บทที่1.เมื่อนะโมเจอกับเมรี
ตั้งแต่เป็นหนุ่มและมีงานทำเป็นหลักแหล่ง นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่นะโมออกไปเที่ยวกลางคืน เพื่อสังสรรกับเพื่อนร่วมงาน บรรยากาศในสถานบันเทิงเหมือนที่เคยเห็นผ่านตาตามคลิปหรือ ตามสื่อต่างๆ ถึงไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ แต่ก็ขัดเพื่อนไม่ได้ วันนี้เลยจำใจต้องติดสอยห้อยตามเพื่อนๆ มาด้วย
คงเป็นเพราะนะโมเรียนผ่านการบวชด้วยละมั้ง เรื่องทางโลกเลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับหนุ่มโสดอย่างเขา
นะโมมีชื่อว่า นะโม ชื่อสมกับการบวชเรียนจนจบการศึกษาทางธรรมไหมล่ะ เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องลาสิขาออกมาผจญทางโลก
คนรอบตัวชมเสมอว่าเขาหน้าตาดี เขาไม่เคยอวดตัว ชอบถ่อมตัวและสมถะเหมือนสมัยที่ยังครองตนเป็นพระภิษุ สาวๆ หลายคนรวมทั้งเพื่อนร่วมงานทอดสะพานให้จนเป็นเรื่องชินชา... หลังจากตะเวนหางานทำอยู่นานพอควร ในที่สุดเขาก็สมัครงานได้ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง คงเป็นเพราะบารมีหลวงพ่อ เจ้าอาวาสวัดที่เขาบวชเรียนมาหนุนส่งก็เป็นได้ เขาจึงพยายามทำงานให้ดีเพื่อไม่ให้คนฝากฝังพลอยเสียชื่อไปด้วย
เอาล่ะ มาพูดเรื่องประสบการณ์ที่เกิดขึ้นดีกว่า เป็นเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ
One night stand ประสบการณ์ที่ทำให้เขากับเธอกลายเป็นDADDY&MOM จำเป็น
เรื่องมันเกิดขึ้นหลังออกเที่ยวครั้งแรกนั่นล่ะ
นะโมไม่ชอบดื่ม แต่ถูกคะยั้นคะยอจนดื่มแอลกอฮอล์ไปหลายอึก อาการผะอืดผะอมตีขึ้นคอหอย เขาเริ่มนั่งไม่ติด เพราะอยากอาเจียนเต็มแก่ เขามองหาห้องน้ำเผื่อไปคายของเก่าทิ้งก่อนที่จะขายขี้หน้าเพื่อน รีบประคองตัวออกมาจากโต๊ะ มาจนถึงห้องน้ำได้ ก็แทบแย่
หลังคายอาหารมื้อเย็นที่กินเข้าไปออกมาจนกระเพาะโล่ง อาการวิงเวียน สมองสั่งการช้ากลับไม่ยอมหาย คงเป็นเพราะแอลกอฮอล์เข้าไปแทนที่ในเส้นเลือดเสียละมั้ง นะโมเลยมองหาที่ทางที่จะนั่งพัก เพื่อให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้น
ทางร้านมีมุมสงบไว้ให้ลูกค้าขี้เมานั่งพักสายตาพอดี
เขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เหล็กใต้โคมไฟสีเทา อากาศรอบตัวค่อนไปทางอบอ้าว ลมแทบไม่กระดิก แต่ก็เท่านั้นแหละ เขามองไม่เห็นอะไรหรอก มันมืดมิดเพราะเป็นช่วงกลางคืน เดาได้จากสายลมที่สงบนิ่ง อีกไม่นานหรอก ฟ้าฝนคงโปรยลงมา
นะโมถอนใจ...ก้มมองที่ปลายเท้า ทั่วบริเวณนี้มีแต่ก้นบุหรี่เต็มไปหมด
ลูกค้าของทางร้านคงใช้เก้าอี้ตัวนี่ไว้สูบุหรี่นั่นแหละ เพียงแต่เขาไม่ได้ใช้เก้าอี้เพื่อจุดประสงค์นั้น
“มาววอิอ๋าย...ฉานกลับก่อนนะ ไม่ไหวแล้ววว” เสียงยานคาง แต่หวานแหลม คงเป็นเสียงของใครสักคนที่เป็นเพศตรงข้ามกับนะโม เขามองหาต้นเสียง ไม่ไกลจากจุดที่นั่ง มีใครบางคนกำลังเดินตรงมา ลักษณะการเดินของ ‘หล่อน’ เดินแอ่นหน้า สลับกับการเดินถอยหลัง ผู้หญิงคนนั้นคงดื่มไปไม่น้อยเหมือนกัน
นะโมชักสายตากลับมา แล้วก็ผุดลุกขึ้นยืน เขาหายออกมาด้านนอกนานแล้ว สมควรกลับเข้าไปด้านใน เพื่อจะได้ไม่น่าเกลียดนัก
แต่...
เขาไม่ได้กลับเข้าไปในร้านอีกเลย จนกระทั่งเช้า...
ก็เพราะผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ หล่อนวิ่งถลามาหาเขา แล้วอาเจียนใส่เต็มอกเสื้อ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยเข้าจมูกแทบจะสำรอกตาม
“คุณ คู๊ณ เป็นอะไรมากไหม?”
เขาจับหัวไหล่เธอดันออกห่างอก พยายามที่จะทำให้เธอรู้สึกตัว
แต่ไร้ผล...ใบหน้าเล็กๆ นั่นเอียงซบแผงอก ปากที่ยังเปื้อนคราบอาเจียนบ่นพึมพำ แต่จับใจความอะไรไม่ได้เลย
“อะไรจะซวยขนาดนี้นะ”
นะโมเช็ดคราบเปื้อนที่อกเสื้อ ประคองคนเมาไม่ได้สติไปด้วย ท่าทางทุลักทุเลเต็มทน
“ลูกพี่ ให้ผมเรียกรถให้ไหมครับ?”
มีใครบางคนตะโกนถามอยู่ไม่ไกล นะโมเงยหน้ามองแล้วก็รีบพยักหน้า เพราะสายลมกรรโชกใส่ ฝุ่นฝงทั่วบริเวณปลิวว่อน อีกไม่ช้าฝนคงตก...แต่...เขาก็ทิ้งผู้หญิงขี้เมาคนนี้ไม่ได้เสียด้วยสิ เขาจะไปส่งเธอที่ไหนดีละ?
ช่วงกำลังใช้ความคิด รถแท็กซี่ก็แล่นเข้ามาจอดไวทันใจเหลือเกิน
เด็กรับรถหน้าร้านเหล้ามองเขากับผู้หญิงขี้เมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เขาช่วยประคองผู้หญิงขึ้นรถ พอนั่งตัวตรงรถยนต์ก็วิ่งเตลิดออกไปโดยที่นะโมยังไม่ทันได้สั่ง
และเพราะคนเมาที่ทำท่านิ่งๆ มานานเริ่มโวยวาย เขาเลยไม่ได้สนใจเส้นทางจนกระทั่ง...
“ถึงแล้วลูกพี่ 120นะ” เสียงโชเฟอร์แท็กซี่ร้องบอก
นะโมมองไฟกะพริบวิบวับตรงหน้าแบบงงนิดหน่อย
ไฟสีเขียวสลับกับสีชมพู มีสีเหลืองแทรกนิดๆ
เขาถอนใจแรงๆ เมื่อมองเห็นป้ายด้านบนชัดเจน ‘น้องนิดโมเท็ล’ นาทีนี้ สถานที่นี้คงเหมาะที่สุดนั่นแหละ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพาผู้หญิงคนนี้ไปส่งที่ไหนด้วย และคงเพราะความเขลาของเขาด้วยมั้ง
นะโมคิดง่ายๆ พาผู้หญิงเข้าไปนอน แล้วปล่อยให้เธอฟื้นตอนเช้า
เขาจะจัดการจ่ายค่าห้องและล็อกประตูขังหล่อนไว้ด้านใน
ทางนี้คือทางเลือกเดียวที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับตัวเอง
เขาควักกระเป๋าสตางย์หยิบเงินจ่ายให้โชเฟอร์ที่เริ่มมองตาขวาง
พยุงหล่อนเข้าไปด้านใน มีคนคอยอำนวยความสะดวกดิบดี แต่ไม่มีแม้แต่คำพูดหลุดออกมาเลย
สภาพนะโมกับหล่อน คนคนนั้นคงชินตา
นะโมไม่ใช่เด็กวัยรุ่น และหล่อนเองก็ไม่ใช่ผู้เยาว์ เลยไม่มีคำถามกวนใจให้ใครต้องปวดหัว
“เห้อ!”
เขาถอนใจดังเฮือก หลังโยนหล่อนไว้บนเตียง
กลิ่นอับๆ โชยเข้าจมูก สภาพห้องสะอาดพอใช้ แต่นะโมไม่ชอบบรรยากาศเอาเสียเลย มีกระจกกรุไว้ทั้งด้านข้างและเพดานห้อง เขาแอบขำ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนร่วมงาน ตอนที่เขาพูดให้ฟังเรื่องประสบการณ์ในโมเท็ล
ทุกสิ่งที่พวกเขาพูดให้ฟังไม่เกินจริง
สภาพห้องและอุปกรณ์จำเป็นมีครบครัน
นะโมมองถุงยางอานามัยที่วางไว้หัวเตียงด้วยสายตาปนความสงสัย คนที่เข้ามาในสถานที่นี้มีแค่จุดประสงค์เดียวหรือไงกัน มีใครมีเหตุจำเป็นเหมือนเขาบ้างเหรอเปล่านะ?
เขาหมดความสนใจกับทุกสิ่งรอบตัวเพราะหล่อนนั่นเอง
“โอ้ย ปวดหัว อูยยยย ใครก็ได้เอาน้ำให้กินที”
คนที่หลับๆ ตื่นๆ เริ่มมีฤทธิ์ นะโมเดินเลยไปที่ตู้เย็นขนาดเล็ก หยิบน้ำสะอาดออกมาหนึ่งขวด มองหาผ้าเช็ดตัว คงต้องทำความสะอาดคราบสกปรกบนตัวของหล่อนก่อน
ไหนๆ ก็มีเวลาเหลือเฟือ ก่อนจะทิ้งให้หล่อนให้นอนเพียงลำพัง
มันทุลักทุเลมาก กว่าจะกรอกน้ำใส่ปากหล่อนได้ หล่อนลุกขึ้นมานั่งโอนไปเอนมา น้ำกระฉอกเปียกอกเสื้อหล่อนเป็นหย่อมๆ ผ้าเปียกๆ ลู่แนบไปกับลำตัว
นะโมใจเต้นแรงๆ เมื่อสรีระที่ควรเป็นความลับส่วนตัวของหล่อน เริ่มเผยให้เขาเห็น
มือเขาสั่นเชียวแหละ ตอนที่พยายามใช้ผ้าแห้งเช็ดความเปียกชื้นเหนือเนินอกอวบ
หล่อนไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเลย มือของหล่อนปัดป่าย แถมยังโวยวายเสียงดัง นะโมกลัวเสียงของหล่อนจะทำให้คนด้านนอกพลอยตกใจ เขาเลยตัดสินใจยกมือกดปิดปากหล่อนไว้
แต่เป็นการกระทำที่สิ้นคิดสำหรับเขา
พอปิดปากเธอ “อ่อย อ่อยอิโอยยยย อ่อย...” หล่อนโวยวายหนักกว่าเก่า ทั้งดิ้น ทั้งผลักเขาจนแทบเอาไม่อยู่
แรงดิ้นของหล่อนทำให้กระดุมเม็ดแรกหลุด และยิ่งขยับตัว กระดุมเม็ดต่อไปก็หลุดตามกันมาติดๆ เขาพยายามไม่มอง เพราะมีเจตนาดี เขาต้องการให้หล่อนสงบ ไม่เคยคิดสักนิดว่าจะล่วงเกิน
พอดิ้นไปสักพัก อาการวิงเวียนคงเพิ่มขึ้น
คราวนี้มาทั้งเสียงและกลิ่น หลังจากนั่นหล่อนก็นอนหอบแฮ่กๆ
บนตัวนะโมมีแต่คราบสกปรก บนตัวของหล่อนก็เช่นกัน
อารมณ์กรุ่นๆ ก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง คงเพราะสมเพชหล่อน พร้อมกับสังเวชตัวเองด้วย
ครั้งต่อไป ต่อให้เพื่อนร่วมงานคะยั้นคะยอมากแค่ไหน เขาสัญญาจะไม่มีวันหลวมตัวแน่ๆ
นะโมใช้ผ้ากวาดคราบสกปรกบนตัวหล่อน ตลบผ้าห่มคลุมไว้ และจัดการถอดเสื้อเลอะๆ นั่นออกจากตัว นับหนึ่งถึงหนึ่งพันพอดี ตอนที่ตัวเสื้อหลุดออกจากร่างกลมกลึง หล่อนฮึดฮัดนิดหน่อย แต่ก็ยอมสงบลงโดยดี
เขาก้มมองเสื้อผ้าบางๆ ในมือ ก่อนจะตัดใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ลงมือล้างคราบสกปรกบนเสื้อสะบัดแรงๆ และพาดไว้ที่ราวแขวน แล้วก็หันไปจัดการกับตัวเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาเสียเงินไปไม่น้อยกับค่าห้อง ค่ารถ
เลยถือวิสาสะอาบน้ำ ล้างกลิ่นเหม็นๆ ออกจากตนเองบ้าง
เขาคิดผิด และตัดสินใจผิดตั้งแต่ต้น เขาไม่ควรพาหล่อนมาที่นี่เลย