ตอนที่ 5

1572 Words
5 “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันว่างเมื่อไหร่ จะแวะเวียนไปเที่ยวร้านแกแล้วกัน จะได้หาอะไรกิน ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย” “ร้านฉันไม่ใช่โรงทานนะยะ ที่จะมีที่ให้แกนอนหลับ มีอาหารให้แกกินฟรีน่ะ” “งก!” แสงกล้าเอ่ยว่าสีหน้ายิ้มๆ ด้วยรู้ดีแก่ใจ กฤติกาพูดไปอย่างนั้นเอง เพื่อนสาวเขาใจดีจะตาย “ก็ใช่สิ ของซื้อมานี่หว่า ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ จะให้กินฟรีๆ ได้ไงล่ะ” ตอบกลับเสียงใส ตาแป๋วซื่อบริสุทธิ์ แต่ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “แต่ถ้าแกไปจริงๆ ก็ดีนะ ร้านฉันเพิ่งทำเสร็จไม่นาน ข้าวของยังวางเกะกะอยู่เลย หาคนงานยกของยากเสียด้วย มีคนหลงไปให้ใช้ฟรีๆ แถมได้กำจัดพวกข้าวของเหลือใช้ ทิ้งไว้รกร้านก็ดีเหมือนกัน”  “ไม่พูดกับแกแล้วไอ้ลูกเจี๊ยบ จะกลับแล้วใช่ไหม รอเดี๋ยว ฉันไปเอารถออกก่อน จะขับไปส่ง” อยากอาละวาดใส่ไอ้เพื่อนผิวหมึก แต่อีกฝ่ายน่ะหัวเราะลั่นและรีบชิ่งวิ่งข้ามถนนไปเสียแล้ว กฤติกาได้แต่ชี้มือไล่ตามแผ่นหลังกว้าง “ฝากไว้ก่อนเถอะแก อย่าให้ฉันมีโอกาสนะ จะเอาคืนให้หนักเชียว” “หยุดเลยนะแกไอ้ปลาหมึก” กฤติกาทำหน้ามุ่ย ชี้หน้าเพื่อนหนุ่มที่ยังไม่รู้ซึ้งถึงคำว่า ‘คอขาด’ เพราะยังล้อเรื่องที่เธอทำใจกล้าเอาบัวลอยไข่หวานไปให้กับเด็กชายข้างห้องที่แอบสนใจสมัยชั้นประถม เพราะตั้งใจมากเกินไปหรือเพราะกระเปิ๊บกระป๊าบมากไปก็ไม่รู้ได้ แทนที่อีกฝ่ายจะได้กินกลับกลายเป็นว่า บัวลอยไข่หวานถ้วยนั้นอันตรธานลอยไปราดไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมเธอยังไถลไปชนเข้าไผ่น้อยซ้ำอีก จนอีกฝ่ายเจ็บจุกหน้าเขียวหน้าเหลือง แผดร้องดังลั่นโรงเรียน นับตั้งแต่วันนั้นเด็กชายก็จะคอยหลบหน้าหลบตาเธอ แต่เมื่อไหร่ที่เจอจังๆ ก็จะทำราวกับเจอหมาแมวเป็นโรคเรื้อน ต้องไล่ให้ไปไกลๆ ก่อนวิ่งหนีไปตูดสั่น ไม่เหลียวหลังกลับมามอง “ถ้าไม่หยุดล้อฉันนะ ฉันจะ...” กฤติกาคิดไม่ออกว่าจะเอาคืนเพื่อนรักยังไงดี “จะอะไรยายลูกเจี๊ยบ จะเอาขนมบัวลอยราดฉันหรือ” แสงกล้าถามเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ จะว่าไปเพื่อนเขาก็สวยอยู่นะ ดวงหน้ารูปหัวใจ แก้มนวลเนียนใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด ดวงตากลมโตใสแจ๋วสีดำสนิทราวกับนิล ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกเล็กโด่งได้รูปรับกับกลีบปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ อย่างที่เขาเรียกปากนิดจมูกหน่อย ผิวหรือถึงจะไม่ขาวอย่างที่เขาเรียกว่าไข่ปอก แต่ก็นวลเนียนเป็นสีน้ำผึ้งจางๆ รูปร่างไม่ถึงกับสูงโปร่งอย่างนางแบบ แต่ก็ไม่จัดว่าเตี้ย น่าจะเรียกว่าเล็กกะทัดรัดฉบับกระเป๋า แต่อ้อนแอ้นอรชรด้วยสัดส่วนอกเป็นอก เอวเป็นเอว แต่อวบอัดไปทุกส่วน เป็นคนสดใสร่าเริง มนุษย์สัมพันธ์ก็ดี แต่ทำไมถึงยังไม่มีแฟน? “ถามจริงยายลูกเจี๊ยบ หน้าตาแกจัดว่าสวยแต่น้อยกว่าแฟนฉันนิดหนึ่งนะ แล้วยังไปเรียนกรุงเทพฯ ตั้งนาน ทำไมถึงยังไม่มีแฟนวะ ไหนเขาพูดกันว่าที่นั่นน่ะ หาผู้ชายง่ายยิ่งกว่าหาเงินเข้ากระเป๋าอีก” “บ้าแล้วแก หาแฟนนะ ไม่ใช่สุนัขคุ้ยหาขยะข้างถนน ที่จะได้ง่ายขนาดนั้น ฉันเป็นผู้หญิงนะโว้ย มันต้องดูให้ดีหน่อย ไอ้ประเภทที่ว่าเห็นหน้าปุ๊บรักปั๊บ ไม่สนใจว่าจะมาจากไหน นิสัยยังไงอย่างในนิยายน้ำเน่านะ ไม่มีหรอกโว้ย” “เออ...แกก็เลยเลือกจะปีนขึ้นไปนั่งบนคาน คอยมองหาผู้ชายแสนจะเลิศเลอเฟอร์เฟ็กมาสะดุดคุณทีนว่างั้นเถอะ เฮ้อ...” แสงกล้าแกล้งผ่อนลมหายใจออกจากปอดหนักๆ ให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย “เลือกมากขนาดนั้น ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะหาได้หรือเปล่านะ ไอ้พัดลมน่ะ” ล้ออย่างนึกขึ้นได้ กฤติกากระเปิ๊บกระป๊าบและซุ่มซ่าม อีกอย่างก็คล้ายกับคนดวงไม่ดีเรื่องผู้ชาย ไม่ว่าจะสนใจผู้ชายคนไหนก็มีอันทำให้เขาต้องเจ็บตัวก่อน เลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้สมัครเป็นแฟนยายนี่ “ใครจะเหมือนแกล่ะ เห็นผู้หญิงแล้วทำอาย หน้าแดง ไม่กล้าพูด ไม่กล้าสบตาเขา เผลอแป๊บเดียวไปขอเขาเป็นแฟนแล้ว ชิชะ...ช่างกล้าจริงๆ นะแก คอยดูนะ เจอหน้าแฟนแกเมื่อไหร่ ฉันจะไปเบียดกระแซะ และกระซิบว่า...” กฤติกาทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ แล้วยังจะผุดรอยยิ้มที่มุมปากให้แสงกล้าร้อนๆ หนาวๆ เล่น “แกจะทำอะไรยายลูกเจี๊ยบ” “บอก...ไม่บอก แล้วเรื่องอะไรฉันจะบอกแกล่ะ บอกไปก็ไม่เป็นความลับสิ ไม่บอกหรอกย่ะ” หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา นัยน์ตาใสพร่างพราวระยับ ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ อย่างบอกให้รู้ว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ ดูได้จากแก้มนวลเนียนใสที่สีระเรื่อขึ้นป่องออก “แกเก่งไม่ใช่เหรอ เดาเอาเองสิ” ความจริงเธอยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แค่ขู่เอาไว้ก่อนเท่านั้นเองแหละ “บอกมานะแก ไม่งั้นฉันไม่พาแกกลับนะโว้ย” กฤติกาหน้ามุ่ยเมื่อผู้เป็นเพื่อนเล่นมุกนี้ จะทำไงได้ก็เธอดันขอติดรถอีตาผิวหมึกนี่มาซะด้วย หญิงสาวกลอกตาไปมากอย่างคนคิดหนัก “อ๊ะ...ฉันบอกแกก็ได้ จะทำอะไร แกเอาหูมาใกล้ๆ สิ จะได้บอกเสียงดังๆ ฟังชัดๆ ” คิดว่าเธอจะแพ้ง่ายๆ งั้นหรือ หึ...คิดผิดเสียแล้วไอ้เพื่อนเกลอ “แกมีแผนอะไรหรือเปล่ายายลูกเจี๊ยบ” จะไม่ให้เขาถามอยางนี้ได้ยังไง ก็ดวงตายายเพื่อนตัวแสบมันเปล่งประกายพร่างพราวระยับเหลือเกินนี่น่า ต้องหาเรื่องคิดแกล้งเขาอยู่แน่ ๆ “เปล๊า” กฤติกาตอบปฏิเสธเสียงสูงลิ่ว สะบัดศีรษะจนเส้นผมกระจาย แถมฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดเรียบตัวกันอย่างเป็นระเบียบ หลุบตาเล็กน้อยปิดบังความเจ้าเล่ห์ไม่ให้เพื่อนหนุ่มได้เห็น “แล้วแกจะฟังไหมล่ะ ถ้าฟังก็เข้ามาใกล้ๆ ซะดีๆ ” แสงกล้าตกหลุมอย่างง่ายดาย ร่างสูงแกร่งเดินเข้าหาเพื่อนสาว ซึ่งโยกมือขึ้นโอบรอบบ่ากว้างให้เขาย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนแม่ลูกไก่ตัวจิ๋วจะจับหูและ... “ยายลูกเจี๊ยบ” แสงกล้าร้องเสียงดังลั่นหลังจากหายมึน เพราะยายเพื่อนตัวดีดันแกล้งตะโกนใส่หูเขา ก่อนวิ่งไปยืนไกลๆ พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นจนเขาต้องหัวเราะตาม “มาให้ฉันเตะแกซะดีๆ ยายลูกเจี๊ยบตัวแสบ” “กิ้วๆ แน่จริงแกก็ตามให้ทันสิ” ถ้าเป็นไปได้กฤติกาแทบจะฉีกปาก ลอยหน้าลอยตายั่ว พร้อมหันหลังให้สะบัดสะโพกส่ายไปมาอีกด้วย แต่เพราะไม่ได้อยู่กันในกลุ่มเพื่อนฝูง เลยทำได้แค่เพียงก้าวลิ่วๆ ออกไปจากอาคารสนามบินโดยไม่มองว่าผู้เป็นเพื่อนไม่ได้เดินตามมาด้วย จะด้วยเหตุบังเอิญหรือความเฟอะฟะของสาวเจ้าเลยเกิดมีอุบัติเหตุเล็กๆ ขึ้น! ปึก!! “อุ๊ย!!” กฤติการ้องอุทานเบาๆ เพราะตกใจ เมื่อการหยอกล้อของเธอกับเพื่อนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ด้วยขาไพล่ไปสะดุดเข้ากับกระเป๋าใบย่อม ที่วางแอบไว้หรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้ร่างเพรียวบางเซถลาไปซนเข้ากับอะไรบางอย่างที่คงไม่ใช่ผนัง เพราะขณะชนแรงปะทะทำให้เธอกระเด็นกระดอนถอยมาด้านหลังนั้นไม่ได้แข็งกระด้าง ก่อนจะมีแขนสอดมาโอบรัดร่างช่วยประคองไม่ให้ล้มหงายไปด้านหลัง ก้นกระแทกพื้นให้อับอายผู้คนที่เดินผ่านไปมา อื้อฮือ...อีตานี่ท่าจะสำอางใช่เล่น ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นหระหรือ ก็กลิ่นกายที่สะอาดสะอ้านบวกกับกลิ่นโคโลญจ์หอมๆ ที่ลอยมาแตะจมูก หอมจนต้องสูดกลิ่นซ้ำนะสิ “จะยืนซบอีกนานไหม” คนถามคลายแขนออกเมื่อเห็นว่าคนชนสามารถยืนตั้งหลักได้แล้ว อารมณ์วาบหวามและจินตนาการที่ลอยบรรเจิดอยู่ถูกสายลมพัดลอยไปไกล ด้วยน้ำเสียงห้าวเข้มและดุกร้าว ราวกับฟ้าผ่าดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ‘แหม...ขี้เหนียวชะมัด ขอซบหน่อยก็ไม่ได้’ ชิ...จมูกเล็กโด่งได้รูปยู่ย่น แบะกลีบปากอิ่มเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิด แล้วถ้าเธอได้ยินความคิดของคนตัวใหญ่ที่เอนอิงตัวซบอยู่ คงจะไม่เพียงแค่หงุดหงิด แต่จะร้อนรุ่มไปทั้งทรวง พ่วงด้วยเพลิงโทสะที่แผ่ซ่านไปทั่วกายเชียวล่ะ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD