“มิน่าล่ะ... คุณถึงคุยกับฉันแบบมีสติมากๆ คุณเรียนจบจิตวิทยามานี่เอง” จิรัชยาทำหน้าคลายความสงสัย เมื่อรู้ว่าเขาจบปริญญาตรีด้านการบริหาร และปริญญาโทด้านจิตวิทยา
“อย่าเรียกว่าเรียนจบเลย เพราะผมเรียนไม่จบ”
“อ้าว! หมายความว่ายังไงคะ คุณบอกว่าคุณเรียนปริญญาโทจิตวิทยาไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ผมบอกว่าผมเรียน แต่ผมไม่ได้บอกว่าผมเรียนจบ ฮ่าๆ ผมเรียนเกือบจบแล้วนั่นแหละ แต่ผมขี้เกียจทำวิทยานิพนธ์ ผมว่ามันไร้สาระ ทำวิทยานิพนธ์ มันเหมือนทำงานไปแลกใบปริญญา ซึ่งผมเคยมีแล้ว ผมแค่อยากได้ความรู้”
“คุณนี่แปลกดีนะ คนอื่นเค้าอยากได้ใบปริญญากัน แต่คุณไม่”
“ผมมันเป็นพวกนอกคอกน่ะ ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังอีกเยอะเลย ถ้าคุณยังให้โอกาสผมเล่าอีก”
“คุณจะให้นามบัตรผมทำไม” เคลย์ตันเห็นเธอหยิบนามบัตรในกระเป๋าออกมาก็ถามอย่างสงสัย
“ฉันจะให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวฉันต่างหาก” จิรัชยาพูดจบก็หยิบปากกามาเขียนลงด้านหลังนามบัตรและส่งให้เขา
“ฉันคิดว่าฉันลองเสี่ยงดูดีกว่า ฉันคงจะเสียใจมาก ที่เห็นคุณเดินไปเดินมาในโรงแรมอีกหนึ่งอาทิตย์ แต่ต้องทำเป็นไม่สนใจคุณ”
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้รู้จักคุณมากขึ้น” เคลย์ตันดีใจที่เธอตัดสินใจบอกเขา ดีใจที่เธอไม่ปล่อยให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าได้โอกาสนั้นจากเธอมาแล้ว
“เราให้โอกาสกันและกันมากกว่าค่ะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ ฉันมีความสุขมาก” เธอยิ้มให้เขา เธอรู้สึกแบบนั้นและเธอก็คิดว่าไม่เสียหายอะไรที่จะบอกให้เขารู้
“ขอบคุณเช่นกันครับ ผมประทับใจคู่เดทของผมมาก”
“คุณเข้าไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยปั่นจักรยานตามเข้าไป” จิรัชยาบอก หลังจากยืนคุยกับเขาที่จุดนัดพบเมื่อเย็นมาสักพักแล้ว
“คุณเข้าไปก่อนเลยครับ ผมจะได้แน่ใจว่าคุณปลอดภัยแล้ว”
“งั้นฉันไปก่อนนะคะ” แม้จะเอ่ยคำบอกลา แต่เธอยังไม่อยากไปเลยสักนิด
“เจน...” เคลย์ตันดึงมือเธอมาจับเบาๆ
“ต่อไปนี้คุณเรียกผมว่าเคลย์ได้ไหม”
“เหมือนที่คุณอยากเรียกฉันว่าเจนใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
“ได้ค่ะ... ฝันดีนะคะเคลย์” เธอดึงมือกลับ และโบกมือให้เขา ก่อนจะปั่นจักรยานกลับเข้าไปในโรงแรม เคลย์ตันยืนมองจนเธอลับสายตา แต่เขาก็ยังหยุดยิ้มไม่ได้เลยสักนิด จนกระทั่ง...
“ครับพ่อ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขจางหายไป เขาเดินวนไปวนมาบนฟุตบาทเพื่อกลายความกังวล
“แกไม่มีอะไรมารายงานฉันเลยนะ งานที่ฉันสั่งให้ไปทำ ได้เรื่องถึงไหนแล้ว”
“ไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไหร่ครับ”
“แล้วไอ้ไม่เท่าไหร่น่ะ มันมีเรื่องอะไรบ้าง”
“มีผู้ชายคนนึง เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ดำน้ำ กำลังตามจีบเธออยู่ ผมคิดว่าถ้าเธอตกลงปลงใจ โรงแรมของเธอคงมั่นคงขึ้นเยอะ”
“แล้วแกคิดว่าจะยังไงต่อ จะปล่อยให้เธอกับไอ้ผู้ชายนั่นได้โรงแรมนี้ไป หรือแกอยากพิสูจน์ตัวเอง”
“ผมกำลังหาทางทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นครับ พ่อไม่ต้องห่วง”
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็แล้วกัน” ผู้เป็นพ่อตัดสายไป เหลือเพียงเสียงถอนหายใจของเคลย์ตันที่ดังออกมา การที่เขารู้สึกดีกับจิรัชยา มันกำลังจะทำให้ข้อตกลงระหว่างเขากับพ่อยุ่งยากขึ้นใช่ไหม...
“ผมตาฝาดหรือเปล่า ที่เห็นคุณยืนคุยกับพี่สาวผมเมื่อกี้” จิรกิตติ์เดินเข้ามาถามเคลย์ตัน ที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่เดิม เขายังไม่ได้เดินไปไหน เพราะหากกลับเข้าไปเร็วเกินไป จะมีคนสงสัย
“คุยกับผมเหรอครับ” เคลย์ตันมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“พี่สาวผมไม่ชอบพวกฝรั่งตะวันตกแบบคุณหรอกนะ และอีกอย่าง พี่สาวผมก็มีคนคุยด้วยแล้ว”
“แล้วคุณบอกผมทำไมครับ” เคลย์ตันยังคงทำหน้างง เหมือนไม่รู้เรื่องที่จิรกิตติ์พูด แต่จริงๆ เขาก็กำลังกวนประสาทน้องชายเธออยู่
“คุณคุยอะไรกับพี่สาวผม”
“ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากมีเรื่องกับคุณอีก และผมจะไม่ตอบคำถามอะไรคุณทั้งสิ้น เพราะมันเป็นสิทธิ์ของผม ขอตัวนะครับ” เขาเดินหนีจิรกิตติ์ไปอย่างไม่สนใจใยดีอะไรนัก ก็แค่น้องชายที่กำลังหวงพี่สาว ซึ่งกำลังจะกลายเป็นแฟนเขาในไม่ช้า
“พี่วุฒิ... พี่นอนหรือยังครับ” จิรกิตติ์ต่อสายถึงวุฒิชัยอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินไม่ผิดแน่ ว่าเคลย์ตันพูดถึงเรื่องโรงแรม พูดถึงวุฒิชัย และจิรัชยา
“ยังเลยเจมส์ พี่อยู่ที่ร้าน มีอะไรหรือเปล่า”
“เดี๋ยวผมไปหานะครับ” จิรกิตติ์ได้ยินเสียงเพลงดังแทรกเข้ามา ก็รู้ว่าร้านที่ปลายสายหมายถึง คือร้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่วุฒิชัยเป็นหุ้นส่วนอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าเจมส์ ทะเลาะกับเจนมาอีกแล้วเหรอ” วุฒิชัยถามด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของจิรกิตติ์เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ผมว่าไอ้ฝรั่งคนนั้นมันไม่ได้มาที่นี่เพื่อพักผ่อน”
“อะไรทำให้เจมส์คิดแบบนั้น” วุฒิชัยถามต่อด้วยความอยากรู้ทันที น้องชายจิรัชยาคนนี้ ถึงจะมีนิสัยเกเร อารมณ์ร้อนในบางครั้ง แต่แท้จริงแล้ว จิรกิตติ์ไม่ใช่คนประเภทที่ตัดสินทุกอย่างด้วยอารมณ์เพียงอย่างเดียว เขาเป็นคนมีการศึกษา ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี เขาไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นที่คอยจ้องแต่จะหาเรื่องคนอื่นอย่างเดียว
“พี่รู้ใช่ไหมว่าตั้งแต่แม่ผมเสีย มีคนมาขอซื้อโรงแรมไปบริหารต่อหลายคน แต่พี่เจนไม่ขาย เพราะไม่อยากทิ้งความฝันของแม่”
“ใช่... แล้วมันเกี่ยวกับไอ้ฝรั่งนั่นยังไง” วุฒิชัยรู้เรื่องนี้ดี มีคนมาขอให้เขาช่วยติดต่อเรื่องซื้อโรงแรมของจิรัชยามากมาย แม้แต่ครอบครัวเขาเองก็เคยเอ่ยปาก อยากได้โรงแรมนี้มาครอบครอง
“ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ มันรู้ว่าพี่กำลังจีบพี่เจน มันบอกว่า ถ้าพี่เจนคบกับพี่ โรงแรมจะมั่นคงขึ้น”
“เจมส์ได้ยินมันคุยโทรศัพท์ที่ไหน”
“ก็แถวๆ หน้าโรงแรมนั่นแหละพี่ พี่ว่าผมคิดมากไปหรือเปล่า”
“พี่ไม่แน่ใจ... แต่ลูกค้าธรรมดาๆ ที่ไหนจะพูดเรื่องความมั่นคงของโรงแรมกันล่ะ” วุฒิชัยพูดจาสองแง่สองง่าม เขาอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ถ้าสิ่งที่จิรกิตติ์ได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริง ไอ้ฝรั่งที่เขาไม่ถูกชะตา คงจะมาดูความเป็นไปได้ของการลงทุน และคงจะใช้จิรัชยาเป็นเครื่องมือ
“ผมไม่อยากให้พี่เจนถูกไอ้นั่นหลอก พี่ช่วยผมหน่อยสิ ทำอะไรก็ได้ ทำให้มันเลิกยุ่งกับพี่เจนสักที”
“เจมส์เห็นมันอยู่กับเจนเหรอ” เขาถามด้วยความกังวล แต่ที่จริงมันเป็นความหึงหวงซะมากกว่า
“ถ้าผมไม่ได้ตาฝาด... ก่อนที่ผมจะได้ยินมันคุยโทรศัพท์ มันยืนคุยกับพี่เจน”
“ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้กับพี่ พี่จะช่วยดูแลเรื่องนี้นะเจมส์ เจมส์รู้ใช่ไหมว่าพี่รักพี่สาวเจมส์มากแค่ไหน พี่จะไม่ทำให้เจนลำบากแน่ๆ”
“ขอบคุณพี่วุฒิเหมือนกันนะครับ ส่วนเรื่องไอ้ฝรั่งนั่น ผมจะคอยจับตาดูให้อีกแรง” จิรกิตติ์ไม่อยากให้พี่สาวเป็นแฟนกับใครนอกจากวุฒิชัย เขาทั้งเป็นคนดี มีฐานะ และรักพี่สาวของเธอจริง