2 - ความฝันของเด็กคนหนึ่ง
“ว่าแต่น้องก้านไม้ชอบเล่นอะไรล่ะ พี่แนะนำให้ไหม” ผมเห็นน้องก้านไม้เด็กหน้าตาน่ารักที่สุด ตัวผอมไว้ผมทรงกะลาครอบ เส้นผมเงางามมากราวกับพ่อแม่ดูแลอย่างดี ผมเห็นแล้วถึงกับมองดูตาค้างเพราะน้องน่ารักมาก ผู้ชายหน้าหวานตั้งแต่เด็ก ผมยังคิดเลยว่าเด็กสมัยนี้ทำไมฟ้าประทานความดูดีทุกประการตั้งแต่วัยนี้แล้ว
“อันนี้พี่ขายไหมครับ”
น้องก้านไม้ชี้ไปเหนือหัวที่ผมยืนอยู่กลางร้าน ปกติด้านบนจะมีของเล่นที่ผมประดับตกแต่งไว้แต่นั่นไม่ใช่สินค้าของทางร้านที่ผมจะขาย มันเป็นของเล่นตกแต่งเป็นส่วนหนึ่งของร้านเท่านั้น ไม่ได้จะขายหรอกแต่ว่าแววตาน้องดูจริงจังอยากได้มาก ผมมองขึ้นไปพบว่าสิ่งที่ผมแขวนห้อยเป็นโมบายบนเพดานร้านคือเครื่องบินกระดาษที่ผมใช้กระดาษแข็งสีครามพับเป็นตัวเครื่องบินกระดาษ ผมเห็นแล้วบอกเลยว่ามันเป็นแค่ของตกแต่งเท่านั้น ไม่ได้ขายหรอกเพราะตัวสินค้าอยู่ในชั้นวางทั่วร้านแล้ว
“เครื่องบินกระดาษอันนั้นอะครับ”
ผมเห็นว่าน้องชอบเครื่องบินกระดาษมาก ดึงเสื้อผมให้ผมรู้สึกตัวก่อนจะชี้ไปที่ตัวเครื่องบินกระดาษที่แกว่งไปมาเบา ๆ ตามแรงลมในร้าน ผมคิดว่าน้องคงชอบและอยากได้มาก ผมว่าผมใจดีที่สุดแล้ว ก็เลยใช้บันไดเล็กปีนขึ้นไปดึงตัวของเล่นชิ้นนี้ลงมาให้น้องได้สัมผัสและลองเล่นในร้าน เล็งให้ไปในตำแหน่งที่ต้องการแม้ว่าจะไม่ไปตามแรงมือแต่ไปตามแรงลม
ปิ้ววว
“ทำไมมันไม่ลอยเหมือนครื่องบินเลยอะ”
“เอ่อน้อง... ของเล่นก็คือของเล่นมันไม่เหมือนของจริง แม้ว่าจะใกล้เคียงแต่ก็เทียบเท่าของจริงไม่ได้” ก้านไม้แอบรู้สึกผิดหวังเพราะเวลาที่ผมโยนเครื่องบินกระดาษไปตามแรงลม คาดหวังว่ามันจะบินนานกว่านี้ พอผมโยนให้มันไป มันก็ลอยข้ามชั้นวางของไปตกลงที่ประตูทางออกพอดี หัวดิ่งราวกับเครื่องตก
“อยากเห็นของจริงเหรอ”
ผมลงทุนเปิดวิดิโอเครื่องบินขึ้นลงจากหน้าจอไอแพดให้เห็นชัดเต็มตาไปเลยว่าเครื่องบินของจริงเป็นแบบไหน น้องเห็นแล้วถึงกับยิ้มแก้มปริอยากไปนั่งอยู่ในเครื่องบินจริง ๆ ผมเห็นแล้วยังยิ้มตามเลย ว่าแต่ทำไมน้องถึงชอบเครื่องบินเหมือนผมเลย แววตาความตื่นเต้นรอยยิ้มบ่งบอกว่าอนาคตถ้าน้องโตขึ้นอาจจะอยากเป็นสจ๊วดหรือได้ทำงานกับเครื่องบิน ผมลองถามน้องดูว่าน้องชอบอะไร มันเป็นไปตามความคิดของผมเลย
“จริงเหรอน้อง”
“ผมอยากโบยบินเหมือนนก เป็นอิสระบินไปตามจุดหมายที่ผมอยากไป แค่ระบุตำแหน่งปลายทางเครื่องพร้อม ผมก็บินไปได้แล้ว” ผมชอบเวลาเห็นเครื่องบินขึ้นลงอย่างสวยงาม ผมชอบมากเลยที่เวลามันได้โบยบินขึ้นไปลงตามจุดหมายอย่างปลอดภัย ถ้างั้นผมจะชอบและรักมัน อย่างน้อยมันเป็นของเล่นก็ยังดี
“พี่ดูนี่นะ”
น้องก้านไม้เปิดกระเป๋าสะพายพร้อมหยิบไม้รรทัดและปากกาที่ฝามีหูหนีบ น้องสอดไม้บรรทัดลงใต้หูหนีบปากกาแล้วขยับแขนไปมาเหมือนคลื่นก่อนจะหมุนแขนไปรอบ ๆ ให้เครื่องบินบินวนไปมา ผมเห็นแล้วบอกเลยว่าตอนผมเป็นเด็กเล่นแบบเดียวกับที่น้องเล่นเลย เครื่องบินกระดาษแบบประยุกต์ขึ้นไปอีกระดับ ผมเห็นแล้วปรบมือและเล่นกับน้องไปด้วย
“ชอบเครื่องบินขนาดนี้อยากได้สีอะไร”
ผมเห็นว่าน้องอยากได้เครื่องบินกระดาษ ผมปีนไปใกล้เพดานบอกให้น้องเลือกสีเลยว่าได้สีอะไร ผมเห็นน้องชี้ไปมาจะโกยหมดร้านเลยหรือไง แต่เอาเถอะเห็นน้องอยากได้ผมก็ให้ ผมใส่กล่องและให้น้องไม่คิดเงินสักบาทเลย เวลาน้องยิ้ม ผมก็ชอบแถมเครื่องบินให้ใส่กล่อง แจกเป็นอาหารฟรีไปได้
“ขอบคุณนะครับพี่”
“ขอให้ความฝันของน้องเป็นจริงนะครับ” ผมอยากทำให้ความฝันของเด็กคนนี้เป็นจริงมาก ไว้ถ้าผมรู้จักดีพอแล้วจะพาไปนั่งเครื่องบินไปลงจุดหมายใดจุดหมายหนึ่งบนโลกใบนี้ ผมอยากรู้มากเลยว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใครทำไมน่ารัก มารยาทดียิ้มเก่งและมีความฝันสวยงามจนใครก็อยากทำให้มันเป็นจริง อนาคตของเด็กคนนี้จะไปได้ไกลแน่นอน ผมเชื่อว่าเป็นแบบนั้น ดีหน่อยผมจะได้มีแรงพับเครื่องบินกระดาษอีกร้อยลำเพื่อตามหาความรักและความฝันเพื่อทุกคนเอง
หลังจากนั้น
“ไอ้เพลนส์ โทรศัพท์เขา เมียมึงโทรมาไม่รับเดี๋ยวงอนอีก” ม่อนเดินเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ ผมได้ยินมันดังมาพักหนึ่งแต่เจ้าของเครื่องมันไปเข้าห้องน้ำ เข้านานจนนึกว่ามันตกส้วมตายแล้ว เรียกดังจนคิดว่ามันหูหนวกไปแล้ว คนอะไรเข้าห้องน้ำนานจนนึกว่าจะนั่งถ่ายของหนักไม่ออกมาทั้งวัน ชื่อที่มันตั้งไว้สายนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นแฟนเก็บของมัน ผมรำคาญจนอยากรับให้มันแต่ผมทำไม่ได้หรอก เกิดเป็นลูกค้า ได้ยินเสียงไม่คุ้นหูวางสายหนีไปก่อน
“เมียห่าเหวอะไร เพื่อนผู้หญิงกู”
ผมเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงของผมโทรมา คาดว่าคงจะอยากจะนัดเจอกันตามเดิม ผมรับสายอยากฟังเสียงหวาน ๆ ของผู้หญิงคนนี้ก่อน ต่อให้ผมจะตั้งเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงที่ชอบ ผมก็จะรอให้ถึงท่อนที่ชอบฟังให้จบค่อยรับสายซึ่งกว่าเธอจะเข้าใจมันจะวางสายก่อนพอดี
“เพลนส์”
“ว่าไง... ไอลิน”
ไอลิน หญิงสาวผมบรอนด์จากการย้อมไม่ได้เป็นชาวต่างชาติตั้งแต่กำเนิด ผอมบางใส่เดรสสีดำลายดอกไม้ ฉันกำลังโทรหาเพื่อนรักอย่างเพลนส์ เขาเป็นเพื่อนไม่ใช่แฟน ไม่อยากไปล้ำเส้นหรอกเพราะยังไงฉันก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว อยากให้เพื่อนรักมีคนที่ชอบ ไม่อยากให้มันเฉาตายพับเครื่องบินกระดาษจนกระดาษหมดโลกก็ยังไม่มีใครสนใจ ฉันโทรมาเพราะเวลามันก็เที่ยงแล้ว ถือว่ามาฝากท้องที่ร้านของฉันก็แล้วกัน
“เที่ยงแล้วมากินข้าวที่ร้านฉันไหม”
“วิธีเรียกลูกค้าของเธอเอาแบบนี้เลยเหรอ” ผมเองก็กลายเป็นลูกค้าคนสำคัญมากที่สุดของร้านไปแล้วเหรอ เวลาห็นว่าใกล้มื้ออาหารทีไร ชอบมัดมือชกให้ผมมาเป็นลูกค้าประจำที่ร้านอาหารของไอริน เธอเปิดร้านชาบูพร้อมกับเพื่อนที่ลงทุนด้วยกัน สงสัยทุกมื้อผมจะได้กินอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่ต้องเสียเงินเหมือนลูกค้าคนอื่นแล้วก็ได้
“ได้สิ”
“ดีเลย เราจะได้มีเรื่องคุยกันสักหน่อย มันน่าจะเหมาะกับแกดี”
ผมได้ยินแล้วแอบแปลกใจว่าเรื่องที่ไอลินอย่างคุยกับผมน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ แล้วถ้าจะเหมาะกับผมก็หนีไม่พ้นเรื่องเด็ก โดยเฉพาะผมอาจจะเข้าขาดีกับเด็กประถมผู้ชายไม่น้อย แม้ผมจะชอบผู้หญิงเป็นแฟนแต่ถ้าเด็กที่ผมอยากดูแลก็ขอให้เป็นผู้ชายจะดีที่สุด
“ว่าแต่อยากคุยอะไรกับเราล่ะ...”