Last from the heart 6 : เมินเฉย

2017 Words
2 วันต่อมา........... วันออกจากโรงพยาบาล ​เฮ้อ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับหลับตาสูดเอาอากาศอย่างมีความสุข ตั้งแต่เกิดเหตุในวันนั้นฉันไม่ได้เจอหน้านายเจไดเลย รู้แค่ว่าเขาเป็นคนจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ คนอะไรใจดำชะมัดไม่มาเยี่ยมกันสักนิดเลย แต่พีคกว่านั้นคนที่ต้องตายไม่ใช่นายเจไดแต่เป็นคนขับรถสิบล้อ ถึงฉันไม่ได้ไปช่วยสุดท้ายนายเจไดก็รอด ถ้าคนที่ตายเป็นนายเจได ถึงฉันไปช่วยยังไงฉันกับนายนั่นก็ไม่รอด และนี่แหละคือเหตุผลที่ฉันได้กลับมา "ยืนเหมือนคนได้ออกจากคุกอยู่ได้ ขึ้นรถได้แล้ว" ขวับ!! ฉันหันไปมองโซ่เพื่อนรักก่อนจะแยกเขี้ยวใส่มัน "เออ บ่นจัง" ปัง!! ฉันปิดประตูรถจนเจ้าของรถหันมาแควะ "แกนี่จริงๆเลย" ฉันกอดอกก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อรู้สึกสงสัยอะไรสักอย่าง "อินดี้ไปส่งย่าใช่ไหม" โซ่พยักหน้าก่อนจะหันมามองฉันเป็นระยะๆ "เป็นไรอ่ะ" "แกเคยกลัวตัวเองบ้างไหม ก็แบบว่าแกรู้อนาคตแถมยังใส่ดำห่มดำแบบนี้อีก อย่างกับยมทูต" ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองเสื้อผ้าตัวเอง ฉันชอบใส่เสื้อผ้าสีดำมันรู้สึกว่าเงียบสงบดี "ฉันจะกลัวตัวเองทำไมวะ อีกอย่างฉันก็ชอบสีดำ" "ถามจริงแกเคยใส่เสื้อผ้าสีอื่นนอกจากสีดำปะ " ฉันเม้มปากแน่นพลางใช้ความคิด "เคย ก็ชุดนักศึกษากับชุดช็อปไง" อ้อ แล้วก็ชุดพนักงานของบ่อนนายเจไดด้วย แต่ไม่บอกมันดีกว่า "วิปลาส" ฉันขมวดคิ้วเหมือนได้ยินมันพูดอะไรสักอย่างแต่ฟังไม่ชัด "อะไรนะ" "เปล่านี่" ฉันเบะปากให้มัน ว่าแต่นายเจไดหายไปไหนนะ แล้วฉันจะไปคิดถึงนายนั่นทำไมเนี่ย เช้าวันต่อมา... ฉันและเพื่อนๆนั่งอยู่ที่ลานเกียร์โดยในกลุ่มมีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว วันนี้เปิดเทอมวันแรกมันจะว่างๆนิดหนึ่งเพราะอาจารย์ยังไม่สอน มันจึงทำให้พวกฉันมีเวลานั่งเล่นกีตาร์ที่ลานเกียร์ "ไอ้เบล น้องคนนั้นสวยว่ะ มึงร้องเพลงจีบดิ" ฉันหันไปตามที่ไอ้โซ่บอกก่อนจะวิ่งขึ้นบนโต๊ะพร้อมส่งสัญญาณให้ไอ้จินมือกีต้าร์ของเราซึ่งเป็นเพื่อนในห้องเดียวกัน ตึง!!! ตึง!!!   เสียงกีต้าร์ดังขึ้นก่อนที่ฉันจะลุกร้องเพลงพร้อมกับกอดคอไอ้โซ่เมื่อน้องปีหนึ่งคนที่ไอ้โซ่บอกว่าสวยเดินเข้ามา ****อานุภาพร้ายแรง คำแพงเจ้าฮู้บ่ ความงามของเจ้านี่น้อ มีผลต่อใจของอ้ายอิหลี ฉันร้องเพลงไปตามจังหวะของดนตรี "เพลงอะไรของมึงวะ"  เพื่อนอีกคนพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะหัวเราะ "เพลงจีบสาวไงวะ เด็กนอกอย่างแกไม่เคยฟังอ่ะดิ" เพลงลูกทุ่งอินดี้ดังจะตาย "นั่นใช่พี่เจไดปะ มาคณะเราทำไมวะ"  ฮะ นายเจได ฉันหันไปมองที่โรงหารก่อนจะพบผู้ชายสี่คนยืนมองมาที่พวกเราอยู่ ขาทั้งสองข้างของฉันรีบกระโดดลงจากโต๊ะก่อนจะนั่งลงอย่างเรียบร้อย นายนั่นต้องเห็นฉันร้องเพลงแน่ๆเลย โอ้ย ให้ตายสิ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุในวันนั้นผมก็มัวแต่ยุ่งกับการเคลียร์อะไรหลายๆอย่าง เลยไม่สามารถได้ขอบใจเด็กนั่นที่ช่วยชีวิตผม "คณะบริหารก็มีโรงอาหารเปล่าวะ ทำไมมึงต้องถ่อมาถึงที่นี่ด้วย" "ใช่ มึงดูดิผู้หญิงก็ไม่มีให้กูมอง แถมมีแต่พวกหน้าตาเถื่อนๆมองพวกเราอีก" "เฮ้ย แต่กูว่ามีอยู่คนหนึ่ง ถึงจะแมนไปหน่อยแต่กูว่าน่ารักดีว่ะ" ผมหันไปมองตามไอ้คุณก่อนจะพบผู้หญิงตัวเล็กๆที่นั่งท่ามกลางผู้ชายจำนวนมาก ก่อนที่จะลุกร้องเพลง "หึ" ผมกอดอกยืนมองก่อนจะลุดหัวเราะออกมา "มึงขำอะไรวะ" ผมหันไปมองไอ้เตอร์ก่อนจะเลิกคิ้ว "เปล่า กูเปลี่ยนใจแล้ว ไปที่โต๊ะนั้นกัน" พูดจบผมก็เดินไปหายัยเด็กทอมนั่นทันที "ว่าแต่กูรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ" "เมเบล" ไอ้เตอร์กับไอ้คุณรวมทั้งผมหันไปมองไอ้ออกัสทันที สายตาที่มันมองเด็กนั่นมันแปลกๆ ปกติมันจะไม่สนใจหรือแม้จะจำชื่อผู้หญิง ขนาดคู่นอนของมันมันไม่เคยรู้จักชื่อคู่นอนตัวเองด้วยซ้ำ "เดี่ยวนะ อย่าบอกว่ามึงสนใจ..." เสียงไอ้เตอร์ดังขึ้นก่อนที่ไอ้กัสมันจะยกยิ้ม จู่ๆ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ก่อนจะเดินไปหาเมเบลทันที ฉันลุกลี้ลุกลนเมื่อนายเจไดพร้อมเพื่อนๆของเขากำลังเดินมาที่ลานเกียร์ ก่อนจะที่ฉันจะหลุดหัวเราะเมื่อนายเจไดเดินสะดุดลานเกียร์ จนทำให้คนที่อยู่แถวลานเกียร์หันไปมองแต่กลับไม่มีคนกล้าหัวเราะ "เดินสะดุดลานเกียร์ ระวังจะได้แฟนวิศวะน่ะจ้ะ " เสียงฉันดังขึ้นทำให้ทุกคนหันมามองฉันโดยเฉพาะสายตาดุๆของนายเจได "ไอ้เบล" ฉันเลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองไอ้โซ่เป็นเชิงถาม ว่าเรียกทำไม แต่สายตาดุๆของไอ้โซ่มันทำให้ฉันรู้ทันทีว่าไม่ควรเล่น แล้วจะทำไม ในเมื่อฉันไม่ชอบขี้หน้านายนั่น นายเจ้าหนี้หน้าเลือด "เมื่อกี้เธอหัวเราะใคร" ฉันเลิกคิ้วก่อนจะยืนกอดอก "ก็หัวเราะนายไง นายเจไดคนใจดำ ขนาดฉันช่วยชีวิตยังไม่คิดจะ...." "ขอบใจ" ไม่ทันได้พูดจบประโยคที่ฉันอยากได้ยินก็ดังขึ้นมา ซึ่งมันทำให้ฉันอึ้ง "ฮะ" "ฉันมาเพื่อขอบใจที่เธอช่วยฉันในวันนั้น" ฉันเลิกคิ้วพร้อมกับมองไปรอบๆก่อนจะพบเด็กปีหนึ่งที่หันมองมาที่พวกเรา แต่สายตาไม่ได้มองที่ฉันนะสิ แต่มองไปที่คนตรงหน้า ไม่รอช้าฉันเดินไปหยิบโทรโข่งก่อนจะยกจ่อที่ปาก "ปีหนึ่ง มารวมตัวกันที่ลานเกียร์ จะให้เวลาพวกคุณห้านาที วันนี้มีเรื่องจะชี้แจง" ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนจะมองพวกไอ้โซ่ พวกเรามีหน้าที่เป็นว้ากในปีนี้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำหน้าที่นั้นแล้ว "ฉันคุยกับเธออยู่นะ" ฉันหันไปมองนายเจไดก่อนจะละสายตาไปมองออกัส "พี่ออกัส สบายดีไหมคะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน" ร่างสูงที่โดนฉันถามพยักหน้าให้ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ "ครับ พี่สบายดี" "เย็นนี้ว่างหรือเปล่า เบลอยากจะเลี้ยงข้าวที่ทำให้พี่เสียเวลาตอนคืนนั้น พวกพี่ๆสองคน แล้วก็นายด้วย" นายเจไดขบกรามแน่นมองฉัน "พวกพี่ว่าง งั้นเดี๋ยวพวกพี่นั่งรอตรงนี้แล้วกัน"  ฉันยิ้มให้พี่เตอร์ก่อนจะมองหน้านายเจไดที่กำลังแค้นฉันอยู่ เป็นไงล่ะ ความรู้สึกของคนที่ถูกเมิน 18:00 น. ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านอาหารอีสานโดยโต๊ะของอาหารตรงข้ามฉันจะเป็นออกัส พี่เตอร์กับพี่คุณนั่งตรงข้ามนายเจได เพราะนายเจไดนั่งข้างฉัน "ทานอะไรสั่งเลยค่ะ รับรองร้านนี้อร่อยมากๆ" ฉันยกยิ้มมุมปากมองหนุ่มไฮโซที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย ฉันคิดว่าพวกเขาต้องไม่เคยลองร้านอาหารข้างทางแน่ๆ "เอ่อ คือ...พวกพี่ไม่เคยเข้าร้านแบบนี้" ว่าแล้วเชียว แต่ไม่เป็นไรเมเบลคนนี้จัดให้ "ป้าคะ มีเมนูกี่อย่างจัดมาเลยค่ะ" หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ไม่นานอาหารก็ทะยอยมาเสิร์ฟ "ทานเลยค่ะ อร่อยกว่าอาหารที่พวกพี่เคยทานด้วยซ้ำ" "อะไร" หลังจากที่ฉันตักส้มตำปูปลาร้าให้นายเจได เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเป็นเชิงถาม "ส้มตำ อย่าบอกว่าไม่รู้จัก" "รู้ แต่ฉันไม่ชอบ" เรื่องมากจริงๆ "ส้มตำอร่อยมากเลย มาร้านนี้บ่อยเหรอครับ"  ฉันพยักหน้าตอบออกัสก่อนจะตักลาบหมูน้ำตกให้ "ลองดูค่ะ ร้านนี้เบลมาประจำ อีกอย่างเบลชอบส้มตำร้านนี้สุดๆ" "เอ้า ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบกินส้มตำ แล้วที่แดกอยู่นั่นอะไรวะ" ฉันหันไปมองคนข้างๆที่กำลังเคี้ยวส้มตำก่อนที่หน้าขาวๆจะเริ่มมีสีแดง "เออ มึงไม่กินเผ็ดไม่ใช่เหรอไอ้เจ" ฮะ หมอนี่ไม่กินเผ็ดแต่กำลังกินส้มตำอยู่เนี่ยนะ มือหนาคว้าแก้วน้ำฉันไปดื่มต่อหน้าต่อตา ท่าทางจะเผ็ดไม่น้อย ไม่รอช้าฉันลุกไปเปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบนมมาให้ "รู้ว่ากินเผ็ดไม่ได้ ทำไมต้องฝืนตัวเองด้วย" "นั่นดิ ช่วงนี้มึงทำตัวแปลกๆนะ" พี่คุณเสริมขึ้นทำให้นายเจไดลุกออกจากร้านทันที งอนเป็นตุ๊ดเลย "มันคงเหนื่อยหลังจากจัดการเรื่องอุบัติเหตุในวันนั้น" "หมายความว่าไงคะ" "อ้าว มันยังไม่บอกเหรอ ว่าที่มันไม่ได้ไปเยี่ยมก็เพราะว่ามัวแต่ยุ่งกับเรื่องคดีความ" จบคำพูดของออกัสก็ทำให้ฉันรู้ตัวว่าฉันกำลังเข้าใจนายนั่นผิด "เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง" ออกัสพูดขึ้นก่อนจะลุกไปจ่ายเงิน พวกเราเดินออกจากร้านก่อนจะพบรถหรูของเจไดจอดอยู่แต่ไม่พบเจ้าของ "พวกพี่ๆกลับเถอะ พอดีเบลมีธุระต้องไปทำต่อ" "โอเค งั้นกลับดีๆล่ะ" หลังจากรถหรูสองคันขับออกจากร้านฉันก็เดินตามหาเจ้าของรถหรู ก่อนจะพบว่าเขากำลังนั่งอยู่ใต้ร่มไม้พร้อมกับกลิ่นบุหรี่ลอยมา "ขอบ้างดิ" ฉันเดินไปนั่งข้างๆ ก่อนจะแบมือของบุหรี่ เหม็นก็เหม็นสูบได้ไง พรึบ!! จู่ๆ บุหรี่ก็ถูกทิ้งลงกับพื้นก่อนที่เขาจะใช้เท้าขยี้ "ตามมาทำไม" ฉันเม้มปากแน่น "ฉันขอโทษที่ทำเป็นเมินนาย" "....." เมื่อนายเจไดเงียบ ฉันก็คุกเข่าก่อนจะทำท่าคารวะเหมือนหนังจีน "ศิษย์น้องผิดไปแล้ว โปรดให้อภัยศิษย์น้องคนนี้เถอะ" "หึ เธอเล่นอะไรของเธอ" เสียหัวเราะดังขึ้นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนที่ฉันจะสบตากับดวงตาสีนิลของคนตรงหน้า บรรยากาศเงียบลงทันที ใบหน้าหล่อๆค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ๆ ทำให้ฉันหายใจติดขัดทันที อย่าบอกนะว่าเขากำลังจูบฉัน "เป็นอะไรแล้วเมื่อไหร่เธอจะกลับบ้าน" "ฮะ อ้อ กลับเดี๋ยวนี้แหละ" ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะลุกเดินไปที่ร้านอาหารอีกครั้ง โอ้ย คิดบ้าอะไรของแกเนี่ย "ป้าหมูน้ำตกถุงหนึ่ง แล้วก็ข้าวเหนียวส้มตำค่ะ" พอดีฉันกินข้าวอิ่มแล้ว ก็เลยซื้อไปฝากอินดี้ที่รอฉันอยู่ที่บ้าน เห็นว่าช่วงนี้เรียนหนักเลยไม่ค่อยมีเวลากินข้าว ในฐานะที่ฉันเป็นพี่ถึงจะไม่ใช่พี่แท้ๆ แต่เราก็อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เราต้องดูแลกัน ระหว่างที่ฉันรออาหารที่สั่งก็พบว่านายเจไดเดินเข้ามาในร้านก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน "มีอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่กลับอีก" "ฉันไปส่ง" ผีเข้าหรือไง "อ้อ ไม่เป็นไร ฉันมีคนมารับ" "กลับกันเถอะ ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว" เสียงอินดี้ดังขึ้นก่อนจะเดินมาช่วยฉันถืออาหาร ซึ่งทำให้นายเจไดมองมาที่พวกเราสองคนในสายตาแปลกๆ ปนความสงสัยและความเย็นชา "ฉันกลับก่อนนะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD