โรงพยาบาลบีเจซี กรุงเทพมหานคร
รถยนต์หรูสีดำสนิทจากบริษัทเช่ารถชั้นนำของไทยสามสี่คันเลี้ยวเข้ามาจอดยังบริเวณลานจอดรถวีไอพีของโรงพยาบาล โดยที่ทางโรงพยาบาลซึ่งนำโดยผู้บริหารสูงสุดและเป็นหัวหน้าองค์กรการแพทย์ประจำโรงพยาบาลออกมาต้อนรับแขกวีไอพี...
แพทย์หญิงศลินและหัวหน้าแพทย์แผนกต่างๆ รวมทั้งหัวหน้าฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลบีเจซีและโรงพยาบาลในเครือต่างมาต้อนรับเต็มที่ ชานป๋อเสียนเคยเจอศลินที่ฮ่องกงตอนที่อีกฝ่ายเดินทางไปแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่โรงพยาบาลฮ่องกงดรากอน นอกนั้นแล้วยังรู้จักศรัณย์หลานชายของศลินในฐานะทายาทรุ่นต่อไปของบีเจซีมาก่อนอยู่แล้วและศรัณย์เองเป็นคนที่ประสานงานเกี่ยวกับการทำสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ระหว่างสองโรงพยาบาล แต่พอวันนี้มาถึงแล้วกลับไม่ได้เจอศรัณย์
“พอดีว่าศรัณย์เพิ่งลงเวรดึกเลยยังไม่สะดวกมาต้อนรับ เขาฝากขอโทษด้วยน่ะค่ะ เดี๋ยวตอนสายๆ เสร็จธุระแล้วเขาจะเข้ามาประชุมพร้อมกันค่ะ” ศลินบอกคนที่กวาดสายตามองรอบๆ
“ครับ” ชานป๋อเสียนพยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาเขาจะไปสะดุดอยู่ที่ภาพโฆษณาเกี่ยวกับแผนกศัลยศาสตร์เป็นภาษาจีนปนอยู่กับภาษาอังกฤษและภาษาไทย มารดาเขาเองก็หันไปมองเหมือนกันและแน่นอนท่านก็คงสะดุดตากับใบหน้าที่คุ้นเคยซ้ำท่านยังพูดเธอถึงบ่อยๆ
“นี่คือหมอชลนที เป็นแพทย์คนใหม่ของเราค่ะ เพิ่งจบมาจากอเมริกา เป็นเพื่อนของศรัณย์ เธอพูดจีน อังกฤษ และก็ไทยได้ค่ะ ทางเรากำลังตีตลาดคนจีนในไทยแล้วกำลังจะทำข้อตกลงกับฮ่องกงดรากอน สบจังหวะดีได้หมอคนนี้มาทำงานด้วยเราเลยรีบโพรโมตเธอค่ะ วันนี้คนไข้กลุ่มเป้าหมายมาจองคิวรอเธอเป็นสิบเลย”
“เธอพูดจีนได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอจองคิวปรึกษาเธอได้ไหมคะ ฉันเองก็มีปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เธอเชี่ยวชาญ” มาดามเผิงบอกยิ้มๆ “ไม่ต้องลัดคิวนะคะ จัดคิวปรกติ ดิฉันจะดูรอบๆ โรงพยาบาลระหว่างรอคิว”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะส่งคนมาทำเวชระเบียนให้นะคะ”
“อุ้ย อย่าลำบากเลยค่ะ ดิฉันขอเดินไปแบบเป็นคนไข้วอล์กอินได้ไหมคะ เอาแบบไม่เอิกเริก เกรงใจมากที่คุณศลินมาต้อนรับใหญ่โต ดิฉันกับลูกไปลงทะเบียนคนไข้ก่อนก็ได้แล้วสักพักจะส่งลูกชายไปประชุมเหลือเวลาอีกตั้งนาน” แววตาท่าทางนึกสนุกและไม่ทำตัวเป็นวีไอพีเลยของมาดามเผิงลี่จินทำให้ศลินพอเข้าใจว่ามาดามเผิงชอบวางตัวเหมือนคนทั่วไปไม่ชอบเอกสิทธิ์ที่เหนือใครเป็นพิเศษ ซึ่งน่าชื่นชมมาก
“เราจะทำทุกอย่างในแบบที่มาดามเผิงต้องการเลยค่ะ” แพทย์หญิงศลินบอกอย่างเต็มอกเต็มใจ คนไข้อย่างนี้น่ารักกว่าเคสที่ต้องการความวีไอพีสุดๆ แบบที่คนเป็นหมอต้องแอบอึดอัด นึกนิยมมาดามเผิงนิดๆ ที่ชอบการเป็นคนธรรมดามากกว่าเป็นวีไอพี...
เสียงโทรศัพท์ของชานป๋อเสียนดัง เขาเอ่ยขอโทษก่อนหยิบมาดูเห็นว่าเป็นสายของน้องชาย คงโทรมารายงานเรื่องฝั่งทางฮ่องกงเพราะกำลังติดเรื่องการดำเนินคดีบางอย่างอยู่ เขาขอแยกตัวออกมารับสาย เพื่อคุยธุระให้เสร็จ แต่ไอ้น้องชายตัวดีกลับโทรมาเรื่องผู้หญิง คนที่มันให้ตามดูแลอลินคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะว่ารายงานเรื่องของศรัณย์ที่สนิทกับครอบครัว อลินแล้วชานป๋อหลินรู้ว่าเขาจะมาที่โรงพยาบาลในวันนี้เลยให้เขาดูและกันท่าศรัณย์แทน
“ไม่ช่วยเว้ย... เรื่องผู้หญิงจัดการตัวเองเอง”
เขาวางสายน้องชาย ไม่สนใจอีก...
ชานป๋อเสียนเดินไม่รีบร้อนนักเพราะว่ามาถึงก่อนเวลานาน มารดาเขากับศลินและคณะคงเดินชมโรงพยาบาลไปเรื่อยๆ เขาไม่เห็นว่าจะน่าพิสมัยตรงไหนเลยไม่รีบนัก ร่างสูงสง่าเดินผ่านสายตาของใครหลายคน มีหลายสายตาจดจ้องเพราะความไม่เหมือนคนทั่วไป แต่เขาไม่อึดอัดกับสายตาเหล่านั้นเลย จนเมื่อเดินพ้นมุมแล้วเขาก็หยุดยืนนิ่งเพราะได้เจอกับใครบางคนที่เดินพ้นมุมมาอย่างรวดเร็วและชนกับเขาอย่างจังจนเขาต้องประคองหล่อนไว้ตามสัญชาตญาณ พอหล่อนเงยหน้าขึ้นมาคิ้วเขาก็ขมวด
เธอคือหญิงสาวที่มารดาเขาบ่นหาเพราะเจ้าตัวขาดการติดต่อไปเลย หล่อนหลีกหนีชีวิตที่สร้างภาพไว้ที่อเมริกาแล้วกลับมาอยู่ไทยเพราะเขารู้ทัน รอยยิ้มที่เหมือนว่าโลกนี้สดในนักหนาบนใบหน้าหล่อนถึงได้หุบลงเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นเขา
ถ้าบอกว่าหล่อนแปลกใจเขาไม่ว่าหรอก แต่ท่าทางเหมือนเห็นผีและตกใจมากๆ ทำให้เขานึกเยาะในใจ ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ใกล้ชีวิตหล่อนมากขนาดไหนหล่อนคงไม่นั่งร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาหรอกนะที่มีคนรู้ทันมารยาของหล่อนทุกอย่างอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้
“ขอโทษค่ะ” รีบผละจากเขาแล้วเอ่ยบอกเสียงตะกุกตะกัก ท่าทางร่าเริงพร้อมรอยยิ้มหายไปในทันที
พอบอกแล้วหล่อนก็จะรีบหนีเหมือนกลัวความผิด เขาเลยคว้าแขนหล่อนไว้จากด้านหลังเอาดื้อๆ พร้อมกับเอ่ยถามคนที่หันมามองหน้าเขาพร้อมสายตางุนงง
“ตกใจที่เจอกันจนไม่คิดทักทายหรือไง”
“ฉันคิดว่าคุณคงอยากให้เราเป็นคนไม่รู้จักกันมากกว่า" บอกแล้วรีบสะบัดแขนจากเขา
“น่าจะเป็นเธอมากกว่านะที่คิดอย่างนั้น คงแย่มากเลยนะที่เจอฉัน อุตส่าห์หนีมาหาเป้าหมายใหม่แท้ๆ”
หญิงสาวนิ่วหน้า แววตาขุ่นเคืองเริ่มก่อตัวในดวงตาคู่สวยของหล่อน
“ถ้าฉันดูแย่ในสายตาของคุณขนาดนั้น คุณก็ช่วยมองผ่าน และทำเป็นไม่รู้จักเถอะค่ะ ฉันจะรู้สึกอย่างไรกับคุณมันก็ไม่สำคัญไม่ใช่หรือไง ยังไงเราก็ไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกันอีก”
“มันไม่แน่อย่างนั้นเสมอไปหรอก โลกมันกลมกว่าที่เธอจะคิด” เขาบอกคนที่ไม่รู้อะไรเลยว่าน้องชายเขากับน้องสาวของหล่อนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเพียงไหน
“งั้นก็เอาเป็นว่า ต่อให้โลกจะกลมแค่ไหน เราก็จะเป็นเส้นขนานกัน ต่อให้เจอกันก็ทำเหมือนฉันเป็นอากาศ ฉันก็จะปฏิบัติต่อคุณเช่นเดียวกัน คุณไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องกีดกันฉันออกจากชีวิต เพราะฉันจะไม่มีวันก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณ”
เห็นหล่อนเชิดหน้าบอกอย่างมั่นอกมั่นใจเหมือนว่าไม่แคร์เขาเลย มันช่างแตกต่างจากภาพที่หล่อนยิ้มหวานสดใสรอทำความรู้จักกับเขาในวันแรกที่เจอกันนัก พอเขาไม่ใช่เป้าหมายหล่อนก็ทำทีเป็นหยิ่งในศักดิ์ศรีขึ้นมา...
“ทำให้ได้อย่างที่พูดด้วยนะ”
เขาเอ่ยกับหล่อนลอยตามลมไป รู้ว่าหล่อนได้ยินเพราะจังหวะที่เดินนั้นชะงักแต่หล่อนก็เดินต่อไปไม่สนใจเขาอีก เส้นขนานและไม่มีวันเห็นอีกคนมีตัวตนอย่างที่หล่อนบอกคงทำไม่ได้หรอกหากสองบ้านนั้นดองกันแล้ว...
ชานป๋อเสียนเดินเข้าไปหากลุ่มของมารดากับศลินที่เดินรอบโรงพยาบาลมาได้พักหนึ่งแล้วเขาจึงเดินไปสมทบพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาศลิน
“อาจารย์ศลินคะ พอดีเลขาแพทย์พาหมอน้ำไปฝ่ายบุคคลกับไปที่แผนกมาแล้ว กำลังจะไปรออาจารย์ที่หน้าห้องอาจารย์ค่ะ”
“อ้อ ได้จ้ะ”
“คุณศลินต้องไปทำธุระอะไรหรือเปล่าคะ ดิฉันมาก่อนเวลานัดเพราะรู้ว่าที่นี่มีร้านน้ำชาที่มีบรรยากาศดี เดี๋ยวดิฉันจะแยกตัวแล้วค่อยมาเจอกันตอนประกาศกับสื่อมวลชนก็ได้นะคะ"
เพราะกลัวว่าการมาก่อนเวลาของตนจะกระทบกับตารางงานของศลินมาดามเผิงเลยขอตัวก่อน
“อันที่จริงไม่กระทบใดๆ เลยค่ะคิวงานช่วงเช้าเป็นคิวประชุมลงนามความร่วมมือกับฮ่องกงดรากอนเท่านั้นเพียงแต่มีคิวแทรกเข้ามาเป็นคิวต้อนรับแพทย์ศัลยศาสตร์หลอดเลือดคนใหม่เท่านั้นเองค่ะ หมอคนนี้ไงคะที่มาดามบอกว่าอยากเจอเดี๋ยวไปรู้จักพร้อมกันเลยไหมคะ”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้น ดิฉันส่งลูกชายไปก่อนดีกว่าค่ะ ป๋อเสียนก็เป็นแพทย์เชี่ยวชาญด้านนี้เหมือนกันแต่ว่าไม่ตรวจคลินิกเพราะมาทำฝ่ายบริหาร ส่วนดิฉันขอไปจิบชาแล้วมาเจอกันที่ห้องประชุมทีเดียวดีกว่านะคะ”
ศลินเข้าใจว่ามาดามเผิงไม่ได้เป็นหมอเลยไม่อยากเข้าไปสนทนาด้วย แต่คนเป็นลูกชายหันไปมองมารดาที่บอกว่าจะเลิกจับคู่ให้เขากับชลนที แต่ก็ยังมิวายหาโอกาสให้เขาได้เจอกับหล่อนมากกว่าที่ควรจะเป็น ศลินจะไปต้อนรับชลนทีและให้โอวาท ท่านกลับฝากเขาเข้าไปด้วยหน้าตาเฉย
แต่ต่อหน้าคนนับสิบ เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไร และเดินไปพร้อมกันกับศลิน ในใจคิดว่าอาจจะเจอหล่อนโดยที่มารดายัดเยียดให้อีกรอบ แต่ว่าเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่สัญญาว่าจะมองเขาเป็นอากาศจะทำหน้ายังไงเมื่อรู้ว่าเขาเองเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลที่จะมาร่วมทุนและแลกเปลี่ยนนวัตกรรมต่างๆ กับโรงพยาบาลที่หล่อนจะทำงาน นี่ยังไม่รวมที่หล่อนไม่รู้ว่าน้องชายของเขากับน้องสาวของหล่อนเป็นอะไรกันอีก...
ถ้าชลนทีคิดว่าหล่อนจะหนีพ้นคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหล่อนแล้วมาจับผู้ชายคนใหม่... หล่อนคิดผิดแล้ว
เขาจะตามหลอกหลอนหล่อน ให้หล่อนสำนึกให้ดีเลยเชียวล่ะ
หวังว่าหล่อนคงไม่ช็อกตาตั้งว่าเส้นขนานระหว่างหล่อนกับเขาแม้จะเป็นเส้นขนานแต่มันขนานกันใกล้กันจนน่าใจหาย