1-2 สิ้นวาสนา

1599 Words
“ดูแล้วอาการของนางยังไม่ดีขึ้นร่างกายอ่อนแอเกินไปอาจจะไม่สามารถต้านทานพิษ หากผ่านคืนนี้ไปไม่ได้นางอาจไม่รอด เจ้าอย่ากังวลกับนางจนเกินไปทุกอย่างย่อมเป็นไปตามวิถีของธรรมชาติ เจ้าดูแลนางให้ดีก็แล้วกัน ถ้านางสิ้นวาสนาเมื่อนางจากไปพวกเราก็จะจัดพิธีให้นาง จำไว้ไม่ต้องเป็นทุกข์ มีเกิดย่อมมีดับมีอยู่คู่กัน หากไม่ดับก็ไม่เกิด” เหลือเพียงจิ่วเอ๋อร์ในห้องที่อยู่เป็นเพื่อนเด็กสาวที่ไร้วี่แววจะตื่นขึ้นมา จวบจนใกล้อาทิตย์ลับขอบฟ้าลมหายใจของเด็กสาวก็หายไปพร้อมกับแสงตะวันอย่างเงียบเหงา “อาจารย์บอกว่าเจ้าสิ้นวาสนาแล้ว สุดท้ายข้ากับเจ้าไม่มีโอกาสได้รู้จักกัน ข้าหมดโอกาสที่จะมีศิษย์น้องรุ่นราวคราวเดียวกันเสียแล้วต้องอยู่ต่อไปเพียงลำพังกับอาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสในอารามแห่งนี้” จิ่วเอ๋อร์นั่งพิงเตียงอุ่นที่มีร่างไร้ลมหายใจนอนเหยียดยาวไม่ไหวติง นางแสนสงสารร่างเล็กบนเตียงยิ่งนักอายุน้อยกว่าตนเองร่างก็เล็กกว่าซ้ำยังโดดเดี่ยว นางจะต้องจัดพิธีให้อย่างเต็มที่ ฉันตายแล้วสินะ จำได้ว่าหลังจากวูบดับไป ตื่นขึ้นมาก็เดินในทางมืดๆ ไม่มียมฑูตมารับตัวหรือเทพมาปรากฏให้เห็นเหมือนในหนังหรือในนิยาย ตื่นมาก็มานอนในที่แคบๆนี้ ไม่มีเรี่ยวแรงจะยกแขนเลยได้แต่พักเอาแรงแล้วเริ่มเอื้อมมือไปสัมผัสรอบๆ แข็ง เย็น ลื่น ที่นี่ที่ไหน ฉันเริ่มรู้สึกอึดอัด อากาศมีน้อยเกินไปจึงเอื้อมแขนเริ่มเคาะผนังด้านข้างสุดแรง ในความเป็นจริงแทบไม่มีเสียงเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ด้านนอกเสียงคล้ายมีคล้ายไม่มีจนต้องตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก เป็นเสียงพูดเสียงบ่นเบาๆ ด้วยความหวังที่จะรอดฉันจึงพยายามใช้เรียวแรงที่มีเหลืออยู่เคาะต่อไป "ข้ายังคงนั่งเป็นเพื่อนเจ้า ในห้องโถงนี้มีเพียงโลงศพที่หนาวเย็น นี่ข้าจุดเตาไฟจะได้อุ่นขึ้นเจ้าอยู่ลำพังคงเหงาสินะ อาจารย์ทั้งหลายท่านเป็นผู้ถือศีลบำเพ็ญเพียรแทบจะไม่มีความรู้สึกโศกเศร้า ยินดี หรือแม้แต่โกรธ ดังนั้นจึงไม่มีใครเขาสนใจมาที่นี่ ข้าได้แต่จัดเตรียมสิ่งของเซ่นไหว้ให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะอิ่มท้องไม่ต้องหิวโหย" “เจ้ามาจากไหนกันนะ มาเกือบถึงอาราม ข้าก็อุตส่าห์พาอาจารย์ไปช่วยนำเจ้ากลับมารักษา ใยเจ้าไม่แข็งใจไว้ ถ้าเจ้ารอด ก็จะได้มีโอกาสเป็นศิษย์น้องของข้าเชียวนะ น่าเสียดาย…" จิ่วเอ๋อร์รู้สึกเหมือนมีเสียงดังเบาๆ ข้าต้องหูแว่วไปแน่ๆ เหมือนในโลงศพจะมีเสียง จึงแนบหูไปชิด กึก กึก… ด้วยความสงสัยจึงใช้สองแขนผลักฝาโลงศพสุดแรงทำให้แง้มเป็นช่องเล็กๆ พอมองลอดลงไปนางได้เห็นลูกตาสองดวงจ้องมองมา “อ๊า..! ผีหลอก ช่วยด้วย” ด้วยความตกใจกับภาพที่มองเห็นนางส่งเสียงร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะถอยหลังล้มลุกคลุกคลานเมื่อตั้งหลักได้ก็วิ่งออกไปหาอาจารย์ที่ห้อง “อาจารย์ อาจารย์ท่านช่วยจิ่วเอ๋อร์ด้วย ผีหลอก ปีศาจจะจับจิ่วเอ๋อร์กินแล้วแล้ว” เด็กสาวตัวน้อยถลาเข้าไปคุกเข่ามือสองข้ายขยุ้มชายแขนเสื้อของอาจารย์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งยังหอบจนตัวโยนหน้าตาซีดเซียวเหมือนคนขวัญหนีที่ฝ่ามือมีเหงื่อไหลออกมา “เจ้าสงบจิตใจก่อน ที่นี่อารามพุทธ ผีปีศาจอันใดกันตั้งสติหน่อยค่อยๆพูดออกมาให้รู้เรื่อง” เสียงอาจารย์รองเอ่ยออกมาช่วยให้นางสงบลงเล็กน้อย “เมื่อครู่ จิ่วเอ๋อร์เข้าไปนั่งในห้องเก็บโลงศพอยู่เป็นเพื่อนนาง แล้วได้ยินเสียงจากด้านในจึงแนบหูเพื่อฟัง ข้าได้ยินด้วยความสงสัยจึงแอบแง้มฝาโลงดูเล็กน้อย ข้า.. ข้าเห็นดวงตาเพ่งจ้องมองข้า น่ากลัว น่ากลัวมาก ข้าตกใจจึงรีบวิ่งหนีมาที่นี่เจ้าค่ะ” อาจารย์ที่ได้ยินก็พากันลุกขึ้นเดินไปที่ห้องวางโลงศพ “พวกเจ้าช่วยกันยกฝาโลงศพเปิดออก” มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังของประเทศไทย ห้องผ่าตัดชั้นสิบห้ามีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดของโรงพยาบาล วอร์ดด้านนอกเงียบสงบมีเจ้าหน้าที่นั่งทำเอกสารเงียบๆ ประตูกระจกปิดสนิทเข้าไปชั้นในป้ายไฟหน้าห้องผ่าตัดตัวอักษรสีเขียวแสดงสถานะกำลังทำการผ่าตัด วันนี้มีคนไข้เร่งด่วนเข้ามาประสบอุบัติเหตุรถชนได้รับบาดเจ็บรุนแรงทำให้กระดูกคอของคนไข้หักมีโอกาศกดเส้นประสาทและทำให้ระบบประสาทได้รับอันตรายอย่างรุนแรงอาจหยุดหายใจได้ตลอดเวลายังไม่นับรวมถึงผลกระทบหลังการรักษาทำให้หลายโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษาเนื่องจากอุปกรณ์ทางการแพทย์และแพทย์เฉพาะทางไม่เพียงพอคนไข้จึงติดต่อเข้ามารักษาที่นี่ สองชั่วโมงผ่านไป แสงไฟแสดงสถานะดับลงแสดงถึงการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงแล้วประตูล็อคอัตโนมัติเลื่อนเปิดก่อนที่ทีมแพทย์และแพทย์ฝึกหัดเดินตามออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ รวมทั้งบุคคลากรในห้องผ่าตัดไม่นานเตียงของคนไข้ที่นอนนิ่งก็ถูกเข็นออกมาย้ายไปยังห้องพิเศษ(ฉุกเฉิน) ด้านนอกห้องขึ้นป้ายห้ามเยี่ยม/ปลอดเชื้อเอาไว้ อาจารย์แพทย์สาวสวยเดินนำหน้าอย่างกระฉับกระเฉงไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าแม้แต่น้อยกลุ่มแพทย์ฝึกหัดเดินตามกันมาเมื่อมาถึงหน้าแผนกระบบประสาทก็หยุดยืนรวมกัน เริ่มมีเสียงพูดคุยในกลุ่มแพทย์ฝึกหัด อาจารย์สาวสวยเอ่ยเสียงไม่ดังไม่เบาแต่ชัดเจนขึ้นและเมื่อพูดจบก็ก้าวเท้าเตรียมจะกลับเข้าห้องพัก “โอเค วันนี้พวกเธอทุกคนได้สังเกตุการณ์อย่างชัดเจนแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนให้ทุกคนกลับไปพักได้ วันจันทร์ในคลาสให้ส่งสรุปรายละเอียดและบรรยายว่าพวกคุณได้อะไรบ้างในคนไข้นี้ลงในรายงาน” “เอ่อ! อาจารย์ครับตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนวันเสาร์แล้ว พวกผมไม่ไหวแน่ๆ ไม่น่าจะทำรายงานเสร็จทัน อาจารย์เลื่อนเวลาส่งรายงานให้หน่อยได้ไหมครับ” นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งส่งเสียงเพื่อต่อรองขอเลื่อนการส่งรายงานขึ้น ใช่ว่าเขาอยากจะแสดงตัวเป็นจุดเด่นเขาก็ไม่ต้องการให้อาจารย์หมอจำตัวเองได้เหมือนคนอื่นแต่ เพราะถูกบีบบังคับจากสายตาของเพื่อนๆทุกคนที่มองมาอย่างตาเป็นประกายและรอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง “คนป่วยรอได้ไหม พวกคุณเป็นแพทย์ต้องรับผิดชอบมันเป็นหน้าที่ ทุกนาทีต้องพยายามให้เต็มที่ เวลานี้ควรรีบกลับไปพักแล้วเตรียมรายงานส่งในคลาส มีใครมีปัญหาจะถามอีกไหม” “ไม่มีครับ/ค่ะ” นักศึกษาแพทย์แสดงสีหน้าท่าทางเหี่ยวไปตามๆกัน เมื่ออาจารย์กล่าวจบเข้าห้องไปพวกเขาทั้งกลุ่มก็พากันกอดคอบางก็ตบไหล่เพื่อนให้กำลังใจกันและกัน ชวนกันเข้าสู่ชมรมขอบตาดำตามๆ กันไป ฉัน หมอเมย์หรือเมญ่า ลูกครึ่งไทย - จีน อายุเกือบสามสิบในอีกไม่กี่เดือน โปรไฟล์สุดเริ่ด สวย รวย เก่ง แต่โสดสนิททั้งยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง อาชีพแพทย์และอาจารย์แพทย์หรือที่คนอื่นเรียกติดปากว่าอาจารย์หมอยังดีไม่เรียกว่าอาจารย์ใหญ่ มีธุรกิจด้านอาหารเสริมและสมุนไพรเป็นงานรอง งานอดิเรกเป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้ ซ้ำยังพ่วงธุรกิจของปะป๋าที่ชอบแอบหนีไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเวลานานทำให้ไม่มีเวลาหาแฟนใหม่สักทีหลังจากถูกทิ้งเพราะคำว่าคุณเก่งเกินไป คุณฉลาดเกินไป คุณไม่มีเวลา อายุขนาดนี้คงต้องอยู่บนคานทองเสริมเพชรคนเดียว เพื่อนๆที่ร่วมกันสร้างบริษัททำธุรกิจด้วยกันก็หนีไปมีครอบครัวกันหมดดูแลครอบครัวกันจนไม่ได้พบเจอกัน การเข้าไปบริหารงานแทนปะป๋าก็ไม่ราบรื่นต้องค่อยแก้ปัญหาสารพัดจากการเปิดศึกกับน้องชายน้องสาว (ลูกติดของภรรยาใหม่ปะป๋า) ที่แข่งกันแย่งเข้ามาเป็นบอร์ดบริหารถึงแม้จะมีอำนาจส่วนใหญ่ในมือแต่ก็ทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นไม่น้อย เฮ้อ! คิดไปก็เหนื่อยใจเปล่าๆ กลับบ้านไปพักดีกว่า “วันนี้กลับแล้วเหรอคะอาจารย์หมอเมย์” เสียงพยาบาลวัยห้าสิบกว่าๆ ทักขึ้นมาเมื่อฉันเดินผ่านหน้าวอร์ดพยาบาลเวรกลางคืนต่างขะมักเขม้นกับเอกสารตรงหน้า บางก็เตรียมอุปกรณ์พร้อมชาร์ทเพื่อไปตรวจวัดอุณหภูมิตามห้องคนไข้ “ค่ะ พรุ่งนี้ไม่เข้านะคะ รบกวนฝากดูแลคนไข้ห้องพิเศษII ด้วยนะคะคุณพยาบาล (จำชื่อพี่เค้าไม่ได้) ที่พึ่งผ่าตัดล่าสุดเมื่อสักครู่ ห้ามญาติเยี่ยมนะคะให้เปลี่ยนชุดแล้วเยี่ยมจากด้านนอกห้องเท่านั้นอธิบายญาติด้วยนะคะคนไข้จะมีภูมิต้านทานต่ำในช่วงแรกหากติดเชื้อจะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น ขอบคุณมากนะคะ” “ได้ค่ะ อาจารย์”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD