“น้องเจน! หายดีแล้วเหรอคะ” เช้าวันต่อมา เสียงพี่ก้อย หรือกาญจนา พนักงานต้อนรับของโรงแรมรีบทักทายจิรัชยาด้วยความเป็นห่วง
“ได้กินยากับนอนพักทั้งคืน ก็กลับมาแข็งแรงแล้วค่ะ”
“ดีแล้วค่ะ ทานข้าวหรือยังคะ พี่สั่งส้มตำมากินกับน้องๆ กินด้วยกันนะ พี่สั่งมาเผื่อน้องเจนแล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ก้อย กำลังหิวเลย เดี๋ยวเจนขอไปเคลียร์งานแล้วจะมาร่วมวงด้วยนะคะ”
“เอาแฟ้มนี้ไปด้วยเลยค่ะ แล้วกว่าจะเคลียร์เสร็จ เดี๋ยวก็หมดก่อน อดกินกันพอดี เดี๋ยวส้มตำมาถึงแล้วพี่จะไปตามที่ห้องทำงานนะคะ… เดี๋ยวพี่ไปตามนะ...” กาญจนาย้ำกับจิรัชยาอีกครั้ง ก่อนจะรีบหันไปส่งยิ้มให้ลูกค้า
“สวัสดีค่ะคุณเคลย์ตัน”
“ครับ”
“มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”
“ผมขอยกเลิกรถที่จะไปส่งที่สนามบินพรุ่งนี้ครับ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา คุณเคลย์ตันต้องการใช้บริการรถสาธารณะแทนไหมคะ ทางโรงแรมจะติดต่อให้ค่ะ”
“ไม่ครับ แค่ยกเลิกเรื่องรถ และเช็คให้ผมหน่อย ว่าผมจะพักที่นี่ต่ออีกสักหนึ่งอาทิตย์ได้หรือเปล่า” เคลย์ตันพูดจบก็หันไปส่งยิ้มให้จิรัชยาที่ทำเป็นยืนอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจ
“สักครู่นะคะ” กาญจนาเห็นสายตาที่เขามองเจ้านายก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่คล้ายๆ กับสิ่งที่เรียกกว่าความรัก... เธอไม่เวอร์ไปนะ
“นี่คุณ! จะทำเป็นไม่เห็นผมอีกนานไหม” เคลย์ตันเดินไปถามเธอใกล้ๆ
“รู้ทันอีก...” เธอปิดแฟ้มและส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง
“ผมจะอยู่ต่ออีกสักอาทิตย์ มีส่วนลดอะไรให้ผมพิเศษหรือเปล่า... อย่าเพิ่งตอบคำถามนี้ ผมมีอีกหนึ่งคำถาม... คุณหายดีแล้วใช่ไหม”
“หายดีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับเมื่อวาน”
“ยินดีครับ... แต่ถ้าจะให้ดี กินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ผมยังไม่ได้ใช้สิทธิ์กินข้าวฟรีเลยนะ”
“ฉันให้คุณทานมื้อเย็นนะคะ ไม่ใช่มื้อเที่ยง”
“จะเที่ยง จะเย็นก็เหมือนกันนั่นแหละ หรือว่ามื้อเย็น คุณเพิ่มราคาเข้าไปอีก”
“เปล่าค่ะ! โรงแรมเราไม่มีนโยบายเอาเปรียบลูกค้าแบบนั้นนะคะ”
“งั้นก็มากินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนผม มีคุณกินด้วย ผมจะได้รู้สึกว่าไม่ได้เปรียบคุณจนเกินไป”
“มันไม่เหมาะสมค่ะ คุณเป็นลูกค้า...”
“ใช่ ผมเป็นลูกค้า แล้วก็เป็นลูกค้าที่กำลังจะจ่ายเงินให้กับโรงแรมคุณอีก... กี่บาทครับ” เขาหันไปถามกาญจนา ที่ยืนรอคุยกับเขามาสักพักแล้ว
“ห้องพักเจ็ดคืน รวมอาหารเช้า ทั้งหมด หนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยบาทค่ะ”
“เห็นไหม... ผมคิดว่าผมเป็นลูกค้ารายใหญ่พอสมควรนะ” เคลย์ตันยื่นบัตรเครดิตให้กาญจนา และหันมาทำหน้ากวนประสาทจิรัชยา
“เดี๋ยวๆ... เดี๋ยวครับ” เขาหันไปยกมือห้ามกาญจนาที่กำลังจะรูดบัตรเครดิต
“ผู้จัดการโรงแรมไม่มีส่วนลดสัก 20% อะไรแบบนี้หน่อยเหรอครับ”
“10% พร้อมทานข้าวเที่ยง โอเคไหมคะ”
“โอเคมากครับ” เคลย์ตันพยักหน้าอย่างพอใจ
“ติดใจทะเลที่เมืองไทยเหรอคะ” กาญจนาถามพร้อมกับยื่นสลิปให้เขาเซ็น
“ครับ... สวย... แล้วก็น่าค้นหามากๆ” เขาตอบคำถาม แต่ไม่ได้มองหน้าคนถาม คนที่เขามองหน้ากลับเป็นจิรัชยาที่กำลังพยายามยิ้มให้เป็นปกติที่สุด เธอไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลยว่าเขาสื่อความหมายบางอย่างถึงเธอ แต่สายตาที่มองมาก็ทำให้เธอหยุดคิดแบบนั้นไม่ได้
“ถ้าอยากค้นหา... สนใจเรียนดำน้ำลึกไหมคะ” จิรัชยาแก้เขินด้วยการหยิบโฆษณาเรียนดำน้ำส่งให้เขาพิจารณา
“ผมจะเก็บไว้พิจารณาครับ”
“เอ่อ... ฉันขอเลื่อนนัดทานข้าวเป็นวันหลังได้ไหมคะ” เธอเห็นรถที่เข้ามาจอด ก็จำได้ว่าเป็นของวุฒิชัย และน้องชายตัวดีของเธอก็นั่งมากับเขาด้วย
“ออกไปด้วยกันตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” กาญจนาแอบกระซิบบอกจิรัชยา
“ถ้าคุณสะดวกตอนไหนก็บอกผมแล้วกันนะครับ จำได้ใช่ไหมครับว่าผมพักอยู่ห้องไหน”
“ค่ะ เจนขอโทษจริงๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” เคลย์ตันพูดจบก็เดินเลี่ยงออกไปสูบบุหรี่ไม่ไกลจากล็อบบี้นัก เขาเดินสวนกับวุฒิชัยและจิรกิตติ์ และแน่นอนว่าสองคนนั้น ไม่มีความเป็นมิตรกับเขาเลยสักนิด
“เจน พี่ซื้อของโปรดเจนมาเต็มเลย กินข้าวด้วยกัน เมื่อวานเหนื่อยมามาก จะได้มีแรงทำงาน” วุฒิชัยยกถุงอาหารมากมายให้จิรัชยาดู
“เจมส์ซื้อชาเขียวมาฝากด้วย ไปกินเร็วพี่เจน” จิรกิตติ์ดันตัวพี่สาวให้เดินไปที่ห้องอาหาร เขาจัดแจงเดินไปหยิบจานอาหารในห้องครัวด้วยตัวเอง เพราะต้องการให้วุฒิชัยได้อยู่กับพี่สาวตามลำพัง
“เจนหายดีแล้วแน่นะ” เขารีบแสดงความห่วงใยเธออย่างรวดเร็ว
“หายแล้วค่ะ”
“แล้ววันนี้ทำงานเหนื่อยไหม”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เจนเพิ่งออกมาจากห้อง”
“อ่อ... พี่ก็คิดว่าออกมานานแล้ว เห็นยืนคุยกับลูกค้าท่าทางสนุก”
“วันนี้เจมส์ไปกวนอะไรพี่วุฒิหรือเปล่าคะ” จิรัชยารู้ว่าเขาพูดหยั่งเชิง จึงเปลี่ยนเรื่อง
“เจมส์ไม่ได้กวนเลย เดี๋ยวนี้ไปหาพี่แต่เช้าทุกวันเลยนะ บอกว่าอยากศึกษาธุรกิจบริษัททัวร์ สงสัยอีกไม่นาน พี่คงมีคู่แข่งเพิ่มอีกรายแล้ว” เขาพูดขำๆ ก่อนจะมองเห็นเคลย์ตัน เดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับชายต่างชาติอีกคน จิรัชยามองตามสายตาของเขา ก็เห็นว่าผู้ชายอีกคนเป็นแขกของโรงแรมเธอเช่นกัน เธอหันไปกำชับพนักงานให้ดูแลแขกดีๆ ก่อนจะหันกลับมาหาวุฒิชัย
“เรื่องจะเปิดบริษัททัวร์ คงไม่มีโอกาสได้ทำหรอกค่ะ มันเป็นงานใหญ่เกินไปสำหรับเรา เจนไม่ได้จบบริหาร ตัวเจมส์เองก็จบวิศวะ เรื่องทะเล เรื่องทิศทางลมก็ไม่มีความรู้ แค่ทำงานโรงแรมอย่างเดียวก็เหนื่อยมากแล้วค่ะ”
“แต่เจมส์มีแววเป็นไกด์ได้ดีเลยนะ ภาษาอังกฤษก็ไม่แย่ เอนเตอร์เทนแขกก็ได้”
“เจมส์เนี่ยนะคะ เอนเตอร์เทนแขกได้ เจนคิดว่าจ้องจะต่อยหน้าเค้าอย่างเดียว”
“พี่เจนก็พูดเกินไป เจมส์ไม่ได้ทำตัวหาเรื่องคนอื่นไปทั่วนะ เจมส์อยากทำงานกับพี่วุฒิ พี่เจนอนุญาตหรือเปล่า” จิรกิตติ์ที่เพิ่งกลับมาร่วมโต๊ะ บอกกับพี่สาวอย่างขอร้อง
“งานที่โรงแรมแกไม่เห็นจะช่วยอะไรสักอย่าง อย่างนี้แกจะไปทำงานที่อื่นได้เหรอ”
“ได้สิ ถามพี่วุฒิได้ งานที่โรงแรมมันกระจุกกระจิก น่าเบื่อ แต่ถ้าเจมส์เป็นไกด์ให้พี่วุฒิ ทำงานวันเดียวก็จบ ไม่ต้องคอยแก้ปัญหาอะไร”
“ตำแหน่งไกด์ พี่จ้างเป็นสัญญาสั้นๆ ถ้าหนึ่งเดือนแรกทำงานได้ดี ไม่มีปัญหา พี่จะต่อสัญญาให้จนจบฤดูกาลท่องเที่ยว ส่วนช่วงโลซีซั่น ช่วงปิดเกาะ พี่ก็มีงานอื่นรองรับให้เจมส์ทำ เจนสบายใจได้เลย”
“เห็นไหมพี่เจน ได้เงินเดือน ได้ทิปจากลูกทัวร์ เจมส์จะได้ไม่ต้องมาทำงานแลกข้าว แลกที่พักกับพี่เจนอีก”
“พูดอย่างกับทุกวันนี้ แกอยู่ให้ฉันใช้งานตลอดงั้นแหละ” เธอตำหนิน้องชายด้วยสายตาที่บ่งบอกความไม่พอใจอย่างมาก
“...แต่ถ้าเจมส์สนใจจริงๆ พี่ก็อนุญาต”
“ขอบคุณนะพี่เจน” จิรกิตติ์จับมือพี่สาวอย่างดีใจ
“ปิดประชุม... กินข้าวกันเถอะ” วุฒิชัยเองก็ดีใจไม่น้อยไปกว่าจิรกิตติ์ เพราะนอกจะได้ช่วยเหลือน้องชายของเธอให้มีงานทำแล้ว เขาอาจจะได้รับคะแนนความชื่นชอบมากขึ้นอีกสักนิดก็ได้
ตลอดมื้ออาหาร ทั้งวุฒิชัยและเคลย์ตันก็ต่างรู้ว่าต่างคนกำลังประเมินท่าทีของอีกฝ่าย เพราะทั้งคู่เผลอสบตากันอยู่เรื่อยๆ จนเคลย์ตันเองที่เป็นฝ่ายจ้องมองเขาอยู่หลายวินาที แม้จะปากจะพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะ
“ไปล้างจานด้วยนะเจมส์” จิรัชยาสั่งน้องชาย ขณะที่เขากำลังจะยกจานไปเก็บ
“หนึ่งในคุณสมบัติของไกด์ คือมีใจบริการ ห้ามวางทิ้งไว้ให้คนอื่นล้าง”
“ครับๆ ดุจริง” จิรกิตติ์พูดจบก็ถือจานออกไปอย่างเซ็งๆ
“พี่จะช่วยดูแลเจมส์อีกแรง น้องของเจน ก็เหมือนน้องของพี่ เจมส์ไปทำงานกับพี่ จะได้เรียนรู้งานบริษัททัวร์ไปด้วย เผื่อว่าวันหนึ่ง พี่กับเจน เราจะ...”
“บริษัททัวร์เป็นธุรกิจของครอบครัวพี่วุฒิ อย่าให้คนนอกเข้าไปก้าวก่ายเลยนะคะ ลำพังแค่เจมส์ไปที่นั่นบ่อยๆ เจนก็เกรงใจครอบครัวที่วุฒิจะแย่อยู่แล้ว”
“ถ้าเจนใจอ่อนไปที่บริษัทกับพี่สักครั้ง เจนจะรู้ว่าครอบครัวพี่ ยินดีต้อนรับเจนกับเจมส์เสมอ”
“ไว้มีโอกาสเหมาะๆ เจนจะไปนะคะ” เธอยิ้มให้เขาอย่างเอาตัวรอด การถูกต้อนให้รับฟังความรู้สึกของเขานั้นทำให้เธออึดอัด
“พี่จะรอนะ...” วุฒิชัยพูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ โดยมีจิรัชยาเดินไปส่งเขาที่รถ
“เสน่ห์แรงจริงๆ เจ้านายเรา”
“มีเจ้าของบริษัททัวร์รายใหญ่ตามจีบมาเป็นปี”
“ไหนจะลูกค้าหนุ่มสุดหล่ออีก”
“จะเลือกใครดีนะ”
“นั่นสิ... ถามพี่เจนดีกว่า... พี่เจนจะเลือกใครคะ”
“เนี่ย! พอว่างจากงานก็นั่งนินทาเจน เดี๋ยวก็หักเงินเดือนซะเลย” จิรัชยาแกล้งดุลูกน้อง ทุกคนกำลังว่างงาน เพราะทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“งั้นก็หักเลยครับ ถ้าพี่เจนตอบว่าจะเลือกใคร แต่ไปหักของคนอื่นนะครับ ไม่ใช่ของผม”
“จะเลือกใครอะไรล่ะ พี่วุฒิเป็นพี่ชาย คุณเคลย์ตันเค้าเป็นแขก เจนก็พูดคุยกับแขกแบบนี้ทุกคน คิดมากเกินไปหรือเปล่า”
“ก็ได้ๆ งั้นตอบพี่ก้อยหน่อยได้ไหมคะ ว่าที่ไปเป็นไกด์พิเศษให้เค้าเมื่อวาน มีอะไรในก่อไผ่หรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะ” จิรัชยาตอบเสียงหนักแน่น แต่เพราะเสียงแซวจากทุกคน ทำให้เธอหยุดยิ้มไม่ได้
“ไม่มีก็ไม่มี งั้นถามคำถามสุดท้าย...”
“สุดท้ายแล้วนะคะ”
“เจนว่าคุณเคลย์ตันหล่อไหม”
“นี่เราอยู่ในจุดที่นั่งนินทาลูกค้า ทั้งๆ ที่เค้ากำลังเดินมาใช่ไหมคะ” เธอถอนหายใจอย่างหนัก
“ตอบเบาๆ ก็ได้ค่ะ แต่ถึงจะตอบดังยังไง เค้าก็ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรอก”
“เฮ้อ... หล่อค่ะ จบนะ!” จิรัชยาตอบคำถามเสร็จก็เดินกลับที่พัก มีเพียงเสียงดังวี๊ดว๊าดตามหลัง แต่เธอก็พยายามไม่สนใจ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงอย่างเคลย์ตัน เขาไม่ได้เพิ่งเดินมาถึงล็อบบี้หรอกนะ เขาเดินมาสักพักแล้ว แต่พอได้ยินเสียงคนอื่นเอ่ยชื่อตัวเองก็หยุดฟัง พอรู้ว่าเธอปรากฎตัวและโดนเซ้าซี้ เขาก็เลือกที่จะเดินออกมาเพื่อให้ทุกคนหยุดกวนใจเธอ แต่คำตอบสุดท้ายสุดท้ายจากปากของเธอ ก็ทำให้เขาภูมิใจในตัวเองจริงๆ เขายังนึกขอบคุณไปถึงพ่อกับแม่เขาด้วยที่ตกแต่งเขาออกมาให้หล่อเหลาจนมีคนชมเชย และที่สำคัญ ต้องขอบคุณที่พ่อของเขาย้ายมาทำงานที่ประเทศไทยตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาฟังและพูดภาษาไทยได้ แต่อ่านและเขียนไม่ค่อยคล่องก็ตาม