บทที่ 1ชีวิตธรรมดา
เช้าวันนี้เป็นเช้าวันที่ดีที่สุดของฉันทำให้ฉันตื่นจากฝันด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาแสงแดดกระทบกับกระจกส่องเข้ามากระทบกับสายตาความอบอุ่นและความเย็นสบาย...
ฉันลุกขึ้นแล้วมองไปที่กระจก มือทั้งสองข้างของฉันยืนขึ้นมาตบแก้มของฉันเพื่อตั้งสติ
นาฬิกา: ตีต! ตีต! ตีต!
[วันนี้...แม่..ฉัน.นัดเจอนี่นา...]
ฉันเริ่มตั้งสติแล้วเดินเข้าห้องน้ำผ่านไปไม่นานฉันก็ออกมาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเเล้วออกไปข้างนอก
ผมวิ่งไปเรื่อยๆแล้วเจอเพื่อนบ้านแล้วทักทายน้อยเขาเเล้ววิ่งตอน.....
ผมมีชื่อว่า จีอาร์ อายุ20 เป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตอยู่ในห้องเเล้วทำงานตอนกลางคืนเท่านั้น
ผมกำลังไปที่ร้านกาแฟเธอที่รอแม่ของผมและน้องสาว แม่ของผมมีชื่อว่า ราอา เเละน้องสาวของผมมีชื่อว่า ริกะ
ผมได้ยินเสียงประกาศ นักเวทย์แรงค์ S ที่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ A ได้
เขาจะประกาศทั่วเมืองทำไมเนี่ย!!
กะอีกแค่เคลียร์ดันเจี้ยน...
ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ผมเลิกวิ่งแล้วเดินตรงไปที่ร้านกาแฟ
ผมเดินเข้าไปแล้วทักทายเจ้าของร้านอย่างสนิท
[วันนี้คนเยอะหน้าอยู่เลยนะ ให้ผมช่วยอะไรไมครับ]
เขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟแล้วเป็นรุ่นพี่ของผม เขาได้ช่วยเหลือผมตอนที่ผมเข้าเมืองกรุง เขาช่วยผมหางานและหาที่พักต่างๆและสอนผมอื่นๆ
พี่เขามีชื่อว่า กีมะ แต่ผมมักจะเลือกพี่เขาว่า พี่แบงค์กี เขาอายุ25 ปี พี่เขาเปิดร้านกาแฟตั้งแต่อายุ 20 ปี ผมมักจะมาช่วยพี่เขาบ่อยๆ
[เอ๋...ทำไมมาไม่บอกกันก่อนละ ฉันจะได้จองโต๊ะให้]
ผมหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไป
[ไม่เป็นไรครับ]
[งั้นหรอ...แปลกนะที่เห็นนายมาตอนเช้า
เเบบนี้ ไม่ใช่ว่านายนอนอยู่บ้านเหรอ]
ผมเข้าใจที่พี่เขาพูด เป็นเพราะผมที่อยู่เเต่ในห้อง ผมทำงานเเค่ตอนกลางคืนเท่านั้น พี่เขาถามผมขึ้นมาแบบนี้ก็คงไม่แปลก
[ก็วันนี้เเม่ผมจะมา ผมก็เลยได้ออกมานะครับ]
[ไม่รู้ว่าเเม่จะคุยเรื่องอะไร มันก็นานเเล้ววนะที่ผมไม่ได้เจกกับเเม่]
[แม่นายจะมาหรอเดี๋ยวฉันจะเตรียมโต๊ะให้นะ]
ผ่านไปสักพัก
แม่ของผมได้เดินเปิดประตูเข้าร้าน ผมยกมือขึ้นเรียกแม่ก่อนจะพูดว่า
[แม่ผมอยู่ทางนี้]
แม่ของผมได้หันมาที่ผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแม่เดินตรงเข้ามาเขากอดผมราวกับไม่ให้ผมหายไปไหน
ผมตกใจเล็กน้อยแล้วได้ยื่นมือกอดไป
ผมได้หันมองรอบๆมีคนที่อยู่ในร้านได้มองมาที่ผมกับแม่ ผมรู้สึกอายมาก ผมได้ผักแม่ออกจะอ้อมกอดอยากเบาๆพร้อมกับพูดว่า
[แม่คนอื่นเขามองกันหมดแล้วนะ]
แม่ของผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดไปว่า
[555...แม่ตื่นเต้นไปหน่อยแม่ไม่ได้เจอลูกมาตั้งแต่ที่ลูกออกไปจากบ้านเลย]
[แม่คิดถึงลูกไปหน่อย]
[ผมก็คิดถึงแม่เหมือนกัน เอาล่ะเรามานั่งคุยกันก่อนครับ]
เราได้นั่งลงแล้วค่อยๆคุยกันไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน ผมได้พูดเรื่องต่างๆที่ผมอยู่ที่เมืองกรุงการเอาตัวรอดต่างๆ
แม่ของผมเริ่มที่จะพูดคุยเรื่องของพ่อขึ้นมาผมก็รับฟังอย่างใจเย็นแล้วเข้าใจพ่ออยู่นิดหน่อย
ที่ทำงานของพ่อการปิดตัวตนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ารู้ตัวตนขึ้นมาคนรอบตัวก็อันตราย
ผมเข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่ทำไมพ่อถึงเลือกที่จะเป็นนักเวทย์ล่ะ
การที่จากครอบครัวไปโดยที่ไม่กลับมาหาพวกเราเลย การที่ต้องแยกจากกันเพราะไม่มีเวลาให้กันทำไม พ่อถึงเลือกที่จะเป็นนักเวทย์กันล่ะ
สิ่งนี้ผมไม่เข้าใจที่สุดเลยล่ะ....
[ถึงแม้ว่าลูกจะโกรธพ่อ ที่พ่อไม่หามาหาพวกเราแต่พ่อก็รักพวกเรานะ]
เเม่ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนๆ
[อ่ะ...จริงด้วยลูกมีแฟนไหม?]
แม่ของผมได้กล่าว พร้อมกับแววตาที่รอคำตอบ
ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบเเม่ไปว่า
เเม่....ถามอะ อะไรแบบนั้น!!!
ผมเริ่มพูดตะกุกตะขาบ
[แม่ถามอะไรแบบนั้นผมจะมีได้ยังไงผมก็อยู่แต่ในห้องและทำงานไปวันๆเท่านั้นเอง
ผมจะมีเวลาไปหาแฟนได้ยังไงกัน!!!]
ผมพูดน้ำเสียงแบบจริงจังด้วยความเขินอาย
555
[งั้นหรอลูกแม่ยังไม่มีแฟนหรอ ถ้างั้นให้แม่หาให้ไหม?]
ผมตอบปฏิเสธแม่ทันที ทันใดนั้นน้องสาวของผมก็เดินเข้าร้านมา ตอนที่แม่พูดเรื่องหาแฟนให้ผม
เสียงน้องสาวของผมได้พูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว
[หนูไม่เอาพี่สะใภ้อย่างเด็ดขาด]
[หนูไม่อยากมีพี่สะใภ้และหนูจะมีพี่ชายแค่คนเดียวเท่านั้น]
ผมได้มองไปที่น้องสาวของผมที่กำลังเดินมาที่โต๊ะของผม
สายตาของเธอมองมาที่ผมราวกับจะฉีกผมเป็นชิ้นชิ้น เธอวิ่งเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับพูดมาว่า
[หนูไม่เอาพี่สะใภ้หนูจะมีพี่ชายแค่คนเดียวเท่านั้น]
เธอเป็นน้องสาวบุญธรรมของผมที่อยู่ข้างบ้านผมตั้งแต่สมัยก่อน
เธออยู่กับแม่แค่ 2 คน เธอเสียแม่ไปตั้งแต่เธออายุ10 ขวด จากนั้นแม่ของผมได้รับเลี้ยงเธอมาเป็นลูกบุญธรรม สมัยก่อนเธอติดผมมากเธอมักจะมาเล่นกับผมที่บ้านเป็นประจำเพราะเราสนิทกันตั้งแต่สมัยประถม
พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันมาตลอด จนถึงตอนที่ผมออกจากบ้าน
เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยตอนที่ผมออกไป ผมไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย
เมื่อเธอรู้ที่ผมออกจากบ้านเธอร้องไห้นานเลยละ เธอมักจะโทรหาผมอยู่บ่อยๆจนผมรำคาญเลยล่ะ เธอร้องไห้ให้ผมกลับบ้าน แต่ด้วยความที่ผมต้องการที่จะแยกตัวออกจากครอบครัวเพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาผมจึงที่จะบอกกับน้องสาว ว่าถ้าน้องสาวถึงอายุ 15 แล้วล่ะก็ก็มาหาพี่ได้เลย เธอนั้นได้ตอบตกลง ที่จะรอให้เธออายุ 15 จากนั้นเธอก็ไม่ได้โทรมาหาผม แต่ก็โทรมาหาผมอยู่เป็นระยะ
ด้วยความที่ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเวทย์มนต์นั้น ผมเลยแยกตัวออกจากครอบครัวถึงแม้ว่าผมจะแยกตัวออกจากครอบครัวผมก็คิดถึงอยู่บ่อยๆ
จากนั้นแม่ของผมก็พูดขึ้นมาว่า
[พวกเราจะย้ายมาอยู่เมืองกรุงละ]
เมื่อผมได้ยินประโยคนั้นผมกับนิ่งไปสักพัก
เอ๋....!!!
ผมตกใจมากที่แม่จะย้ายมาอยู่เมืองกรุงผม
[แล้วแม่หาที่อยู่ได้หรือยังถ้าไม่ได้เดี๋ยวผมจะหาให้]
ผมพูดออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วไม่คิดเลยว่าแม่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองกรุงผมทำตัวไม่ถูกเลยที่แม่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพราะที่เราอยู่เมื่อก่อนเป็นบ้านนอก จะมีนักเวทย์น้อยมาก เพราะคนที่อยากเป็นนักเวทย์ก็อยากจะไปที่ใจกลางเมืองของผู้ที่เป็นนักเวทย์ขั้น s ลำดับขั้นกลาง เพราะที่นั่นคือการศึกษาที่ดีที่สุดของนักเวทย์ที่ต้องการจะเป็นนักเวทย์ที่เก่งที่สุด
ในประเทศของเรามีนักเวทย์ขั้น s
แค่4คนเท่านั้น
ในโลกนี้ คนที่เป็นนักเวทย์ขั้น s นั้นมีน้อยมาก
ในโลกนี้มีนักเวทย์ขั้น s ขั้นสูงสุดมีแค่ 5 คนเท่านั้น ในโลก
นักเวทย์ขั้น s ลำดับกลางมีแค่หนึ่งคนในประเทศของเรา ไม่มีมากกว่านั้น
การที่จะเป็นนักเวทย์ขั้น s อันดับกลางนั้นต้องมีพลังที่แข็งแกร่ง
ลำดับของนักเวทย์จะมี
นักเวทย์ลำดับ F คือขั้นเริ่มต้น
นักเวทย์ขั้น D ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง
นักเวทย์ขั้น C ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง
นักเวทย์ขั้น B ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง
นักเวทย์ขั้น A ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง
นักเวทย์ขั้น S ลำดับต่ำ ลำดับกลาง ลำดับสูง
นักเวทย์ลำดับ S สูงสุด
ที่ผมรู้เรื่องพวกนี้ก็ เพื่อนสมัยก่อนของผม
ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมากเท่าไหร่เพราะผมไม่สนใจเรื่องพวกเวทมนตร์อยู่แล้ว
******************************************
[พ่อของลูกได้ซื้อบ้านไว้ให้แล้วล่ะลูกไม่ต้องห่วง]
[พ่อหรอ?]
[ลูกอยากจะมาอยู่ที่บ้านพวกเราไหม ห้องว่างมีเยอะเลยนะถ้าลูกจะมาเดี๋ยวแม่ทำความสะอาดห้องให้นะ]
[ไม่เป็นไรหรอกครับผมจะอยู่ห้องของของตัวเองนะครับค่าเช่าก็ไม่แพงเท่าไหร่]
น้องของผมได้กอดผมแน่น แล้วพูดว่า
[ไหนว่าพี่จะให้หนูอยู่ด้วยไงแล้วไหนทำไมถึงไม่ไปอยู่กับพวกเราล่ะค่ะ!!!]
[หนูไม่ยอมค่ะพี่ต้องอยู่กับหนู]
เธอพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายแล้วกอดผมแน่นมาก แม่ของผมได้เห็นน้องสาวที่กำลังกระวนกระวายแล้วแม่ก็ได้พูดขึ้นมาว่า
[เอาอย่างนี้ไหมให้น้องสาวไปอยู่กับลูกเป็นไง]
[....เอ๋....แล้วแม่จะอยู่กับใคร ถ้าน้องสาวจะมาอยู่กับผมนะ]
แม่หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
[แม่มีเพื่อนคนหนึ่งนะ จะมาอยู่กับแม่ด้วยเธอมีลูกสาวอายุพอๆกับลูกล่ะพวกเราคิดว่าจะให้ลูกกับเธอ หมั้นกันนะ]
คนที่ตกใจที่สุดไม่ใช่ผม เเต่เป็นน้องสาวของผมที่พูดออกมาว่า
[ไม่..ไม่..ไม่...หนูไม่เอาพี่สะใภ้ค่ะ]
เธอเริ่มกอดผมแน่นเรื่อยๆ ผมอยู่ในอ้อมแกะของเธอ เธอเปลี่ยนมาเป็นกอดแขนขวาของผมอย่างแน่นมาก เธอได้พูดออกไปว่า
[ไม่เอาไม่เอาไม่เอาค่ะ!!]
5555
[แม่แค่ล้อเล่นเองนะ]
[แม่ไม่บังคับให้ลูกแต่งงานกับใครหรอลูกต้องหาด้วยตัวเอง ถ้าลูกมีแฟนแล้วอย่าลืมมาหาแม่ด้วยนะจ๊ะ]
[ครับ]
จากนั้นผมพาแม่ไปแนะนำรุ่นพี่ของผม แม่ของผมได้พูดคุยและขอบคุณที่ดูแลผม จากนั้นพวกเราก็ได้คุยกัน ผ่านไปสักพักพวกเราก็ขอตัวกลับ
******************************************
[ถ้าผมมีเวลาผมจะไปหานะครับ]
[ถ้าลูกจะมาก็บอกแม่ก่อนด้วยนะแม่ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ]
[ครับผมจะไปหานะครับ]
[จ๊ะ]
จากนั้นผมก็ได้เดินกลับไปที่ห้องของผม
ผมได้บอกน้องสาวของผมว่าให้อยู่กับแม่ก่อนเดี๋ยวพี่จะไปหา
ผมคิดว่าถ้าน้องสาวของผมมาอยู่ด้วยผมคิดว่าเธอจะเหงาเพราะผมต้องไปทำงานตอนกลางคืนกว่าจะกลับมากก็ดึกมากแล้ว
ทางเดินขึ้นห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปพอถึงเตียงนอนของผมโน้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วจับมือถือขึ้นมา พอผมดูเวลาก็ 6 โมงแล้ว
ผมรู้สึกเหนื่อยมากที่ได้ออกไปข้างนอกอากาศเริ่มที่จะร้อนแล้ว
ผมเอื้อมมือไปจับรีโมทเปิดแอร์ จากนั้นผมพลิกตัวขึ้นมองดูเพดาน ผมค่อยๆข่มตาลง
อย่างช้าๆ
ความรู้สึกที่มืดมิดกับดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ในหัวของผมนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่าความคิดที่ว่างเปล่าโดยไม่ได้คิดอะไรเลย ความว่างเปล่านี้กำลังจะอยู่ในหัวของผมโดยที่หัวใจของผมที่ว่างเปล่าอยู่แล้วก็กำลังเติมเต็มสิ่งที่ว่างเปล่า
แต่ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงอยู่ตรงหน้าประตู!
ผมรู้สึกได้ยินเสียงประตูกำลังจะเปิด ทั้งๆที่ผมล็อกเอาไว้แล้ว
ผมรู้สึกได้ว่าประตูนั้นได้เปิดกว้าง
แต่ผมก็ไม่คิดที่จะลืมตาเลย ผมค่อยๆเริ่มรู้สึกไม่ได้แล้ว ผมกำลังจะหลับลงไป
แต่จู่ๆก็มีร่างกายขึ้นคร่อมผมอยู่!!
สายลมที่พัดผ่านได้พัดประตูกระทบกับกำแพแล้วได้ปิดประตูห้องผมอีกครั้ง
ผมได้ยินเสียงชัดเจน
ก่อนที่ผมจะลืมตา
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นเป็นผู้หญิงรูปงามผมสีฟ้าอ่อนราวกับทะเล ดวงจันทร์ได้สาดแสงเข้ามาในห้องของผม
เธอได้จู่โจมผมแล้วกดผมลงไปที่เตียงนอน
ผมตกใจมากผมเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอเพื่อที่จะผลักเธอออก
[นี่คุณเป็นใครคุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะครับ]
เธอไม่ได้ยินอะไรเลยที่ชายหนุ่มได้กล่าวออกไป
ตัวของเธอร้อนมากเธอเริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก
จากนั้นเธอหนมตัวลงมาที่ผมระหว่างคอ
ลิ้นของเธอได้เลียไปที่ลำคอของผม
มือของเธอจับไปที่ไหล่ของผม
จากนั้นมือซ้ายของเธอเริ่มจับไปที่ท้องของชายหนุ่มเพื่อที่จะให้ถอดเสื้อผ้าออก
แขนทั้งสองข้างของผมโดนหัวเข่าของเธอกดทับกัน
ผมพยายามรวบรวมสติของตัวเอง ในหัวของผมเริ่มคิดไปเรื่อย
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนทำไมถึงมาเข้าห้องผมได้ แล้วมาทำอะไรแบบนี้กับฉันได้ยังไง
ผมเริ่มตั้งสติไม่อยู่ความรู้สึกของผมเริ่มร้อนขึ้นมา
ผู้เขียน|นายไม่ได้เปิดแอร์ยังไงล่ะ!!
ค่ำคืนที่แสนว่างเปล่าได้เติมเต็มความรู้สึกของผม เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น ค่ำคืนที่แสนจะว่างเปล่าเริ่มเติมเต็มหัวใจของผม
ดวงจันทร์ที่เต็มดวง ได้ส่งแสงเข้าผ่านกระจกกระทบเข้าสีผมของเธอ
สิ่งที่ผมมองเห็นเหมือนกับนางฟ้าที่กำลังโหยหาความรัก แววตาของเธอเป็นสีฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ต้องการอะไรบางอย่าง
พวกเราเริ่มมีความสัมพันธ์ที่รู้สึกที่แตกต่าง
กัน ความเติมเต็มเเละความว่างเปล่า
******************************************
เช้าวันต่อมา
ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็ได้พบกับหญิงสาวที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงของเขา
ความรู้สึกของชายหนุ่มไม่สามารถจำได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงแม้ว่าเมื่อคืนนั้นมันเหมือนกับความฝันก็ตาม คิดว่านั่นคือความฝันแต่คนที่นอนเปลือยกายนั้นเป็นผู้หญิงที่อยู่ในความฝันจริงๆ
ติดตามตอนต่อไป