จ้าวจันทร์ได้ยินจักรดุลย์เอ่ยเบาๆ พร้อมๆ กับกลั้นขำไปด้วย และเมื่อเขาหันมาเห็นว่าเธอนั่งจ้องตาไม่กะพริบก็เลยหัวเราะกับเธออย่างกลั้นไม่อยู่
จ้าวจันทร์พยายามแล้วที่จะยกมือโบกห้ามเพื่อนหนุ่ม แต่กลายเป็นว่าเธอและจักรดุลย์เมื่อมองหน้ากันก็หยุดหัวเราะกันไม่ได้ ยิ่งหันไปมองหน้าฝนทิพย์ที่ทำตาขวางก็ยิ่งขำไปกันใหญ่
ราวๆ สิบวินาทีได้ที่จ้าวจันทร์พยายามกลั้นขำกับจักรดุลย์ จนกระทั่งคนที่นั่งข้างซ้ายมือเอาศอกมากระทุ้งเบาๆ
“ขำไรกัน”
ทีแรกขุนศึกก็ว่าจะไม่สนใจ แต่เห็นสองคนนี้หัวเราะไม่หยุดก็เลยอดถามไม่ได้
“อ่า...ไม่กล้าเล่า” จ้าวจันทร์กระซิบตอบเบาๆ
“เล่ามา”
“เล่าก็ได้ แต่ต้องสัญญานะว่าจะไม่เอาไปเล่าใคร”
“ฉันดูเหมือนคนที่ชอบเอาเรื่องชาวบ้านไปเล่าใครเหรอ?”
ขุนศึกเอ่ยเสียงเรียบ แต่แค่นั้นก็เล่นเอาคนขี้เกรงใจหน้าเจื่อน
จริงสินะ เธอก็มัวแต่ขำจนลืมตัวพูดอะไรที่ไม่เมกเซนส์ออกมา
“ไม่เหมือน ไม่เหมือนเลยสักนิด” พึมพำบอกเขาเสียงแผ่วเบา ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาคมที่ดุวาวเวลาทำหน้านิ่งๆ นั้น
“เล่ามา” เขาย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
จ้าวจันทร์หันไปมองด้านหน้าเห็นว่าอาจารย์กำลังเขียนกระดานอยู่ ก็เลยเอนตัวไปกระซิบบอกเขาเบาๆ ฝ่ายขุนศึกที่ตัวสูงกว่าเธอมากก็เอนตัวลงมาเพื่อให้เธอกระซิบใกล้ๆ หูได้ถนัด
“เวย์ทำปากกาหล่นใส่กระโปรงเบสต์ เบสต์เลยโมโห”
ขุนศึกได้ฟังแล้วก็ทำหน้าละเหี่ยใจ ก่อนจะส่ายหัวอย่างเพลียๆ แล้วหันกลับไปตั้งใจเรียนต่อ
หลังจากนั่งเรียนไปจนหมดคาบ นักศึกษาทั้งหลายก็ต่างส่งเสียงเซ็งแซ่หลังจากอาจารย์เดินกลับออกไปยังไม่ถึงห้าวินาที ด้วยว่าหิวข้าวไปตามๆ กัน แต่ก่อนที่จะได้เก็บของเสร็จและมีใครเดินออกไปพักเที่ยงนั้น รุ่นพี่ในคณะราวสี่คนก็เดินเข้ามาในห้องเรียนก่อนพอดี
“ขออนุญาตน้องๆ สักครู่นะคะ”
“ค่า/คร้าบ”
“เดี๋ยวทางมหาวิทยาลัยของเราจะมีประกวดดาวกับเดือน มีใครสนใจลงสมัครคัดเลือกไหมคะ”
ทั้งห้องส่งเสียงเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์อีกครั้ง ต่างคนต่างก็บุ้ยใบ้ให้เพื่อนในกลุ่มแก๊งของตนที่สนิทกันเป็นตัวแทน ส่วนแก๊งห้าแสบนั้นก็ได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจะทำหน้าทำตาประมาณว่าใครจะสมัครไม่สมัครก็แล้วแต่เหอะ
และเมื่อเห็นว่าน่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปง่ายๆ พี่ๆ ที่มาเลยรีบพูดต่อ
“เอางี้ ช่วงเย็นที่สาขาจะมีการคัดเลือก ใครสนใจเลิกเรียนแล้วไปเจอพวกพี่ที่คณะได้เลยนะคะ”
“เกี๊ยว!”
พี่คนที่พูดๆ อยู่ชะงัก เมื่อเพื่อนของเธอเรียกเสียงดังจนกลบทุกเสียงที่เอ่ยแทรก
“ว่าไง”
“เนี่ย ห้าคนนี้หน้าตาดีทั้งนั้นเลย”
พี่ผู้หญิงคนที่เรียกเพื่อนว่าเกี๊ยวเดินมาหยุดชี้โว้ชี้เว้อยู่ใกล้ๆ กับเก้าอี้ที่อธิปัตย์นั่งอยู่ พร้อมกับเหลือบตามองแก๊งห้าแสบแบบเรียงตัว
“น้องผู้ชายสามคนสนใจสมัครมั้ยคะ”
“ไม่ครับ!” ขุนศึกและอธิปัตย์รีบตอบพร้อมกันโดยไม่ต้องคิด ขณะที่จักรดุลย์ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่คิดจะตอบรับแน่นอน
พี่ๆ ทั้งสี่คนที่ตอนนี้มายืนรุมล้อมอยู่หน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม
“ช่วยสาขาเราหน่อยนะ ถ้าน้องสมัครเราน่าจะชนะเป็นตัวแทนของคณะได้เลย”
“ไม่เอาครับ” ขุนศึกและอธิปัตย์ยังคงปฏิเสธอย่างแข็งขัน
“เอาดาวมั้ยครับ เนี่ยดาว...” จักรดุลย์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับชี้มือไปที่ฝนทิพย์ คนโดนพาดพิงก็ไม่น้อยหน้ารีบยกมือตีไหล่เขาพัลวัน
“เออ คนนี้สวยเฉี่ยว หุ่นก็ดี น้องลองยืนได้มั้ยคะ”
“หา!” ฝนทิพย์อ้าปากค้าง แต่ก่อนจะได้พูดอะไร พี่ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาจับแขนเธอให้ลุกขึ้นยืนเสียก่อน
“หุ่นดีมากเลยค่ะน้อง พี่ส่งน้องเนี่ยแหละประกวด รับรองสาขาเราชนะชัวร์ ได้เป็นดาวคณะแน่ๆ” พี่เกี๊ยวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนจะหันไปทางจ้าวจันทร์เมื่อเพื่อนที่มาด้วยกันแย้งขึ้น
“แต่คนนี้ก็น่ารักนะแก”
จ้าวจันทร์เลิ่กลั่กขึ้นมาอีกคน ด้วยไม่คิดว่าตัวเองจะโดนไปด้วย
“ตัวเล็กไปหน่อยอะดิ คนนี้แหละสูงดี” พี่เกี๊ยวว่าพร้อมกับหันมามองฝนทิพย์ตาเป็นประกายเหมือนกับได้เจอขุมทรัพย์
“เอาไปสองคนมั้ยล่ะ เผื่ออีกคนตกรอบ สาขาเราจะได้มีทางเลือกเพิ่ม”
“เออ ก็ดี”
“งั้นน้องสองคนมาเจอพวกพี่ตอนหมดคาบเรียนนะ”
พี่เกี๊ยวพูดจบก็พาเพื่อนๆ อีกสามคนเดินจากไป ทิ้งให้จ้าวจันทร์กับฝนทิพย์หันมองหน้ากันและอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
“ไม่เอา กูไม่ไป!” ฝนทิพย์โวยวายพร้อมส่ายหน้า
“ถ้าไอ้เบสต์ได้เป็นดาวจริงๆ จะยังไงนี่” อธิปัตย์เอ่ยขึ้น ทั้งขำทั้งสงสารเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“บรรลัยสิครับ โอ๊ย!”
จักรดุลย์พูดไม่ทันจบดีก็โดนทุบหลังอย่างแรง
“เจ็บนะ”
“สมน้ำหน้า”
จักรดุลย์ทำท่าจะทุบคืน แต่พอเห็นใบหน้าเบ้ๆ ตาแดงๆ ของเพื่อนสาวก็เลยเปลี่ยนใจ ยกมือลูบหัวเพื่อนสาวเบาๆ
“โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องนะ ยังไงก็ตกรอบแน่ๆ ไม่ต้องกลัว ขี้เหร่ขนาดนี้”
“ไอ้เวย์!”
จักรดุลย์เห็นฝนทิพย์โมโหจนหน้าดำหน้าแดงอย่างนั้นก็รีบลุกหนีจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที โดยไม่สนใจจะเก็บสัมภาระ ฝ่ายฝนทิพย์ที่เดิมเครียดอยู่ก็ยิ่งโมโหหนักและวิ่งตามไปเพื่อจะตีเพื่อนปากเสีย เดือดร้อนถึงจ้าวจันทร์ที่ต้องเป็นฝ่ายเก็บกระเป๋ารวมถึงสัมภาระอื่นๆ ของทั้งคู่และหอบหิ้วออกไปให้
“ถือหมดมั้ยจ้าว” อธิปัตย์ถาม
“ได้ๆ ไม่หนัก พอร์ชกับคินเดินไปก่อนเลยเดี๋ยวจ้าวตามไป”
เธอบอกเพื่อนทั้งสอง และเมื่อเก็บข้าวของเสร็จหมดแล้วก็เดินตามคนทั้งคู่ออกไปเพื่อรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ผ่านพ้นวันที่สนุกไปอีกครึ่งวัน ว่าแต่ต้องไปคัดเลือกดาวมหาวิทยาลัยจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากไปเลย...จ้าวจันทร์ได้แต่คิดอย่างเซ็งๆ