Last from the heart 2 : ถล่มบ่อน

1907 Words
เสียงเนื้อกระทบกันไม่มีท่าทีจะพัก ความเร่าร้อนปกคลุมทั่วห้อง ร่างเปล่าเปลื่อยของหญิงสาวกับชายหนุ่มรูปงามที่กำลังทำกิจกรรมบนเตียงเพื่อสนองความต้องการของตนเอง "อ้ะ เจได " หญิงสาวที่ครางไม่เป็นภาษา แต่ต้องผิดหวังเมื่อเธอกำลังทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจอย่างมาก "ฉันบอกว่าไม่ให้เรียกชื่อฉันไง" "จีจี้ขอโทษค่ะ อ๊าห์" และนี่คือกฎของผมที่คู่นอนทุกคนจะต้องรู้ หนึ่ง ห้ามเรียกชื่อผมตอนอยู่บนเตียง สอง ห้ามแสดงความเป็นเจ้าของ และสามถ้าผมไม่เรียกใช้ก็อย่าเสนอหน้ามา "ไม่ได้เรื่อง ออกไปได้แล้ว" ผมวางเงินก้อนหนึ่งให้เธอก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป "นายครับ มีเรื่องเกิดขึ้นข้างล่างครับ" ผมขมวดคิ้วมองหน้าลูกน้องตัวเอง ไม่เคยมีใครมีปัญหาที่บ่อนของผม หึ แปลว่าไม่รู้เสียแล้วว่าจุดจบของคนที่ก่อความไม่สงบที่บ่อนของผมมันเป็นยังไง ผมเดินลงไปข้างล่างก่อนจะเห็นผู้หญิงกับผู้ชายทะเลาะกันอยู่ เคร้ง!! เสียงข้าวของบนโต๊ะตกกระจายเกลื่อนพื้น มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบเอามาก "เธอโกงฉัน" "ฉันไปโกงคุณตอนไหนไม่ทราบ หมดตัวแล้วอย่ามาพาลนะเว้ย ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงแต่ก็สู้คนนะ" "นี่เธอ" "ลองดูไหมล่ะ ตบมาฉันต่อยกลับ" ผมส่ายหน้าก่อนจะให้ลูกน้องไปจับตัวสองคนนั้นตามไปข้างบน เห็นแล้วต้องคุยกันหน่อย ฉันนั่งไขว้ห้างมองผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะมีผู้ชายชุดดำคนหนึ่งยื่นกระดาษมาให้ฉัน มันคือกระดาษที่มีตัวเลขหลักแสน "อะไร" "มันคือค่าเสียหายที่คุณต้องชดใช้ให้เรา คุณทำโต๊ะบ่อนราคาหลักหมื่นพังและอย่างอื่นอีกมากมาย" นี่มันอะไรกันเนี่ย "แล้วทำไมฉันต้องจ่ายคนเดียว" "ผู้ชายที่คุณโกงเขาไม่ผิดครับ" ฉันขบกรามแน่นก่อนจะลุกยืนขึ้น "ฉันไม่จ่าย" พูดจบฉันก็เดินไปที่ประตูทางออกแต่ต้องชะงักเมื่อมีคนเดินมาขวางทาง ฉันเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วเพราะรู้สึกคุ้นหน้า อ้อ คิดออกแล้ว ย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้ว...... ณ ประเทศญี่ปุ่น ฉันได้ไปเที่ยวกับพวกพี่ๆในคณะแบบไปฟรีกินฟรีประมาณนั้น ฉันเดินเอาของไปไว้ที่ห้องพักก่อนจะลงไปกินข้าวกับพวกรุ่นพี่ "โซ่เพื่อนรัก ฉันจะกินอะไรดี แม่งอาหารแต่ละอย่างโคตรแพง" ฉันกระซิบถามโช่เพื่อนรักเมื่อเห็นเมนูที่แทบจะพาฉันกินเกลือทั้งปี "อย่าลืมว่ากินฟรี" ใช่ ฉันมาเที่ยวฟรีนี่ แต่ยังไงก็เกรงใจเจ้าภาพอยู่ดี ฉันเลือกสั่งอาหารที่ถูกที่สุด แต่มันกลับทำให้ฉันกินไม่อิ่ม ก็ดูสิ ตักสองคำก็หมดแล้วจะอิ่มได้ยังไง ตกดึกหลังจากแยกย้ายกันเข้านอน ฉันก็เดินคอตกเข้าห้องทันที ท้องก็ร้องประท้วงไม่หยุด แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงฉันก็ยังนอนไม่หลับ เพราะอาการหิวกำเริบ ฉันไม่น่าเห็นแก่ของฟรีเลย นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทว่า ฉันกลับสะดุ้งลืมเต็มตาเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆข้างๆห้อง ฉันพยายามหลับตาสุดท้ายก็ไม่หลับเพราะมันมีเสียงที่ดังจากห้องข้างๆซึ่งเป็นห้องใครก็ไม่รู้  แล้วฉันก็ไม่ได้ใสซื่อขนาดไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร ฟู้!! ฉันพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง แต่สุดท้ายขามันก็ก้าวมายืนอยู่หน้าห้องนั้นแล้ว ก๊อก! ก๊อก! ฉันเลือกที่จะเคาะประตู ก่อนที่จะมีผู้ชายที่เปลือยท่อนบนมาเปิด "คนไทยปะ" ฉันเลือกที่จะถามเป็นภาษาไทยเพราะฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนไทย "ใช่ เธอเป็นใคร" ผู้ชายรูปร่างสูงหน้าตาดีคนหนึ่งจ้องมองฉันเหมือนอยากจะฆ่าฉันที่เข้าไปขัดจังหวะของเขา "ฉันเป็นใครไม่สำคัญ แต่ฉันนอนไม่หลับเพราะการทำกิจกรรมของพวกนาย" ฉันกอดอกพร้อมกับเชิดหน้ามอง "ก็ไปนอนที่อื่นสิ" ให้ตายสิ เป็นผู้ชายที่ตอบมาอย่างหน้านิ่งที่สุด "เจไดใครมาเหรอคะ" ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างไม่อายฟ้าอายดิน อย่างน้อยก็ควรอายฉันบ้างนะ "อ้อ ชื่อเจไดนี่เอง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงประเทศนี้จะไม่ได้กีดกันเรื่องพวกนี้ แต่ในฐานะเพื่อนร่วมโลกก็ควรเกรงใจกันหน่อยนะ" "หึ ที่เดินมาเคาะประตูห้องฉัน เพราะอยากเรียกร้องความสนใจใช่ไหม จริงๆเธออยาก........." ฉันเผยยิ้มทันที "ใช่ ฉันอยาก อยากทำให้เท้าของฉันหายคัน" ผลัวะ!! "อ้ะ ยัยบ้าเอ้ย" ฉันเตะไปที่หว่างขานายเจได ก่อนจะเดินออกทันที อีกฝ่ายส่งเสียงร้องเจ็บปวดทรมารไม่น้อย "เจ็บมากไหมคะ" "อย่าให้ฉันได้เจอ ไม่งั้นฉันเอาเธอตายแน่" ​ "เธอเป็นลูกหนี้ของฉันงั้นเหรอ" อ่า ให้ตายสิ นรกแม่งไม่ยุติธรรม ทำไมต้องให้ฉันมาเจอผู้ชายหื่นกามอย่างนายเจไดด้วย "หึ นายเองเหรอที่เป็นเจ้าหนี้ของฉัน" ฉันกอดอกก่อนจะเลิกคิ้วถาม "ฉันถามให้เธอตอบ" "ฉันก็ถามให้นายตอบ" "นี่เธอ" นายเจไดชี้หน้าฉันพร้อมกับขบกรามแน่น "อะไร นายเจไดผู้ชายปากปีจอ" "หึ เอาตัวยัยนี่ไปที่ห้อง" ฉันเบิกตากว้างเมื่อลูกน้องของเขาเดินมาจับฉันให้เดินไปที่ห้อง "เฮ้ จับตัวผู้หญิงแบบนี้มันไม่แมนเลยนะ มีอะไรก็พูดกันดีๆ"  ว่าแต่ไอ้โช่หายไปไหน ทำไมไม่มาช่วยฉัน พรึบ!! และฉันต้องหยุดดิ้นเดินเข้าห้องอย่างเรียบร้อยเมื่อมีปืนจี้ที่เอว "โถ่ พี่ชายแค่นี้ก็ต้องขู่" ปัง!! พอผู้ชายชุดดำพลักฉันเข้ามาในห้องนอนแล้ว ย้ำว่าห้องนอน ก่อนจะเดินออกไป ไม่นานก็มีผู้ชายที่เป็นเจ้าของห้องเดินเข้ามา ความหวาดระแวงเริ่มก่อตัวขึ้นเพราะผู้ชายตรงหน้ามันไว้ใจไม่ได้ "ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีก เธอชื่ออะไร" ฉันก้าวถอยหลังเรื่อยๆเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ "นี่ ถ้านายเดินเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันไม่รับปากนะว่าน้องชายนายจะปลอดภัย"  และเป็นผลกับคำขู่ นายเจได้หยุดเดินก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงนอน "งั้นก็ตอบคำถามมา" "ฉันชื่อเมเบล เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษมาก" ฉันเชิดหน้าตอบซึ่งทำให้นายเจไดยกยิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร" ฉันพยักหน้าตอบ ก็นายเจไดผู้ชายปากปีจอ แถมยังหื่นกาม มั่วผู้หญิงไปทั่ว ดูรวมๆแล้วบอกได้คำเดียว เลว.. "ดี งั้นก็ขอให้รู้ไว้ ต่อจากนี้เธอจะต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด" Fuck!! โอ้ยชีวิตฉัน ทำไมต้องซวยขนาดนี้เนี่ย งานก็ทำไม่สำเร็จแถมต้องเป็นหนี้นายเจไดอีก "ฉันก็ไม่ได้ผิดคนเดียวเสียหน่อย ฉันไม่ยอมจ่ายคนเดียวแน่" พูดจบฉันก็ทำท่าจะเดินออกจากห้อง หมับ!! แต่ต้องชะงักเมื่อแขนฉันถูกคว้าไว้ "งั้นก็ไปโรงพัก" ฮะ ไม่ได้นะ ถ้าฉันไปโรงพักชีวิตฉันจบแน่ จ่าแช่มยิ่งต้องการตัวฉันอยู่ด้วย ชีวิตไอ้เบลต้องเข้าออกโรงพักเป็นว่าเล่นไม่ได้นะ "งั้นก็ได้ ฉันจะใช้หนี้ แต่ขอผ่อนจ่ายได้ไหม เดือนละสองพัน" ฉันยิ้มเจือนๆพร้อมชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว เงินเป็นแสนฉันจะหามาจากไหนล่ะ "ได้ แต่ดอกเบี้ยร้อยละ 20 " เดี๋ยวนะ ดอกเบี้ยเผื่อจ่ายยันลูกบวชเลยหรือไง โหดกว่าเงินกู้นอกระบบอีก "นายจะบ้าเหรอ ทำไมมันแพงแบบนี้ล่ะ อีกอย่างนายรวยจะตาย หยวนๆให้กันหน่อยไม่ได้เหรอ" "อย่ามาแสดงละครแถวนี้ เธอต้องจ่ายเงินให้ฉันภายในสองเดือนทั้งต้นทั้งดอก" พรึบ!! ฉันล้มลงกับพื้นทันที "เงินหลักแสนแถมให้จ่ายภายในสองเดือน นายมันเจ้าหนี้หน้าเลือดชัดๆ ชีวิตฉันกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่ฉันเกิดมาลืมตาดูโลก แถมฐานะทางบ้านก็หาเช้ากินค่ำอีก ทุกวันนี้ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตไม่รู้ว่าจะอดตายวันไหน" แถเข้าไป จริงแล้วพ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด แถมยังมีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย "เธอทำอะไรของเธอ" ฉันเข้าไปกอดขานายเจได้พร้อมกับบีบน้ำตาแห่งความสงสารออกมา "ฉันสอบชิงทุนได้มาเรียนมหาลัยดีๆ และก็ต้องหาเงินส่งไปที่บ้านอีก นายไม่สงสารผู้หญิงตาดำๆอย่างฉันบ้างเหรอ" อันนี้ฉันพูดเรื่องจริง "ไหนเธอบอกว่าเป็นเด็กกำพร้า แล้วทำไมต้องส่งเงินไปที่บ้าน" ใช่ ฉันต้องเปลี่ยนบท "ย่าไง ฉันอยู่กับย่าสองคน ตอนนี้ย่าก็ทำงานไม่ได้แล้ว ฉันต้องคอยส่งเงินไปให้"  เปล่าเลย ย่าฉันทำน้ำเต้าหู้ขายที่ตลาดทุกเช้าโน้น ก๊อก!! ก๊อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะมีผู้ชายใส่ชุดดำพร้อมกับไอ้โช่เดินเข้ามา "นายครับ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น" พรึบ!!! ขณะที่ฉันจ้องตาลูกน้องนายเจได จู่ๆความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นของฉันทำให้ฉันเห็นภาพผู้ชายคนนั้นฆ่าตัวตาย "เฮือก" พอภาพหายไป ฉันก็รีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทันที มันคืออาการข้างเคียงเมื่อฉันเห็นภาพเหตุการณ์ล่วงหน้า "ไอ้เบล" "นี่เธอ อย่ามาตายในห้องฉันนะ" หมับ!! ไอ้โช่วิ่งมาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้น "พี่คะ พี่จะทำแบบนั้นพี่คิดดีแล้วเหรอคะ มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลย" "เธอพูดเรื่องอะไร" ฉันหันไปมองนายเจไดก่อนจะหันไปมองลูกน้องของเขาที่มีสีหน้าตกใจ "ฆ่าตัวตายมันบาปนะคะ" จบคำพูดของฉันผู้ชายตรงหน้าก็ก้าวถอยหลังทันที "อ้ะ ไอ้เบลแกพูดเพ้อเจออะไรอีกวะ เอ่อ อย่าถือสาเพื่อนผมเลยนะครับ มันก็บ้าๆบอๆแบบนี้แหละ"  ใช่ฉันบ้า ฉันบ้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเคราะห์กรรมของคนอื่น แต่มันก็คือวิธีเดียวที่ฉันสามารถช่วยเขาได้ "เอ่อ คือ ฉันพูดเล่นค่ะ ทำท่าทางตกเชียว ขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจ"  พูดจบฉันก็หันไปหานายเจไดทันที "ส่วนเรื่องใช้หนี้ฉันเคารพการตัดสินใจของนาย แต่เงินหลักแสนฉันหามาคืนภายในสองเดือนไม่ได้หรอกนะ" "ได้ งั้นเธอมาทำงานที่บ่อนฉันเป็นการจ่ายหนี้ อ้อ แล้วถ้าเธอทำให้ฉันไม่พอใจ หนี้ของเธอก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" มันคงเป็นทางเลือกสุดท้ายของฉันแล้วแหละ "ฉันตกลง งั้นฉันขอตัว"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD