เคลย์ตันเดินผ่านพนักงานเมื่อครู่ เหมือนว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไร และเดินอ้อมไปอีกฝั่ง เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย จะว่าไปเขาก็จำทางเดินของรีสอร์ทได้แม่นยำ จนพอจะรู้ทางหนีทีไล่ได้แล้วล่ะ
“เจน!”
“คุณเรียกฉันว่าเจนเหรอคะ” จิรัชยาหยุดเดินและหันมาถามเขาอย่างสงสัย
“ใช่ครับ ก็ชื่อคุณไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ” เธอไม่ถามอะไรต่อ ตอนที่พูดคุยกับเขา เธอคงเผลอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นล่ะมั้ง
“ทำไมมองหน้าผมแบบนั้นล่ะ” เคลย์ตันเห็นสายตาของเธอนิ่งผิดปกติ ก่อนหน้านี้เขายังพอจะเดาออกว่าเธอมีความรู้สึกอย่างไรที่ได้เจอเขา
“คุณมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผม... ผมมาชวนคุณไปกินข้าว คุณติดหนี้ผมหนึ่งมื้อ” เขาได้ยินคำถามก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ปกติเธอไม่เคยมีท่าทางไม่ต้อนรับเขาเลยสักครั้ง
“ได้ค่ะ แต่... เราออกไปทานที่ร้านอาหารข้างนอกได้ไหมคะ คือ... เจนไม่อยากให้พนักงานเข้าใจผิด...”
“เข้าใจผิดเรื่องอะไรครับ”
“เข้าใจผิดว่า... ว่าเจนดูแลและให้ความสำคัญกับคุณเคลย์ตันมากกว่าแขกคนอื่นๆ น่ะค่ะ”
“อ๋อ... ไม่มีปัญหาครับ ผมยังไงก็ได้ เอาตามที่คุณเจนสะดวกเลยครับ”
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยครับ คุณจะให้ผมไปเจอที่ร้านไหน จะให้ผมล่วงหน้าไปก่อน แล้วคุณค่อยตามไปเจอผมที่ร้านก็ได้นะ”
“เจนไม่ให้คุณลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ... อีกสิบห้านาที คุณไปรอเจนที่หน้าโรงแรมได้ไหมคะ เดินออกไปทางซ้ายมือ จะมีป้อมตำรวจเล็กๆ เดี๋ยวเจนตามไปค่ะ”
“เลี้ยวซ้าย รอตรงป้อมตำรวจ”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเจนตามไปนะคะ”
“ครับ” เคลย์ตันตบปากรับคำอย่างว่าง่าย เขาเข้าใจที่เธอพูดทุกอย่างนั่นแหละ เธอคงไม่อยากให้ใครจับตาดูความสัมพันธ์ของเขากับเธอ โดยเฉพาะพนักงาน ที่คอยจับผิดเธออยู่ แต่จะว่าไป สิ่งที่เธอทำ ก็ทำให้เขายิ่งแน่ใจว่าเธอไม่ได้คิดกับเขาแค่ลูกค้าแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือเลี่ยงไม่ให้คนอื่นเห็น
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!” จิรัชยาเดินแยกจากเคลย์ตันอย่างรวดเร็ว และเมื่อเดินมาถึงห้อง เธอก็กรีดร้องใส่หมอนจนเสียงดังอู้อี้ บอกตามตรงว่าเธอไม่คิดเลยว่าเคลย์ตันจะจริงจังกับการทานอาหารกับเธอมากเพียงนี้ ตอนบ่ายขณะที่เธอนั่งทำงาน เธอยังแอบคิดว่าเดี๋ยวเขาก็ลืม เขาก็แค่พูดเล่นๆ แต่นี่เขาถึงขั้นเดินตามมาทวงสัญญา และที่เธอต้องทำหน้านิ่ง ก็เพราะว่าพยายามทำให้ตัวยิ้มให้เขาน้อยที่สุด เรื่องนี้เธอก็คิดมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วเหมือนกัน เธอต้องไม่แสดงออกมากเกินไปว่าสนใจเจ้าของรอยยิ้มที่ทำให้เธอใจเต้นแรงทุกครั้ง ว่าแล้วเธอก็วิ่งไปโต๊ะเครื่องแป้ง จัดแจงทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง เติมลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ เพื่อให้เขาเห็นว่าปากของเธอนั้นสวยธรรมชาติ ไม่ได้เติมแต่งอะไรเลย (จริงๆ นะ)
“ไหวเปล่าวะเจน... ฮ่าๆ” เธอหัวเราะตัวเองในกระจก จะว่าไปตั้งแต่เธอมีความรักครั้งแรกเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเลิกรากันไปหลายปี เธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจแบบนี้มานานแล้ว
“ว้าว!” เคลย์ตันถึงกับเก็บความประทับใจไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นจิรัชยามาตรงตามเวลานัดหมาย
“เจนเติมลมมาแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง” เธอบอกให้เขาคลายกังวล เพราะสายตาที่เขามองจักรยานที่เธอปั่นมานั้นดูตกใจ
“ผมไม่ได้กลัว ฮ่าๆ ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะปั่นจักรยานมารับผม”
“จริงๆ เจนก็ว่าจะเดินมาค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคุณอยากทานอะไร เลยปั่นจักรยานมาดีกว่า จะได้เพิ่มตัวเลือก เพราะว่าเราเดินทางได้เร็วขึ้น”
“งั้นผมเลือกร้านที่ไกลออกไปหน่อยแล้วกัน ไหนๆ ก็มีจักรยานแล้ว”
“ได้ค่ะ ถ้าคุณอยากทานร้านไหน บอกให้เจนจอดได้เลยนะคะ”
“ไม่ๆ ผมไม่ยอมให้คุณปั่นหรอกนะ” เขาพูดจบก็ยื่นมาไปที่แฮนด์รถจักรยาน และดันมือจิรัชยาออก สัมผัสจากเขาเพียงไม่กี่วินาที ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตไปทั่วทั้งกาย
“ลงมาสิคุณ เบาะมันเล็ก ผมนั่งทับคุณไม่ได้หรอกนะ ถ้าเป็นเบาะที่ใหญ่กว่านี้ก็ว่าไปอย่าง” เคลย์ตันหมายถึงเตียงนอนนั่นแหละ แต่เขาไม่รู้ว่าเธอจะแปลความหมายทะลึ่งๆ ของเขาออกหรือเปล่า
“ขับดีๆ นะคะ เดี๋ยวเจนจะช่วยดูรถ” จิรัชยาตั้งสติและมานั่งด้านหลัง ก่อนจะปล่อยให้เขาปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ มือของเธอวางบนหน้าตักของตัวเอง ตาก็มองซ้ายที ขวาที เพื่อช่วยตรวจดูความปลอดภัย ด้านซ้ายมีร้านอาหารมากมาย ด้านขวามีชายหาดและท้องฟ้าสีส้มอมม่วง พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เสียงคลื่นดังคลอไปพร้อมกับเสียงรถราที่ขับสวนไปมาบนท้องถนน ไม่ได้ทำให้บรรยากาศริมทะเลน่าเบื่อน้อยลงไปเลยสักนิด
“ผมชอบตอนนี้นะ” อยู่ๆ เคลย์ตันก็พูดออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เขายื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือจิรัชยาที่วางไว้บนหน้าตัก ให้มาจับที่เอวของเขา ก่อนจะสลับมืออีกข้างและจับมือเธอมาวางไว้อีกเช่นกัน จิรัชยามือเย็นจนเขารู้สึกได้ เขาไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร แต่เขาจะทำให้มันอุ่นด้วยการจับมือเธอไว้ แม้จะต้องใช้มือแค่ข้างเดียวในการบังคับทิศทางของรถจักรยานก็ตาม
“ขับสองมือปลอดภัยกว่านะคะ” เธอดึงมือที่อยู่ใต้มือเขา มาจับเสื้อของเขาไว้หลวมๆ แทน และไม่มีคำพูดใดๆ เกินขึ้นอีกระหว่างทาง นอกจากความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งคู่รับรู้ว่าต่างคนก็ต่างรู้สึกไม่ต่างกัน
“ผมเลือกร้านนี้ดีกว่า” ปั่นจักรยานต่อมาอีกไม่นาน เคลย์ตันก็จอดรถและชี้ไปที่ร้านอาหารที่ผู้คนไม่เยอะมากนัก หน้าร้านมีป้ายโฆษณาอาหารมากมาย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จิรัชยาเดินตามเขาไป โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ หรือแม้ว่าจะไม่อยากกินร้านนี้ เธอก็จะไม่พูดออกมาให้เสียบรรยากาศ ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็เห็นด้วยทุกอย่างนั่นแหละ
“ตอนผมมาที่วันแรก ผมมากินร้านนี้ รสชาติโอเคเลยนะครับ อีกอย่างผมเห็นว่ามีอาหารไทยด้วย หรืออยากคุณเปลี่ยนบรรยากาศมากินพิซซ่าบ้างไหมครับเจน”
“ได้ค่ะ มื้อนี้ฉันเป็นเจ้ามือ เจนทานได้ทุกอย่างค่ะ คุณสั่งเลย”
“งั้นผมสั่งพิซซ่ากับสลัด แล้วเราทานด้วยกันดีไหม”
“ดีค่ะ”
“คุณนี่ตามใจผมไปหมดซะทุกอย่างเลยนะ ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ อยากเห็นว่าตอนคุณดื้อจะเป็นยังไง” เคลย์ตันส่งยิ้มให้เธอ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคำพูดของเขาไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่อยากเป็นแค่ลูกค้าที่เข้าพักโรงแรมของเธอเท่านั้น ส่วนจิรัชยาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่เขาสั่งอาหารจนเสร็จ
“ฉันขอถามอะไรคุณตรงๆ ได้ไหมคะคุณเคลย์ตัน”
“ได้ครับ” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่มีแววตาของความกลัวในสิ่งที่เธอจะถามเลยสักนิด
“จริงๆ คำถามของฉันก็ไม่เชิงเป็นคำถาม เหมือนเป็นการเปิดใจกันซะมากกว่า อาจจะยาวหน่อย แต่ฉันอยากให้คุณตั้งใจฟังและคิดให้ดี ก่อนที่จะตอบคำถามได้ไหมคะ”
“ได้ครับ ถ้าคุณบอกนี่คือการเปิดใจ คุณก็จะได้คำตอบที่ตรงไปตรงมาจากผมเช่นกัน”
“ขอบคุณค่ะ... ถ้าอย่างนั้น ฉันขอพูดเลยนะคะ”
“...ฉันเข้าใจว่าวัฒนธรรมของเราต่างกันค่อนข้างมาก การที่คุณพูดหรือทำอะไรออกมา มันทำให้ฉันค่อนข้างคิดไปไกลว่าคุณรู้สึกกับฉัน เกินกว่าแค่คนรู้จักในฐานะลูกค้า วัฒนธรรมไทย... ปกติถ้าผู้ชาย ไม่ได้รู้สึกชอบผู้หญิง เค้าก็จะไม่พูดจา หรือมองผู้หญิง แบบที่คุณทำกับฉัน คำถามแรกของฉันคือ ที่คุณทำแบบนั้น คุณตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจคะ”
“แน่นอนว่าผมตั้งใจครับ ผมตั้งใจมองตาคุณ ตั้งใจพูดให้คุณคิดว่าผมชอบคุณ ตั้งใจจับมือคุณ ผมพยายามทำให้คุณรู้ว่าผมรู้สึกดีๆ กับคุณ แบบที่ผู้ชายคนหนึ่ง รู้สึกพึงพอใจผู้หญิงคนหนึ่ง สรุปว่าผมชอบคุณครับคุณเจน ชอบมากหรือเปล่า ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมชอบ ชอบที่ได้เจอคุณ ชอบที่ได้คุยกับคุณ ความรู้สึกนี้น่าจะเกิดขึ้นตอนที่เราไปเที่ยวเกาะด้วยกัน คุณเชื่อไหม ผมไม่เคยนั่งฟังผู้หญิงที่ไหนพูดได้นานเท่าฟังคุณพูดมาก่อน”
“เราไปเที่ยวด้วยกันเมื่อวานเองนะคะ คุณชอบฉันแล้วเหรอ”
“ใช่ คุณไม่รู้สึกเหมือนผมเหรอ ผมว่าคุณก็รู้สึกนะ ตอนนี้มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่ฉาบฉวยไปหน่อย แต่ความรักมันก็เริ่มต้นจากความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แบบที่เราถูกใจใครสักคน แล้วเราก็อยากเจอเค้า อยากคุยกับเค้า ก่อนนอนก็คิดถึงเค้า เช้ามาก็อยากเจอเค้าเป็นคนแรก”
“เจนเห็นด้วยกับที่คุณพูดนะคะ เห็นด้วยทุกอย่าง แต่เจนคิดว่า อีกหนึ่งอาทิตย์คุณก็กลับแล้ว คุณอย่าจริงจังกับเจนเลยค่ะ”
“เดี๋ยวๆ คุณใจเย็นๆ นะเจน คุณจะไม่เปิดโอกาสให้ผมหน่อยเหรอ ผมอยู่ที่นี่ต่อได้นะ อยู่ต่ออีกหนึ่งเดือน อีกสามเดือนเลยก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณเห็นว่าผมไม่ได้อยากรู้จักคุณเล่นๆ”
“คุณจะบ้าเหรอ... คุณไม่มีงานมีการทำหรือไง”
“อยู่ที่นี่ผมก็ทำงานของผมได้...” เคลย์ตันเหมือนโดนต่อยที่หน้า เขาตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเล็กน้อย เพราะลืมไปสนิทเลยว่า เป้าหมายการมาที่นี่ของเขาคืออะไร
“โอเคค่ะ... งั้นคุณต้องฟังที่ฉันขอพูดตรงๆ อีกหนึ่งเรื่องนะคะ ถึงฉันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ฉันก็เรียนรู้ว่าว่า การที่นักท่องเที่ยว เจอกับใครสักคนที่ถูกใจ และตัดสินใจอยู่ด้วยกัน อาจจะเพราะผลประโยชน์ต่างๆ เช่น ได้หารค่าที่พัก ได้มีเพื่อนกินข้าว มีเพื่อนดำน้ำ ปีนเขา หรือเพื่อมีเซ็กส์ พอถึงเวลาก็แยกทางกันไป กลับไปใช้ชีวิตจริงของตัวเอง ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะจริงจังกับใครได้ในเวลาอันสั้น แล้วก็ลืมเรื่องราวแบบนั้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว คุณอาจจะคิดว่าฉันหัวโบราณก็ได้ แต่ฉันไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆ ของฉันที่มีกับคุณตอนนี้และในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า กลายเป็นความผูกพัน พอคุณกลับไป คุณก็ใช้ชีวิตของคุณต่อโดยที่คุณไม่ได้คิดถึงฉัน ฉันรับไม่ได้ เพราะฉันต้องคิดถึงคุณมากแน่ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ได้คิดจะจริงจังกับฉัน และรู้ตัวว่าสักวันคุณต้องไปจากที่นี่ ฉันขอให้คุณหยุดการกระทำที่ทำให้ฉันรู้สึกดีได้ไหม ฉันไม่อยากรู้สึกดีกับคุณไปมากกว่านี้ ฉันไม่อยากเสียใจ”
“คุณกลัวว่าคุณจะรักผมเหรอ” เคลย์ตันถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่ต่างกัน
“ใช่ค่ะ ฉันรู้ตัวฉันดี แค่ฉันเจอคุณไม่กี่วัน คุณก็ทำให้ฉันชอบแล้ว ถ้าเรารู้จักกันมากกว่านี้ ฉันคงต้องรักคุณเข้าสักวัน”
“ผมขอสรุปก่อนที่เราจะกินพิซซ่าถาดนี้นะ” เขาพูดต่อเมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินออกไป
“สถานการณ์ตอนนี้คือผมชอบคุณ คุณชอบผม คุณกลัวว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ที่ผมพักอยู่ที่โรงแรมของคุณ คุณจะชอบผมมากกว่าเดิม แล้วพอผมกลับไป คุณรู้ว่าคุณจะคิดถึงผม แล้วคุณก็จะเสียใจที่ผมหายไปจากชีวิตคุณ”
“ใช่ค่ะ”
“โอเค... ถ้างั้นผมขอพูดตรงๆ บ้างนะครับ ผม...”
“เดี๋ยวค่ะ” จิรัชยายังไม่พร้อมที่จะได้ยิน เธอยกมือห้ามให้เขาหยุดพูด แล้วดื่มน้ำจนหมดแก้ว
“ผมประทับกับความจริงจังในมุมมองความรักและความคิดของคุณมาก คุณคิดถึงอนาคต และที่สำคัญ คุณรู้จักตัวของคุณดี ผมไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนไหนที่มีความคิดแบบนี้มาก่อน แต่สำหรับผม ผมจะคิดถึงปัจจุบันก่อนเสมอ ผมจะคิดว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง และผมควรทำอะไร ถ้าปัจจุบันมันดี ผมจึงค่อยคิดถึงอนาคต พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อวานผมแน่ใจแล้วว่าผมชอบคุณ ผมจึงตัดสินใจว่าวันนี้ผมต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับคุณ ได้คุยกับคุณอีก และอีกสามวัน หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี ถ้าผมยังรู้สึกชอบคุณอยู่ ผมยืนยันได้เลยว่าต่อให้ผมต้องไปดาวอังคาร ผมก็จะกลับมาหาคุณอยู่ดี ผมไม่เคยกลัวอนาคต ผมกลัวว่าผมจะพลาดโอกาสที่ผมมีในปัจจุบันมากกว่า เพราะฉะนั้นผมหยุดการกระทำและความรู้สึกที่คุณขอไม่ได้ ถ้าอนาคตเราจะไม่ได้เจอกันอีก ถ้าสิ่งที่คุณกลัวมันจะเกิดขึ้นจริง ผมก็จะไม่เสียดายเวลาที่ผมเคยมีความสุขกับคุณเลย ผมพร้อมเสี่ยงทุกอย่าง คุณล่ะพร้อมหรือเปล่า”
“ฉัน...” จิรัชยาอึ้งในสิ่งที่เขาพูดอย่างมาก เขามีน้ำเสียงจริงจัง สายตาของเขาก็ไม่วอกแวกมองไปทางอื่น เขามองแต่เธอเท่านั้น
“ผมรู้ว่าคุณกลัวที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับผม แต่คุณลองเชื่อความรู้สึกตัวเองดูสิ คุณไม่ได้กลัวผมหรอก คุณกลัวความเสียใจที่คุณคิดว่าผมจะทำมากกว่า คุณตัดสินผม ทั้งๆ ที่คุณยังไม่ได้ให้โอกาสผมเลยนะ”
“ฉัน...” เธอไม่รู้จะพูดอะไรเลยต่อเลยจริงๆ สิ่งที่เคลย์ตันพูด เขาพูดเหมือนอ่านความคิดเธอออก
“ถ้าคุณไม่ให้โอกาสผม คุณอาจจะพลาดโอกาสแบบนี้ไปอีกนานเลยนะ”
“พูดเหมือนฉันไม่มีคนมาจีบงั้นแหละ คุณน่ะไม่รู้อะไรซะแล้ว”
“ผมอาจจะไม่รู้อะไรอีกหลายเรื่อง แต่ที่ผมรู้คือ ถ้าคุณจะเปิดโอกาสให้ผู้ชายสักคนจริงๆ โอกาสนั้นคงเป็นของผู้ชายที่มาหาคุณที่โรงแรมทุกวันมากกว่า”
“คุณรู้เหรอ...”
“ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ เล่นหวงคุณออกนอกหน้าขนานนั้น แต่ผมไม่สนใจหรอกนะว่าเค้าจีบคุณก่อน แล้วผมต้องหลีกทางให้ ผมสนใจแค่ว่าคุณไม่ได้ชอบเค้า คุณชอบผม”
จิรัชยาหยิบพิซซ่าขึ้นมากิน ตอนแรกเธอคิดว่าการสนทนาครั้งนี้ เธอจะต้อนเขาให้จนมุม และเป็นฝ่ายคุมเกมทั้งหมด แต่ทุกอย่างกลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายคุมเกม
“...คุณไม่ต้องกังวลนะครับ คุณก็ทำตัวเหมือนเดิม ที่เหลือผมจัดการเอง” เคลย์ตันหยิบพิซซ่าขึ้นมากินและบอกให้เธอสบายใจ
“ฉันตายแน่” เธอถอนหายใจและมองหน้าเขา เขาคือผู้ชายที่เธอฝัน ผู้ชายที่จะเป็นผู้นำให้เธอได้ ตลอดชีวิต เธอเกิดมาพร้อมกับสถานะพี่ เธอต้องเข้มแข็งและเป็นผู้นำที่ดีให้กับน้องชาย โดยเฉพาะในสถานการณ์เลวร้ายที่เพิ่งผ่านมา
“ผมก็คิดว่าผมตายแน่ๆ ถ้าวันนี้ผมไม่ได้จูบคุณ”
“หะ?” จิรัชยามือไม้อ่อน พิซซ่าที่เธอถือไว้ตกลงบนโต๊ะ ดวงตาเธอเปิดกว้าง เขาพูดว่าเขาอยากจูบเธอใช่ไหม เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม
“ผมอยากจูบคุณ แต่ผมไม่ทำวันนี้หรอก แต่ถ้าเราตกลงกันว่านี่เป็นเดทแรก ผมก็จูบคุณได้นะ เฟิร์สคิส เฟิร์สเดท นี่... คุณเขินเหรอ คุณยิ้มอะไร” เคลย์ตันเพิ่งเห็นว่าเธอใช้สองมือปิดหน้าตัวเอง
“เลิกพูดได้แล้ว ใจฉันเต้นแรงจนจะช็อคแล้วเนี่ย” เธอเอามือลงและบอกเขาด้วยรอยยิ้มที่แทบจะฉีกไปถึงใบหู
“ฮ่าๆ... คุณนี่น่ารักเป็นบ้า”
“ฉันน่ารัก แต่ฉันไม่เป็นบ้า คุณนั่นแหละบ้า”
“โอเค... ผมบ้าก็ได้” เคลย์ตันส่งยิ้ม พร้อมกับเอื้อมมือไปปัดเศษขนมปังที่ขอบปากให้เธอ ปลายนิ้วโป้งของเขาลูบเบาๆ ผ่านพวงแก้มสีชมพูและร้อนผ่าว ก่อนจะดึงมือออกมาอย่างเสียดาย เขาอยากสัมผัสแก้มนุ่มๆ ให้นานกว่านี้ และไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการเหมือนในตอนแรก มีเพียงการพูดคุยสัพเพเหระ และรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจส่งให้กันและกัน