กายทั้งสองโผเข้ากอดกันแนบแน่น เจ้าหญิงไลอาด์สูดปากหายใจหอบรัวเร็ว พลางขบกัดลงไปบนซอกคอของผู้พันเต็มแรง เมื่อคลื่นความรัญจวนถาโถมเข้าใส่ หรรษาไปกับรสสวาทที่ผู้พันฮาคิมอบให้อย่างเร่าร้อนดุดันเกือบกลายเป็นป่าเถื่อน
ผู้พันฮาคิมเองก็หายใจแรงราวกับเพิ่งวิ่งรอบสนามสักสิบรอบไม่มีผิด ต้นแขนแข็งแกร่งสวมกอดร่างบางเปล่าเปลือยไว้แน่น แก่นกายแข็งขึงยังคงกดลึกแช่อยู่ในดอกไม้สวาทชุ่มฉ่ำด้วยธารลารารัก ที่เขาปลดปล่อยเข้าสู่ตัวเจ้าหญิงจนหมดสิ้น
“ดีเหลือเกินไลอาด์...ผมมีความสุขที่สุด”
ไม่ได้ร่ายเพลิงสวาทกับหญิงที่รักเป็นเวลานานร่วมหกเดือนกว่า ทำให้ผู้พันฮาคิมรู้สึกอิ่มเอิบกำซ่านอย่างถึงที่สุด แก่นกายที่แช่แน่นิ่งอยู่ภายในโพรงสวาท เริ่มพองตัวประกาศความใหญ่โต อยากชวนคนในอ้อมแขนระเริงรักอีกสักรอบสองรอบ
แต่ด้วยความสงสาร เพราะเจ้าหญิงไลอาด์แลดูอ่อนล้าจากการเดินทางไกลข้ามทวีป แถมยังมาเจอศึกหนัก โรมรันรักอย่างบ้าคลั่งกับเขา จึงปล่อยให้เจ้าหญิงได้พักสักครู่ ผ่อนร่างบางให้ลงนอนบนเตียงใหญ่ ประคองกอดไว้แนบแน่น แล้วกระซิบชิดกลุ่มผมนุ่มสลวยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซึ่งดังไม่มากพอที่จะทำให้เจ้าหญิงไลอาด์ได้ยิน
“ผมรักคุณ...ไลอาด์...”
+++++++++++
ที่กองโจรของนาฟซากำลังเต็มไปด้วยไฟโทสะจากผู้เป็นหน้าหน้ากองโจร หลังจากลูกน้องชั่วแต่ละคนทำงานไม่ได้ดั่งใจแม้แต่คนเดียว
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
เสียงฝ่ามือใหญ่กระทบไปบนใบหน้าของลูกน้องหลายคนเพราะอารมณ์โกรธจัด ตามด้วยเสียงตะคอกด่าดังลั่นบริเวณ
“พวกมึงหมายความว่ายังไง ที่ว่าเครื่องบินของนังไลอาด์ไม่ได้ลงจอดในสนามบิน แล้วมันจะไปลงจอดบนทะเลทรายหรือยังกัน!”
นาฟซาตวาดถามลูกน้อง ซึ่งต่างก็ยืนก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าเงยขึ้นมองสบตากับดวงตาแหลมเล็กอันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเกินมนุษย์
ชิยาด์ลูกน้องคนสนิทที่ถูกฤทธิ์ของฝ่ามือหนักเล่นงานจนเลือดกบปากไม่ต่างจากลูกน้องคนอื่นๆ เป็นคนเอ่ยตอบออกมา น้ำเสียงนั้นติดสั่นกลัวเป็นอย่างมาก
“เอ่อ...เหมือนที่พวกมันบอกท่านนาฟซานะครับว่า เครื่องบินของเจ้าหญิงไลอาด์ไม่ได้ลงจอดในสนามบินประเทศคาลาส์”
“ใช่ครับ เครื่องบินไม่ได้ลงจอด”
ลูกน้องอีกคนเอ่ยตอบ หลังจากเช็ดเลือดแดงฉานที่ทะลักออกจากจมูกเรียบร้อยแล้ว และขณะรายงานให้นาฟซาฟัง ก็ลืมขยับถอยห่างให้ไกลมือและเท้าของเจ้านายด้วย
“แล้วนังไลอาด์มันหายหัวไปไหน” นาฟซาตะคอกถามดังลั่น ใบหน้าถมึงทึงไม่ต่างจากยักษ์ โกรธจนตัวสั่นกับแผนการที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
“ตอนแรกพวกเราคิดว่าเครื่องบินดีเลย์ เลยลงจอดล่าช้า แต่รอจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ก็ไม่มีข่าวว่าเครื่องบินจะลงจอดสักที”
“เครื่องบินคงลงจอดสนามบินอื่น แต่ผมไม่รู้ว่าที่ไหน”
เป็นคำตอบที่ฟังไม่ระรื่นหู กระตุกต่อมความโกรธให้พุ่งสูง และชิยาด์ก็ได้รับฝ่ามือหนักที่ซัดลงไปบนใบหน้าของเขาเป็นการตอบแทน
ผัวะ!
“กูไม่ได้อยากได้ยินคำตอบที่พวกมึงพูดว่า ‘ไม่รู้’ พวกมึงไปสืบมาว่ากัปตัน มันเอาเครื่องบินไปลงจอดที่ไหน และพวกมึงต้องลากตัวนังไลอาด์มาให้กูให้ได้”
“ครับท่านนาฟซา” ชิยาด์รีบรับคำรัวเร็ว
“กูต้องการคำตอบภายในวันนี้” นาฟซาย้ำเสียงห้วนจัด
และลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบรับคำเช่นเดียวกัน
“ครับๆ ภายในวันนี้ครับ”
“พวกมึงออกไปให้พ้นหน้ากูได้แล้ว ก่อนกูจะระงับอารมณ์ไม่อยู่”
“ครับๆ”
ไม่ต้องรอให้ถูกไล่เป็นครั้งที่สอง บรรดาลูกน้องที่ถูกซัดจนเลือดกบปากไปตามๆ กัน ต่างก็รีบเร่งเดินออกจากห้องทำงานของนาฟซาอย่างไม่คิดชีวิต รวมทั้งชิยาด์ด้วย แต่ไม่ทันก้าวเดินพ้นจากห้องทำงาน ชิยาด์ก็ถูกนาฟซาเค้นเสียงเรียกไว้ก่อน
“ไอ้ชิยาด์ อย่าเพิ่งไป”
“เอ่อ...ครับ...ท่านนาฟซา”
ชิยาด์หน้าซีดเผือด หันมารับคำเสียงตะกุกตะกัก เดาไม่ออกว่าตนเองจะถูกเล่นงานในรูปแบบไหนอีก แค่เพียงถูกทำโทษในครั้งแรก ก็ทำเอาเลือดตกยางออกแล้ว ขืนโดนอีกรอบ เขาคงกระอักเลือดต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นแน่แท้
นาฟซาจ้องเขม็งไปยังใบหน้าซีดๆ ของลูกน้อง แล้วถามเสียห้วนเหมือนเดิม “ไอ้ฮาคิมมันหายหัวไปไหน ทำไมมันไม่กลับมาพร้อมพวกมึง”
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ วันนี้ทั้งวัน ผมไม่เห็นเงาหัวของไอ้ฮาคิมเลยครับ” ทุกครั้งที่พูดถึงศัตรูคู่แค้น น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง อยากให้ผู้พันตายเร็วๆ
“หมายความว่ามันไม่ได้ไปสนามบินคาลาส์” ดวงตาแหลมเล็กหรี่เข้าหากัน ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยขณะถามออกไป
“ครับ ท่านนาฟซา” ชิยาด์รับคำ แล้วเอ่ยรายงานต่อ “ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้น หากมันไปสนามบิน ผมก็ต้องเห็นมันเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นั้นแล้วครับ”
ชิยาด์บอกตามความจริง และเพิ่งคิดว่าได้ว่าไม่เห็นศัตรูคู่อาฆาตที่สนามบินคาลาส์เลย
“เป็นไปได้ยังไงที่ไอ้ฮาคิมจะไม่ไปสนามบินคาลาส์ มันต้องการผลงาน อยากเป็นลูกน้องมือขวาของกูจนตัวสั่น มันต้องไปลากตัวนังไลอาด์มาให้กูแน่ๆ ไอ้ฮาคิมเป็นคนมีฝีมือ กูมั่นใจด้วยว่ามันต้องจับตัวนังไลอาด์มาได้ แต่...ทำไมมันไม่ไปที่สนามบิน”
“ที่ไอ้อาคิมไม่ไปสนามบิน หรือเป็นเพราะว่ามันได้เบาะแสล่วงรู้มาก่อนว่านังไลอาด์ไม่ได้กลับประเทศคาลาส์ในวันนี้”
ชิยาด์วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ และเมื่อสบโอกาส ไม่ชอบขี้หน้าของผู้พันฮาคิมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชิยาด์ก็เริ่มใส่ไฟ สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในทันที
นาฟซาค้านเสียงแข็ง “เป็นไปไม่ได้ สายของกูบอกว่านังไลอาด์มันบินมาจากอังกฤษด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว และจะถึงประเทศคาลาส์ในวันนี้แน่นอน”
“ถ้าท่านนาฟซามั่นใจว่านังไลอาด์กลับประเทศคาลาส์วันนี้แน่นอน เป็นไปได้ไหมครับว่า อาจจะมีการลงจอดที่สนามบินอื่น”
“ประเทศเฮงซวยนี้มีสนามบินแห่งเดียว คือสนามบินนานาชาติคาลาส์ แล้วไอ้กัปตันมันจะเอาเครื่องบินไปทิ่มหัวลงจอดที่ไหนได้”
นาฟซาสบถลั่น หัวเสียกับแผนการที่ไม่เป็นไปดั่งใจต้องการ เขาต้องการตัวเจ้าหญิงไลอาด์ เพราะนอกเหนือจากเงินจำนวนมหาศาลที่จะรับจากการเรียกค่าไถ่แล้ว เขาจะเอาเจ้าหญิงผู้สูงส่งคนนี้ไปขายทอดตลาดในตลาดค้าโสเภณี ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าหญิงไลอาด์จะทำเงินให้เขาเป็นอย่างมาก รวมทั้งทำให้เขามีความสุขหฤหรรษ์กับเรือนร่างสุดเซ็กซี่ของเธอด้วย
“ถ้าไม่ได้ลงจอดที่สนามบินคาลาส์ ผมเดาว่ากัปตันต้องไปจอดที่สนามบินอื่นใกล้กับประเทศคาลาส์อย่างแน่นอน”
สิ้นคำวิเคราะห์เหตุการณ์ ชิยาด์ต้องร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกซัดจากฝ่ามือใหญ่ซ้ำลงไปบนรอยเดิมที่ถูกชกก่อนหน้านี้จนเลือดกบปากอีกครั้ง
ผัวะ!
“อ๊ากก!!!”
ชิยาด์ยกมือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากปากและจมูก มองหน้านาฟซา พลางเอ่ยถามด้วยความตกใจแกมหวาดกลัวชายผู้นี้
“ท่านนาฟซา...ชกหน้าผมทำไมครับ ผมพูดอะไรผิดไปครับ”