้ายไปไว้ที่สุสานศพไร้ญาติแล้วมั้ง"
ย้ายไปแล้วเหรอ? ทำไมเร็วจัง เพิ่งสามวันเองนะ
"อ้าว ทำไมย้ายไปเร็วล่ะคะ?"
"เรียนจะจบอยู่แล้ว..ไม่รู้อะไรเลยรึไง โรงพยาบาลเราโรงพยาบาลรัฐ คนตายทุกวัน เก็บศพไม่พอหรอก"
เออแหะ ฉันลืมไปได้ไง..แต่ใจนึงก็แปลกใจนะ ว่าทำไมสิ่งที่ลีอองให้ฉันทำ จากที่ยากและเสี่ยง อยู่ๆมันก็ดูง่ายไปซะหมด
และโชคดีที่ฉันยังไม่เอาวิชาชีพที่สูงส่งของฉันไปเกือกกลั้ว เฮ้อโล่ง...หวังว่าจบเรื่องนี้แล้ว อิฆาตกรเขาจะไม่มาวุ่นวายกับฉันอีกนะ!
"แบบนี้ตำรวจคงปล่อยเลยตามเลยใช่มั้ยคะ จบแน่ๆใช่มั้ยคะพี่เกมส์"
"ส่วนมากเป็นแบบนั้น พี่ก็ไม่แน่ใจ เอาล่ะ..เลิกถามเข้าไปตรวจเด็กๆได้แล้ว-_-"
เมื่อเสียงลิฟต์ดัง ติ๊ง~ พี่Intern ของฉันก็เปลี่ยนโหมดขรึมทันที ก่อนที่เขาจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกจากลิฟต์ไปที่วอร์ด และเริ่มตรวจคนไข้ตั้งแต่เตียงแรก
ส่วนฉัน..ก็ยังทำหน้าที่เหมือนเคยๆ ตรวจ ถาม ซักอาการและความคืบหน้ากับผู้ปกครองเด็ก จนมาหยุดที่เตียงนึง..
เตียงที่มีน้องผู้หญิงนอนหลับสนิท และมีผู้ปกครองกำลังร้องห่มร้องไห้ข้างๆ
"เอ่อ..สวัสดีค่ะ น้องเป็นยังไงบ้างคะ..ยังถ่ายเหลวอยู่มั้ย^^"
เมื่อฉันเดินเข้าไปถาม ผู้หญิงคนนั้นก็ปาดน้ำตาทันที ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพยายามตอบฉันเสียงสั่นเครือ
"มะ..ไม่แล้วค่ะ คุณหมอ"
"เอ..แล้วมีอาการอื่นร่วมไหมคะ อาเจียน พะอืดพะอม ปวดท้อง"
ฉันถามอีกครั้ง เพราะแม่ของเด็กดูวิตกกังวลแปลกๆ จนเธอก้มมองลูกสาวเท่านั้นแหละ น้ำตาก็หยดเผาะลงมาต่อหน้าต่อตาฉันและพยาบาล
"ฮึกๆ..ไม่ค่ะ แต่น้องไม่ยอมทานอะไรเลย เพราะคิดถึงพ่อ คุณหมอคะ..ช่วยตามพ่อเขามาดูลูกได้มั้ยคะ ลูกฉันเขาติดพ่อมาก ตั้งแต่ฉันกับสามีเลิกกัน เขาก็ไม่ดูดำดีลูกเลยค่ะ พอฉันโทรไปบอก..เขาก็หาว่าฉันโกหก และบล็อกเบอร์ฉัน ฮือๆ"
รู้สึกเศร้าจัง
มาเห็นคนป่วยกายแล้ว ฉันยังต้องมาเห็นคนป่วยใจอีกเหรอเนี่ย?
"ค่ะ ได้ค่ะ..เดี๋ยวทางเราจะโทรแจ้งคุณพ่อน้องให้ ยังไงคุณแม่ฝากรายละเอียดไว้กับพยาบาลได้เลยนะคะ แต่ระหว่างนี้ อยากให้คุณแม่เกลี้ยกล่อมน้องให้ได้ ทานสักนิดสักหน่อย รองท้องก็ยังดีค่ะ^^"
"ค่ะ ขอบคุณมากค่ะหมอ ขอบคุณจริงๆค่ะ"
ฉันรีบรับไหว้แม่ของเด็กแทบไม่ทัน ก่อนที่จะส่งยิ้มให้กำลังใจเธอ และหันไปตรวจคนไข้เตียงอื่นต่อ
จนเสร็จจากการราวน์วอร์ดช่วงเช้า ฉันก็นัดแนะกับมะนาวที่ราวน์วอร์ดศัลย์เสร็จพอดี เราตกลงไปหาอะไรทานกันง่ายๆในที่สุดหรู ทาดา!...นั่นก็คือโรงอาหารของโรงพยาบาลแห่งนี้!!
"เหนื่อยจัง เมื่อคืนฉันทำงานทั้งคืน ยังต้องตื่นมาราวน์คนไข้อีก เฮ้อ เจอสภาพนี้แล้ว..ฉันไม่อยากเป็นหมอทั่วไปเลยแก อยากเรียนเฉพาะทางมากTT"
มะนาวบ่นอุบอิบ เมื่อยกจานข้าวมานั่งร่วมโต๊ะกับฉัน
แต่เท่าที่ดูหน้า..ไม่บอกก็รู้ว่าเธอเหนื่อยและเพลียจริงๆ เพราะต่อให้แต่งหน้าปกปิด ขอบตามะนาวก็ดำปี๋ราวกับคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืน
เอ๊ะ เมื่อกี้มะนาวบอกว่าทำงานทั้งคืน งานอะไรทั้งคืน? มันมีด้วยเหรอ??
"แกรับงานเหรอเมื่อคืน งานที่ไหน?"
ฉันถามด้วยความสงสัย พริตตี้mcอะไร จะวิ่งงานการคืนบ่อยขนาดนี้ และนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกด้วยนะ..ที่มะนาวบ่นเรื่องอดหลับอดนอนกับฉัน
"ก็..งานกับคนใหญ่คนโตน่ะ เขาจ้างพิเศษ..และบางครั้งก็ทั้งคืน-_-/"
เคร้ง~
ช้อนในมือฉัน..หล่นลงจานข้าวทันที จนมะนาวสะดุ้งตกใจ
แต่ที่ตกใจกว่าก็คือฉัน!!
ฉันเงยขึ้นมองหน้ามะนาวด้วยสายตาจริงจัง มองเพื่อกดดัน และเค้นความจริงกับเธอให้ได้
"บอกฉันมา แกทำอะไร?! แกไม่ได้ทำแค่งานพริตตี้mc เหรอมะนาว?!-_-"
มะนาวก้มหน้าลงมองจานข้าว และเธอก็เงียบไปสักพัก..เขี่ยข้าวในจานตัวเองไปมา
ก่อนจะตอบฉันเบาๆว่า..
"อืม ฉันเงินไม่พอใช้อ่ะ ก่อนยายเสีย...ฉันต้องกู้เงินนอกระบบมารักษายายหลักล้าน แต่ฉันไม่ได้มั่วนะแก..ฉันขายให้คนเดียว แค่เป็นเด็กส่วนตัวเขาน่ะ ถ้าเขาต้องการก็แค่ไป ..ไม่ต้องการก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายกัน"
"คะ ใคร...? เสี่ยเหรอ?"
"....."
"ใคร? มะนาว"
"แกไม่ต้องรู้หรอก มันไม่จำเป็นแล้ว เพราะฉันขายตัวใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ ฉันก็จะเลิกติดต่อเขา ^^"
รอยยิ้มของมะนาวตอนนี้ มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดที่ฉันเคยเห็น
และฉัน ก็จะไม่ยอมให้เพื่อนฉันเป็นแบบนี้อีกแล้ว! ทางออกมีตั้งเยอะแยะ ฉันนี่แหละจะช่วยมะนาวเอง!
"แกติดหนี้เท่าไหร่ แกว่ามาเลยมะนาว ฉันจ่ายให้เอง และแกก็ไม่ต้องคืนฉันสักบาท ถือว่าฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ยายแก"
"ไม่ได้! ฉันจะไม่ใช้เงินแกเด็ดขาดอันติง ฉันไม่อยากเป็นเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกัน ว่าฉันคบแกเพราะเงิน!!"
!!