ตอนที่8 ไม่ชอบ

1863 Words
ติณณภพ หลังจากผ่านมื้อเที่ยงพร้อมกับเสียงบ่นของเลขาตัวน้อยของผมไป เธอก็แยกออกมาทำงานของตัวเอง ส่วนผมก็ทำงานที่เหลือบนโต๊ะต่อเหมือนกัน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องออกไปพบลูกค้า ส่วนไอ้เรื่องที่เธอบ่นนะหรอ ก็เรื่องที่ผมให้เธออยู่กินข้าวกับผมตลอดไง “ทำไมคุณต้องให้ฉันมาทานข้าวกับคุณตลอดเลยละคะ ฉันจะไม่มีเพื่อนคบแล้วนะ” “บางวันฉันก็อยากทานส้มตำ แต่จะให้สั่งมาทานในห้องคุณมันก็ดูไม่เข้าท่าไป” “วันหลังคุณให้ฉันออกไปทานกับพวกพนักงานคนอื่นๆบ้างนะ” “คุณเห็นฉันเป็นที่พึ่งทางใจหรือไงถึงขาดฉันไม่ได้เนี่ย ช้าวเที่ยงเย็นก็ต้องมากินข้าวพร้อมกันตลอดเลย หรือว่าไม่เห็นหน้าฉันแล้วไม่เจริญอาหาร” ปากเล็กๆที่คอยตักอาหารเคี้ยวด้วยความหิว พร้อมกับเสียงบ่นใสๆนั่นทำให้ผมหายเหงาและมีความสุขจริงๆ แล้วจะโทษผมได้ไงว่าอยากได้ยินเสียงและเห็นหน้าเธอตลอดเวลา ก็ต้องโทษเธอนั่นแหละที่ชอบทำให้ผมยิ้มได้หายเหงาได้ “หึ ยัยบ๊องเอ้ย” ผมหัวเราะพร้อมกับส่ายหัวเหมือนทุกครั้งที่คิดถึงใบหน้าและน้ำเสียงของแพรวา ก่อนจะลงมือทำงานของตัวเองต่อ หลังจากเวลาล่วงเลยมาจนตอนนี้บ่ายสองกว่าแล้ว เอกสารบนโต๊ะก็ถูกเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ผมเลยเก็บของที่จำเป็นเดินออกไปด้านนอก “ป่ะ ได้เวลาแล้ว” ผมเปิดประตูออกมาบอกแพรวาที่นั่งทำงานอยู่อย่างตั้งใจ “ค่ะๆ รอสักครู่” แพรวาเงยหน้ามามองก่อนจะก้มหน้าปิดคอมและเก็บของจนเสร็จ ผมเลยเดินนำเธอไปที่ลิฟท์ก่อนทันที “เตรียมเอกสารพร้อมแล้วใช่ไหม” ผมถามแพรวาออกไป ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยทำงานผิดพลาดแต่ด้วยความเคยชินกับการทำงานผมเลยต้องถามออกไป เผื่อเธอลืมอะไรจะได้ไม่ต้องเสียเวลา “มือระดับนี้แล้ว เรียบร้อยค่ะ” แพรวาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ คือถ้าวันไหนเธอไม่ยิ้มนี่คือต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะปกติเธอยิ้มและแววตามีความสุขเป็นประจำอยู่แล้วจนสามารถมองออกง่ายมากว่ากำลังทุกข์หรือสุข ไม่นานผมกับแพรวาก็มาถึงร้านกาแฟที่นัดกับลูกค้าไว้ ผมลืมบอกไปสินะว่าผมเป็นเจ้าของโรงแรมหลายสาขาในประเทศ แล้วหนึ่งในงานโรงแรมก็จะเป็นพวกนักธุรกิจหลายประเภทที่ต้องจัดหาที่พักให้กับแขกของตัวเอง เลยเลือกทำสัญญาเรื่องการเข้าพักกับทางโรงแรมของผมในระยะยาวเพราะมันจะได้ราคาที่พิเศษกว่า อีกทั้งได้ห้องพักตามจำนวนไม่มีขาดเหลือ “สั่งอะไรมากินก่อนก็ได้ ลูกค้าคงยังไม่มา” พอหาที่นั่งที่เป็นส่วนตัวได้ผมก็บอกแพรวาออกไป เพราะนี่มาถึงก่อนเวลาตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันเป็นมายาทของการนัดหมายอยู่แล้วว่าต้องมาก่อนเวลา หากมาก่อนเวลาทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งได้คุยกันเร็วธุระก็เสร็จเร็วขึ้น “ได้หรอคะ” พอได้ยินเรื่องกินนี่ตาแพรวพราวเลยนะ “เคยไม่ได้หรอ สำหรับเลขากิตติมาศักดิ์ของฉัน” ผมแซวแพรวากลับไป “แหมคุณก็พูดเกินไป งั้นฉันสั่งเลยนะ” แค่นั้นแหละครับแล้วแพรวาก็หันไปสั่งน้ำกับขนมเค้กมาทันที “เอาชาเขียวเย็นหนึ่ง เค้กช๊อกหนึ่ง แล้วก็ชาร้อนหนึ่งนะคะ” ผมหันไปมองแพรวาที่สั่งชาร้อนมา คือไม่รู้ว่าสั่งมากินเองหรือสั่งมาให้ผม แต่ผมไม่ชอบกินชา “วันนี้คุณดื่มกาแฟไปสองแก้วแล้วค่ะ ฉะนั้นตอนนี้ก็ดื่มชาไปแล้วกันนะคะ วันนี้หมดโควตา” เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าผมอยากจะถามอะไรเธอ เธอเลยอธิบายให้ผมฟังหลังจากพนักงานเดินออกไป “แต่ฉัน...” “ไม่มีแต่ค่ะ ถ้าไม่ดื่มชาก็เอาน้ำเปล่า เอาไหมคะ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบแพรวาก็แทรกขึ้นมาก่อนแล้วยังมีหน้ามาส่งยิ้มหวานให้ผมอีก สรุปผมเป็นเจ้านายเธอ หรือว่าเธอเป็นเจ้านายผมวะ แต่ทำไมผมกลับไม่ไม่พอใจแต่กลับรู้สึกดีมากกว่าจนลืมตัวยกมือไปโยกหัวเธอไปมา “นี่ ผมฉันเสียทรงหมดแล้วค่ะ” แพรวาท้วงออกมาพร้อมกับเอนตัวหลบจากมือผมก่อนจะบ่นไปจัดทรงผมไป “หึ” แล้วด้วยความหมั่นไส้ผมต้องยกมือไปยีผมเธออีกครั้ง “คุณติณ~~~” แพรวาหันมายู่หน้าใส่ผมแล้วลากเสียงเรียกผม ทำไมยิ่งรู้จักยิ่งน่ารักแบบนี้วะ หลังจากผมเลิกแกล้งแพรวาได้ไม่นาน ของกินที่เธอสั่งไปก็ถูกเอามาเสริฟไว้ตรงหน้า ซึ่งพอแม่เลขาตัวน้อยพอได้ของกินเมื่อไหร่เจ้านายอย่างผมก็ไร้ค่าทันที มันน่าซื้อให้กินไหมล่ะ “อร่อยไหม” เมื่อไม่ได้รับความสนใจ ผมก็ต้องเรียกร้องความสนใจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “อร่อยมากเลยค่ะ อยากทานไหมเดี๋ยวฉันสั่งให้” แพรวาหันมาตอบนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักเค้กเข้าปากตัวเอง “ชิมดูก่อน” ผมพูดออกไป “ได้ค่ะ”แพรวาเลยยื่นช้อนให้ผม “ป้อนหน่อยสิ ฉันขี้เกียด” ผมนั่งอยู่ท่าเดิมแล้วบอกแพรวาออกไป “แหมท่านประธานที่เคารพของฉันขี้เกียจเป็นด้วยหรอคะ” ปากเล็กๆบ่นออกมาระหว่างที่ก้มหน้าไปตักเค้กตรงหน้าตัวเองก่อนจะหันมายื่นจ่อปากผม ผมเลยยื่นปากไปรับเค้กในช้อนที่แพรวาป้อน “อื้อ อร่อยจริงๆด้วย” ผมพูดออกไปทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบกินของหวานเท่าไหร่ “อร่อยใช่ไหมล่ะ ฉันบอกคุณแล้ว ว่าแต่จะเอาไหมคะ เดี๋ยวสั่งให้” แพรวาถาม “ไม่อ่ะ อิ่มแล้ว” ผมบอกเธอออกไป ก็ผมไม่ได้อยากกินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่อยากเรียกร้องความสนใจแค่นั้นเอง แต่พอได้ยินคำตอบแพรวาแจกค้อนให้ผมทันทีก่อนจะหันไปสนใจเค้กตัวเองต่อ “ขอโทษที่ให้คอยนานครับ” แล้วเสียงเข้มของผู้ชายที่เดินมาหยุดที่โต๊ะพูดขึ้น ผมเลยลุกขึ้นไปจับมือทักทาย “ไม่เป็นไรครับ ผมก็พึ่งมาได้ไม่นาน” ผมตอบกลับไปเพราะนี่ก็ยังไม่ถึงเวลานัด “สวัสดีค่ะ” แล้วแพรวาที่เห็นแบบนั้นก็รีบกลืนเค้กในปากลุกขึ้นมาทักทายกับลูกค้าที่นัดไว้ทันที “หึ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกครับ” นายพีรพัฒน์หันไปยิ้มแล้วบอกแพรวาไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจยังไงไม่รู้ ไม่อยากให้ใครมายิ้มให้แพรวา “เชิญนั่งดีกว่าครับ” ผมพูดดักขึ้นก่อนจะนั่งลงที่เดิมของตัวเองแล้วนายพีรพัฒน์ก็นั่งตรงข้ามกับผมก่อนจะหันไปสั่งกาแฟกับพนักงาน “นี่เอกสารค่ะ” แล้วแพรวาก็หยิบเอกสารสัญญาออกมาให้นายพีรพัฒน์ดูรายละเอียดต่างๆ แต่ประเด็นคือกูให้มึงดูสัญญาไม่ได้ให้ดูเลขากู “ขอบคุณครับ” นายพีรพัฒน์รับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะลงมืออ่านรายละเอียดสัญญา “เป็นยังไงครับ มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงไหม” ผมถามกลับไป เพราะสัญญาที่ทำมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องมาก่อนผมก็จะดูความเป็นไปได้อีกที “ครับ ตามที่ผมต้องการไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมอยากขอเพิ่มสัญญาครับ” แล้วนายพีรพัฒน์ก็พูดออกมาพร้อมกับหันไปมองหน้าแพรวา “ยังไงครับ” ผมถามกลับไปอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง “ผมขอเพิ่มสัญญาเป็นสามปีครับ” แล้วนายพีรพัฒน์ก็บอกความต้องการของตัวเองออกมาจากหนึ่งปีเป็นสามปี ซึ่งแน่นอนว่าปกติมันเป็นเรื่องดีสำหรับผม เพราะห้องที่นายพีรพัฒน์เลือกส่วนใหญ่เป็นห้องSuiteที่เป็นห้องนอนใหญ่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ และก็มีหลายครั้งที่เลือกแบบBedroomที่เป็นแยกห้องนอนห้องนั่งเล่น เพราะแขกของนายพีรพัฒน์ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกมีเงินพวกนักธุรกิจอีกทีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมผมรู้สึกว่าผมไม่ดีใจวะ ทำไมรู้สึกว่าที่มันเพิ่มสัญญาจะเป็นเพราะแม่เลขาตัวน้อยของผม แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องหากำไรให้กับบริษัทตัวเอง อีกทั้งยังแสดงออกมากไม่ได้ก็ทำได้เพียงอย่างเดียว “ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะแก้ไขสัญญาและส่งไปให้ทางเลขาคุณอีกที” ผมบอกมันไป “ไม่เป็นไรครับ ถ้าสัญญาเสร็จคุณแจ้งผมได้เลย ผมจะเข้าไปเซ็นเอง หรือจะให้เลขาคุณเอามาให้ผมก็ได้” ชัดเลยครับ ไอ้นี่มันต้องคิดอะไรกับแพรวาแน่นอนเลย เพราะสายตาที่มันมองแพรวามันไม่ได้มองแค่การคุยงานอย่างเดียว “ครับ เอาแบบนั้นก็ได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ววันนี้ผมขอตัว” ผมบอกก่อนจะหยิบเอกสารอันเก่าในมือมันกลับมาให้แพรวาเก็บด้วยมือของผมเองก่อนจะบอกลา แต่... “ผมขอนามบัตรของคุณหน่อยได้ไหมครับ” แล้วมันก็หันไปพูดกับแพรวา ซึ่งแม่เลขาของผมก็ไม่รู้จักปฏิเสธใครเลยจริงๆ “ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” แพรวาตอบพร้อมกับก้มหยิบนามบัตรตัวเองในกระเป๋ามาส่งให้ไอ้พีรพัฒน์ เออไอ้นี่แหละ “ผมขอตัว” ผมบอกก่อนวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วจูงมือแพรวาเดินออกจากร้านกาแฟทันที “เดินช้าๆก็ได้ค่ะคุณติณ รีบไปไหนเนี่ย” แพรวาบ่นออกมาระหว่างที่เดินตามแรงจูงของผมมาที่รถก่อนจะเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปแล้วขึ้นมานั่งที่ตัวเอง “ให้นามบัตรมันทำไม” ผมถามไปทันทีที่ขึ้นรถมาได้ “อ้าวก็เค้าขอนี่คะ อีกอย่างสัญญาก็ยังไม่ได้เซ็นด้วย” แพรวาตอบกลับมาอย่างไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำผิด “แต่เธอไม่ควรให้มัน ทีหลังถ้าใครขอก็เอานามบัตรฉันให้แทน แล้วถ้ามันโทรมาก็ไม่ต้องไปรับ” ผมพูดจบก็ออกรถกลับคอนโดด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวทันที ไม่รู้ทำไมเวลามีใครมาคุยกับเธอ ผมหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “ติณณภพ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD