บ้านไม้สองชั้นหลังนี้ แม้ภายนอกจะดูทรุดโทรม แต่ข้างในกลับได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พื้นไม้ถูกขัดจนเงาวับ เครื่องนอนยังมีกลิ่นหอมสะอาดของน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่ หญิงสาวตั้งใจว่าจะนอนหลับไปสักคืน ตื่นมาเธอคงสามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ ทว่าเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นมารับสาย เธอเพิ่งเปิดเครื่องได้ไม่ถึงสิบนาที ผู้จัดการส่วนตัวก็โทรเข้ามาหาเสียแล้ว
“พี่แววมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เพลินทำอะไรอยู่ นี่แสดงว่าไม่ได้ดูข่าวเลยใช่ไหม” น้ำเสียงของแววใจดูร้อนรนผิดปกติ
“ข่าวอะไรอีกล่ะคะพี่แวว เพลินอยู่งานศพของพ่อตลอด ไม่อยากรับรู้ข่าวอะไรอีกแล้วค่ะ” ความจริงหญิงสาวปิดเครื่องเอาไว้ตลอดสามสี่วันที่ผ่านมานี้เลย เพราะไม่อยากเปิดแล้วเจอแต่ข่าวแย่ ๆ กับความคิดเห็นที่เธออ่านแล้วก็รู้สึกกระอักอยู่ในอกทุกที หลายคนบนโลกโซเซียลทำเหมือนรู้จักเธอทุกแง่มุมในชีวิต
“ก็ข่าวของเอ็มแฟนเพลินไง” แววใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด นั่นทำให้พาเพลินนึกแปลกใจในท่าทีของอีกฝ่าย หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบหาดูใจกันได้ครึ่งปีของเธอ
“เอ็มทำไมคะพี่แวว”
“เอ็มเปิดตัวคบกันกับซาซ่าแล้วนะ”
“ซาซ่า ?” พาเพลินขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ที่แฟนหนุ่มของตัวเองเปิดตัวคบกันกับนางเอกชื่อดัง ที่สำคัญอยู่สังกัดเดียวกันอีกด้วย
“เพลิน นี่เพลินไม่รู้เลยเหรอ พี่เองก็ลำบากใจเหมือนกันนะ ทั้งสามคนเป็นเด็กของพี่หมด พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เรื่องนี้ก็คงต้องแล้วแต่ฝ่ายเอ็มนั่นแหละว่าจะเลือกใคร” แววใจทำน้ำเสียงเหมือนคนหนักใจ ที่ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างสามคนนี้
“ตอนนี้พี่แววกำลังดันเอ็มให้เป็นพระเอกใช่ไหมคะ” แต่ใช่ว่าพาเพลินจะเดาทางเรื่องนี้ไม่ออก
“เอ่อ ก็ทำนองนั้นแหละ คือสองคนนั้นตั้งโต๊ะแถลงข่าวคบกันเลย พี่กลัวว่าถ้าเพลินกลับมากรุงเทพฯ แล้วเพลินจะลำบากใจ อีกอย่างงานเพลินก็ถูกยกเลิกหมดเลย เฮ้อ พี่ล่ะกลุ้ม” แววใจถอนหายใจใส่โทรศัพท์มือถือแบบดัง ๆ เจตนาให้อีกฝ่ายได้ยินแบบชัดเจน
“เหรอคะ” พาเพลินยิ้มเยาะให้กับความเสแสร้งของคนที่อยู่ปลายสาย นางร้ายตกอับอย่างเธอ กับพระนางดาวรุ่งพุ่งไกลอย่างสองคนนั้น มีหรือผู้จัดการคนเก่งจะเลือกไม่ถูกว่าควรเก็บใครไว้
“พี่แววจะเขี่ยเพลินออกจากสังกัดใช่ไหมคะ”
“ต๊าย เพลินทำไมคิดแบบนั้นล่ะ พี่จะใจร้ายกับเพลินลงคอได้ยังไง พูดแบบนี้พี่เสียใจนะคะ” แววใจใส่จริตในน้ำเสียงมาเต็มที่
“เอาเป็นว่าพี่แววจะทำอะไรก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าเพลินจะรู้สึกแย่หรอกนะคะ เพราะแค่นี้เพลินก็รู้สึกแย่เกินจะรับไหวแล้ว” พาเพลินพูดจบก็กดตัดสายผู้จัดการของตัวเองไป เพิ่งเข้าใจว่าทำไมปารินทร์ถึงไม่ติดต่อหาเธอเลยตั้งแต่เกิดเรื่องในวันแรก
ดูเหมือนที่กรุงเทพฯ ไม่มีอะไรให้เธอกลับไปหาอีกแล้ว วันนี้พาเพลินเปิดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ตลอดทั้งวัน มีคนติดต่องานมาอยู่ค่อนข้างหลายที่ ส่วนใหญ่มักเป็นการสัมภาษณ์เรื่องราวของบิดา หรืออีกทางก็เป็นงานถ่ายแบบชุดวาบหวิว พาเพลินเคยถ่ายชุดว่ายน้ำมาครั้งหนึ่งตามที่ผู้จ้างร้องขอมา ซึ่งเธอก็ไม่ได้ภาคภูมิใจกับมันเท่าไรนัก แต่เพราะว่ารายได้ค่อนข้างดีจึงรับงานนั้น แต่พักหลังมานี้คนจ้างมักอยากให้เธอถ่ายชุดที่วาบหวิวมากขึ้น ซึ่งเธอก็ปฏิเสธไปทุกราย
ตึ๊ง !
เพลินเอ็มขอโทษนะ พี่แววบอกว่าให้มีข่าวกับซาซ่า จะได้ดึงกระแสง่ายหน่อย
ข้อความไลน์จากปารินทร์นั้น ทำให้พาเพลินแทบจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา งานนี้เลยไม่รู้ว่าใครตอแหลกันแน่
เอ็มติดต่อเพลินไม่ได้ เลยไม่ได้ไปงานศพคุณพ่อของเพลิน
พาเพลินยิ้มเยาะให้กับข้อความที่เขาส่งมา ก่อนจะส่งตอบกลับเขาไป
ขอให้เอ็มโชคดีกับสิ่งที่เอ็มเลือกนะ
เพลินพูดแบบนี้หมายความว่าไง เพลิน !
ลาก่อน
ผู้ชายคนหนึ่งกล้าทำร้ายหัวใจของผู้หญิงที่เขารัก เพียงเพื่อแลกกับความก้าวหน้าในวงการบันเทิง เธอจะสามารถรักเขาได้อย่างสนิทใจอีกหรือ พาเพลินปิดเครื่อง เลือกที่จะปิดหูปิดตา ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
เจ้าของไร่เหนือเมฆเหมือนจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย หลังจากพาเพลินไม่ได้ให้คำตอบเรื่องไร่ของเธอในทันที ชายหนุ่มอุตส่าห์ให้ทนายศรุตไปจัดการเรื่องมรดกให้ถูกต้อง เพื่อที่เขาจะได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่พาเพลินกลับทำเหมือนอยากได้ไร่ เอาไว้เป็นของตัวเองเสียอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้าไม่ได้มาดูดำดูดีที่ไร่นี้เลย
“พี่เมฆได้ข่าวว่าเจอดารามาเหรอคะ เป็นไงบ้างเขาสวยไหม นางร้ายพาเพลิน ผู้ตีบทเมียน้อยขาดกระจุย ได้ข่าวว่าหุ่นแซ่บจนผู้ชายต้องร้องซี้ด” ผลิขวัญน้องสาวคนสวยในวัยยี่สิบสองปีของเหนือเมฆใช้มือดึงหางเปียทั้งสองข้างเล่น ขณะเดินเข้ามาหาพี่ชายด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เป็นสาวเป็นนางมาพูดจาน่าเกลียดนะยัยขวัญ มาแซ่บมาซี้ดอะไรกันอายปากตัวเองบ้าง” คนอารมณ์ไม่ดีตำหนิน้องสาวตรง ๆ
“ขวัญก็พูดเหมือนที่เขาลงข่าวกันโครม ๆ ไงคะพี่เมฆ ว่าแต่นางร้ายพาเพลินอะไรนี่ ตัวจริงเขาเป็นไงพี่เมฆ สวยมากไหมบอกหน่อยนะ” ผลิขวัญเขย่าต้นแขนพี่ชายไปมา จนคนเป็นพี่ชักเริ่มรำคาญ หันมาทำหน้าสุดจะเอือมระอาใส่น้องสาว
“สวยแต่รูป จูบไม่หอมหรอก”
“อูย แรงอ่ะ ไปจูบเขาตอนไหนกัน ทำเป็นรู้ดีนะพี่เมฆ”
“รู้ก็แล้วกัน ผู้หญิงที่ยอมเปลื้องผ้าแลกเงินอย่างยัยนั่น ไม่มีค่าพอที่ขวัญอยากจะเจอหรอก แล้วยิ่งใจจืดใจดำไม่ยอมกลับมาดูใจพ่อก่อนตายอีก นั่นน่ะบาปหนาเลยนะ” เหนือเมฆได้ยินชื่อเสียงในแง่ลบของพาเพลินมาโดยตลอด เขารับรู้เรื่องที่นายอรรถพันธ์ต้องโดดเดี่ยวอยู่ในไร่ข้าง ๆ กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตจริง ๆ
‘ลูกเขาไม่รักผมหรอกคุณเมฆ ผมก็แค่อยากบอกให้แกรู้เท่านั้นเอง ว่าผมยังรักยังอยากเห็นหน้าแกอยู่’
ในวันที่นายอรรถพันธ์ออกสื่อเรื่องลูกสาว ชายสูงวัยเคยบอกเหตุผลนี้แก่เหนือเมฆ ยิ่งทำให้เหนือเมฆรู้สึกเกลียดชังพาเพลิน แบบไม่ต้องถามหาเหตุผลใด ๆ อีกเลย
“คุณพาเพลินเขาไม่รู้มั้งว่าคุณลุงอรรถไม่สบาย ตอนให้ข่าวเมื่อเดือนก่อนแกก็ยังดูแข็งแรงอยู่เลย ปุบปับมาเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายตายกะทันหันแบบนั้นด้วย”
“ไม่รู้เพราะว่าไม่มาหายังไงล่ะ ขนาดพ่อออกสื่อให้มาเยี่ยมบ้างยังไม่มาเลย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความดีอยู่ในตัวเลยนะขวัญ ดูเอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างล่ะ ว่าอย่าทำแบบนี้กับพ่อแม่เด็ดขาด” คนเป็นพี่ชายถือโอกาสสั่งสอนน้องสาวตัวเองไปด้วย
“ขวัญไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ แต่ว่าเราก็ไม่ได้รู้เรื่องครอบครัวเขาเหมือนกันนะคะพี่เมฆ เขาอาจจะมีเหตุผลของเขาก็ได้”