5

3153 Words
ด้านคนที่ขับรถกลับมาถึงไร่ไปรยาเวศ ก็ตรงดิ่งไปยังบาร์เครื่องดื่ม แล้วหิ้วบรั่นดีราคาแพงจากชั้นวางพร้อมกับแก้ว เดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเอง นั่งดื่มแล้วจ้องมองไปยังรีสอร์ตพรรณนารา ด้วยความว้าวุ่นใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่อยากให้ใครมองวรันยาไม่ดีและไม่อยากให้เธอเข้าไปข้องเกี่ยวกับสาวทอมที่ชื่อคาร่าอีก เพราะกลัวว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลย ขณะที่ภาคินนั่งดื่มอยู่ตรงระเบียงนอกห้องนอน ก็เห็นรถของรีสอร์ตพรรณนาราแล่นเข้ามาจอดหน้าเรือนใหญ่ โชคดีที่เขาปิดไฟ ทำให้คนที่ก้าวออกมาจากรถไม่รู้ว่าเขากำลังนั่งมองอยู่ “ขอบคุณค่ะพี่นา” วรันยายกมือไหว้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กังศมาที่ก้าวออกจากรถตามมา “ไม่เป็นไรค่ะ นาไปก่อนนะคะคุณมาร์” นารียิ้มพร้อมกับก้มหัวลงน้อยๆ ให้กับนายหญิงของไปรยาเวศ “พรุ่งนี้เจอกันจ้ะ” กังศมาพยักหน้ารับเบาๆ แล้วหันไปชวนเด็กสาวขี้อ้อน “เราขึ้นบ้านกันเถอะน้องไวน์” “ค่ะ” วรันยาขานรับก่อนจะหันไปโบกมือให้คนมาส่งอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปด้านในบ้านหลังใหญ่อย่างรู้สึกหวาดระแวง กลัวว่าคนนิสัยไม่ดีจะโผล่มาหาเรื่องอีก ภาคินจ้องมองร่างบางที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้านพร้อมกับผู้เป็นยายก็โล่งใจ คิดว่าตอนนี้แฝดผู้น้องคงจะไปส่งสาวทอมกลับบ้านแล้ว จึงวางแก้วบรั่นดีลง แล้วเดินกลับเข้าไปล้มตัวลงนอนบนเตียง พร้อมกับขบคิดว่าวันพรุ่งนี้จะหาเหตุผลใดไปบอกวรันยาให้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะขายเสื้อผ้าออนไลน์ 3 เช้าวันต่อมา...ไร่ไปรยาเวศ (08:28 น.) “น้องไวน์” กังศมาสะกิดเตือนคนที่นอนกอดตนแน่นให้ปล่อยมือ “อื้อ...ขออีกสองนาทีค่ะ” คนขี้เซาขอต่อเวลายังไม่ทันได้ขาดคำ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นๆ ก๊อกๆ “ใคร?” กังศมาเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะสาวใช้ส่วนใหญ่จะไม่ขึ้นมาเคาะประตูเรียกเธอในตอนเช้า “ผมเองครับยาย” คนที่นอนไม่ค่อยหลับรีบบอกเสียงอ่อน “มีอะไรคิน” กังศมาถามกลับทันใด “เอ่อ...ผมอยากคุยกับน้องไวน์ครับ” ภาคินแจ้งความประสงค์ “หนูไม่อยากคุยกับพี่คินค่ะ” วรันยากระซิบบอกพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ยายอยู่ด้วยทั้งคนจ้ะลูก” กังศมาบอกเด็กสาว ก่อนจะหันไปตะโกนบอกหลานชาย “เข้ามา!” คลิก! “อ๊ะ! ขะ...เข้ามาทำไม” วรันยาถามอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงที่ข้างเตียง “เราจะให้พี่ยืนคุยอยู่หน้าห้องงั้นเหรอ” ภาคินมองค้อนสาวเจ้าอย่างรู้สึกนอยด์ๆ “มีอะไรก็ว่ามาเลยคิน” กังศมารีบบอก กลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะก่อนจะได้คุยเข้าเรื่อง “ผมไม่อยากให้น้องไวน์ขายของ อยากให้เที่ยวให้สนุก พักผ่อนสมองให้เต็มที่ เพื่อจะได้เตรียมพร้อมก่อนไปเรียนต่อ” คนที่นอนคิดมาทั้งคืนบอกเสียงอ่อน “ไวน์แค่อยากลองทำดูก็แค่นั้นค่ะ” “เอางี้! ถ้าอยากทำงานมาช่วยพี่ทำบัญชีไหมล่ะ เผื่อวันหน้าเราจะได้ดูแลบัญชีของรีสอร์ตพรรณนาราด้วยไง” ภาคินเสนอ “...” วรันยาถอนหายใจอย่างรู้สึกอึดอัด อารมณ์เหมือนอยากจะกินก๋วยเตี๋ยว แต่เพื่อนดันพาไปกินขนมจีน “งานขายของไม่ใช่ง่ายๆ นะไวน์ ต้องหาเสื้อผ้าที่จะขาย ต้องตุนของ ต้องคอยจดรายละเอียดต่างๆ ต้องส่งของ ต้องเช็กเงินโอนเข้า พอลูกค้าเริ่มติด ก็หยุด เพราะโรงเรียนเปิดเทอม ทำให้เสียลูกค้า ทำให้เสียสมาธิในการเรียน แล้วของที่สั่งมาตุนจะทำยังไงต่อ? เรื่องเรียนก็สำคัญ มันจะเพิ่มความเครียดให้เรากับเพื่อน เพราะเอาเงินทุนไปจมค้างไว้” ภาคินร่ายมนต์ เอ๊ย! ขยายภาพมุมกว้างให้เห็นชัดๆ “เอ่อ...” คนที่ตอนแรกพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ตอนนี้กลับเห็นไปถึงตอนจบตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำ “ยายว่าที่พี่คินพูดก็มีเหตุผลนะ” กังศมาบอกอย่างเห็นด้วย “แต่หนูรับปากกับคาร่าเอาไว้ว่าจะ...” “งั้นก็บอกคาร่าว่าหากอยากลองทำงานก็ให้มา...” คนที่เตรียมจะยื่นข้อเสนอ แต่ก็ดันมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ [มีอะไรวะ?] ภาคินกดรับสายของแฝดผู้น้องอย่างรู้สึกหงุดหงิด แต่สิ่งที่ได้ยินในนาทีต่อมา ก็ทำให้ช็อกจนแทบจะหยุดหายใจ [บ้าจริง! ให้ตายสิ! เดี๋ยวฉันจะรีบไป] “มีอะไรหรือคิน” กังศมาเอ่ยถามหลังจากที่เห็นหลานชายรีบเก็บมือถือใส่ลงในกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าตื่นๆ “เอ่อ...มีเรื่องนิดหน่อยครับ ผมขอตัวก่อน” ภาคินบอกจบก็รีบออกจากห้องไป ทิ้งให้คนที่รอฟังข้อเสนอถึงกับอ้าปากค้างอย่างมึนงง “เฮ้อ...มีเรื่องอะไรกันนะ” กังศมาถอนหายใจอย่างรู้สึกอย่างเพลียๆ ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่วรันยาทานมื้อเช้ากับกังศมาเสร็จก็ขอตัวกลับมา ที่รีสอร์ต เพราะอยากจะโทร. ไปขอโทษเรื่องเมื่อคืนกับเพื่อนสาว ตู๊ด...ตู๊ด... เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่สามครั้ง ปลายสายก็กดรับ [คาร่า...เมื่อคืนเราขอโทษด้วยนะที่พี่คินทำตัวไม่ดี] วรันยารีบบอก [ไวน์! ฮึก...] [มะ...มีอะไรงั้นเหรอคาร่า?] วรันยาเอ่ยถามอย่างตกใจ หลังได้ยินเสียงสะอื้นของเพื่อนสาว แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับน้ำเสียงที่ตอบกลับมา [น้องไวน์นี่พี่พูดนะ] วรันยาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างมึนงงเมื่อได้ยินน้ำเสียงของภัคคินัย [พี่นัย! กะ...เกิดอะไรขึ้นคะ] [คือ...พี่กับคาร่ากำลังจะหมั้นกัน] [อะไรนะ!] วรันยาถามอย่างไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่จะเป็นเรื่องจริง [เราได้ยินไม่ผิดหรอก ตอนนี้คุณยายกำลังจะตามมาคุยเรื่องสินสอด แค่นี้ก่อนนะ] ปลายสายบอกจบก็กดวางสายไปดื้อๆ “น้องไวน์มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น?” นารีเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นเด็กสาวมีอาการคล้ายคนที่กำลังช็อก! “มะ...ไม่มีค่ะ ไวน์ขอตัวก่อนนะคะ” วรันยาเดินขึ้นห้องนอนไปด้วยอาการมึนๆ งงๆ คำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง เธอไม่เชื่อว่าภัคคินัยจะล่วงเกินคาร่า และคาร่าเองก็ไม่มีทางจะอ่อยหรือยั่วยวนภัคคินัยเป็นอันขาด แต่สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะล้อเล่นเช่นกัน ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ คนที่กำลังครุ่นคิด สะดุ้งเบาๆ ก่อนจะรีบกดรับสายของบิดามือไม้สั่น [น้องไวน์! ตอนนี้พ่อกำลังจะขึ้นเครื่องไปดูงานต่อที่กรุงเทพฯ. อีกหลายวันกว่าจะกลับ คงจะมาไม่ทันร่วมงานเลี้ยงของคินกับนัย] [เอ่อ...เดี๋ยวไวน์บอกให้ค่ะ] [โอเคจ้ะ! ถ้ายังไงก็ให้นารีมานอนที่ห้องข้างๆ หรือไม่ก็ไปนอนกับคุณมาร์ ที่ไร่ไปรยาเวศนะลูก] [ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ] วรันยาวางสายเสร็จ ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง อยากจะโทรกลับไปถามเพื่อนสาว แต่เวลานี้คงยังไม่เหมาะ เพราะดูเหมือนว่าทุกคนกำลังยุ่งๆ กันอยู่ จะโทรไปสอบถามจากกังศมา อีกฝ่ายก็คงจะเพิ่งทราบเรื่องไม่ต่างจากเธอ ครั้นจะโทร. ไปถามภาคินก็ไม่กล้า ก็เลยได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงอย่างรู้สึกหงุดหงิด สี่โมงเย็น... คนที่กำลังหลับเพลินๆ สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องหนักๆ เน้นๆ และยังคงเคาะอยู่อย่างต่อเนื่อง “อื้อ...รอแป๊บค่ะ” วรันยาขยับลุกจากเตียง เดินตรงไปที่ประตูห้องพร้อมกับแอบต่อว่าในใจ ‘ใครนะ? ช่างเคาะประตูห้องได้ไร้มารยาทได้ขนาดนี้’ คลิก! “ขอพี่เข้าไปหน่อยสิ” ภาคินรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องนอนของสาวเจ้าทันทีที่ประตูเปิดออก “อ๊ะ! เข้ามาทำไม แล้วพี่นาอยู่ไหน?” วรันยาถึงกับตกใจที่เห็นจอมทะลึ่ง ถือดีขยับขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงของเธอ “พี่นาไปตรวจงานครับ พี่มาบอกเรื่องของนัยกับคาร่า” ภาคินรีบเอ่ยเรื่องสำคัญ เพราะกลัวจะถูกไล่ออกจากห้อง “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” วรันยาถามอย่างอยากรู้ “พ่อพี่ไปเจอเพื่อนเก่าที่สนามบิน เลยชวนไปกินข้าวด้วยกันที่เพนท์เฮาส์ แต่พอไปถึงก็เจอนัยนอนอยู่บนเตียงกับคาร่าในสภาพที่เปลือยเปล่า” ภาคินเล่าเรื่องราวที่พอจะทราบมา ขณะเดียวกันก็แอบจ้องมองเรือนร่างบอบบางภายใต้เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ ซึ่งเขาสามารถมองทะลุเข้าไปจนเห็นปลายถันสีชมพูอ่อนได้ลางๆ “ตายจริง!” คนที่กำลังเคร่งเครียดไม่ทันได้ระวังตัว จึงไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจินตนาการไปไกลถึงไหนต่อไหน “ใช่! แล้วที่แย่กว่านั้นก็คือพ่อของคาร่าคือเพื่อนเก่าของพ่อพี่ที่มาด้วยกัน” ภาคินเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ เมื่อก้มลงมองขาอ่อนแล้วเห็นแพนตี้ตัวจิ๋วสีฟ้าอ่อน โอบอุ้มเนินเนื้ออันอวบอูม พลัน! เลือดในกายก็เดือดพล่านขึ้นมาราวกับลาวาที่กำลังจะระเบิดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ‘! นี่น้องไวน์ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงในนอนเหรอวะ’ “ลุงอัสลานเป็นเพื่อนกับลุงลูคัส?” วรันยายกมือขึ้นทาบอกอย่างรู้สึกช็อก ไม่คิดว่าทุกอย่างจะประจวบเหมาะได้ขนาดนี้ “ใช่! นัยกับคาร่าก็เลยต้องหมั้นหมายกันเอาไว้ก่อน หากคาร่าเรียนจบเมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยเรื่องแต่งงานกันอีกที” คนที่พยายามเก็บอาการหื่นลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง “แล้วตอนที่พี่คินไปถึง คาร่าเป็นยังไงบ้างคะ” วรันยาถามอย่างรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาว ‘ในห้องเราร้อนหรือไง? ทำไมอีตาบ้านี่ถึงเหงื่อแตก’ “ก็...ตาบวม เดาว่าคงจะร้องไห้ไปหนักมาก” ภาคินตอบก่อนจะยกมือขึ้นปาดหยดน้ำอุ่นๆ ที่ผุดขึ้นมาตามรูขุมขนบนใบหน้าทิ้ง “สรุปพี่นัย...” วรันยาเอ่ยค้างไว้อย่างขอความเห็น “พี่ยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกับมัน” ภาคินรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเริ่มจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ไหว “เอ่อ...พี่คินออกไปรอที่ข้างล่างนะคะ ไวน์จะเปลี่ยนเสื้อผ้า” คนที่เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวอย่างอายๆ “รู้อะไรไหม? พี่อยากจะหมั้นกับเราเอาไว้ก่อน” ภาคินหันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บ้า ออกไปได้แล้วค่ะ” วรันยาผลักร่างสูงให้ออกห่างอย่างรู้สึกกลัว “ขอชื่นใจหน่อยสิ” คนหื่นเอ่ยขออย่างหน้ามึน “พี่คิน!” วรันยาส่งสายตาดุๆ ไปให้ “น่า...นิดเดียวเอง” ภาคินอ้อนพร้อมกับดึงสาวเจ้าเข้ามากอด “อ๊ะ! ปะ...ปล่อยนะ” “เรียนจบมัธยมปลายแล้วเป็นเมียพี่นะ” ภาคินบอกก่อนจะก้มลงหอม ที่แก้มนวลอย่างอดใจไม่ไหว “ไม่! ทะ...ทำบ้าอะไรเนี่ย” วรันยาเริ่มจะสติแตกเมื่อมือหนาล้วงเข้ามาใต้เสื้อยืดตัวใหญ่ ลูบไล้หน้าอกของเธอไปมาเบาๆ “พี่พูดจริง!” ภาคินบอกก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างหื่นกระหาย ขณะเดียวกันก็ดึงเสื้อยืดตัวใหญ่ขึ้นเพื่อจะได้มองดอกบัวงามเต็มๆ ตา “อื้อ...พี่คิน! ปะ...ปล่อยไวน์นะ” วรันยาถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งเนื้อทั้งตัวหลังจากที่จอมทะลึ่งถอนจูบออก ภาคินซุกไซ้ซอกคอระหง พร้อมกับขอคำมั่น “สัญญามาก่อนสิ ว่าเราจะเป็นเมียพี่” “ไม่!” วรันยาดิ้นพล่านเมื่อริมฝีปากหยักได้รูปกำลังจะแตะสัมผัสที่ปลายถันของเธอ “งั้นก็ต้องใช้กำลังบังคับกันแล้วล่ะ” ภาคินเงยหน้าขึ้นบอกก่อนจะก้มลง เตรียมจะลิ้มรสดอกบัวที่สวยสดงดงามกว่าของสาวๆ คนใด ที่เคยสัมผัสมา “ยะ...อย่านะ! ฮึก...ฮือๆๆๆ” วรันยาผลักใบหน้าหล่อเหลาของออก แล้วปล่อยโฮทันใด คนที่หวังจะเคลมสาวถึงกับหน้าเสีย รีบดึงเสื้อยืดลงปิดหน้าอก พร้อมกับโอบกอดร่างบางที่สั่นเทาอย่างรู้สึกผิด “เฮ้! พี่แค่แกล้งแหย่เล่นเฉยๆ” “ไอ้คนบ้า ปล่อยนะ ปล่อย! ฮือๆๆ” วรันยาทุบที่อกกว้างอย่างรู้สึกโกรธที่ถูกลวนลาม “หยุดร้องก่อนสิ แล้วพี่สัญญาว่าจะปล่อย” ภาคินลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ‘บ้าจริง! นี่เราทำอะไรลงไปวะ?’ “ไวน์จะฟ้องพ่อกับคุณมาร์ว่าพี่คิน...” วรันยากำลังจะเอ่ยคาดโทษ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายขัดขึ้นเสียก่อน “ฟ้องเลย ไวน์ก็รู้ว่าพี่อยากหมั้นกับไวน์ใจจะขาด” ภาคินบอกอย่างไม่กลัว เพราะตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วว่าจะให้สาวตรงหน้าเป็นแม่ของลูก “แต่ไวน์ไม่อยากหมั้นกับพี่คิน” คนที่กำลังร้องไห้ถึงกับหยุดชะงักไปทันใด หลังได้ยินคำตอบของคนหน้ามึน “อยากหรือไม่อยาก ยังไงเราก็หนีพี่ไม่พ้นหรอกไวน์” ภาคินบอกพร้อมกับจ้องใบหน้างามที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “ฮือๆๆ ทำไมต้องมายุ่งกับหนูด้วย” วรันยากรีดร้องขึ้นอย่างรับไม่ได้ “ก็พี่ชอบเราไงยัยบื้อ” คนที่เก็บงำความรู้สึกมานาน เอ่ยสารภาพตรงๆ “ไม่จริง! พี่คินแกล้งไวน์มาตั้งแต่เด็ก โตมาก็ยังไม่หยุดแกล้ง แล้วอยู่ๆ จะมาบอกว่าชอบได้ยังไง” วรันยายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งอย่างไม่ไยดี พร้อมกับขยับไปอยู่ที่อีกฝั่งของเตียงอย่างรวดเร็ว “นั่นสิ! พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้อีกทีก็...” ภาคินกำลังจะขยับเข้าไปหาสาวเจ้า แต่เสียงเรียกเข้าของมือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “บ้าจริง!” คนที่กำลังจะสารภาพรัก สบถอย่างหัวเสียก่อนจะล้วงมือถือมากดรับสาย [ครับยาย ผมกับน้องไวน์กำลังจะไปครับ] พอวางสายของผู้เป็นยายเสร็จ ภาคินก็หันกลับมาบอกคนที่เอาผ้าห่มมาพันตัวไว้ราวกับดักแด้อย่างขำๆ “พี่ไปรอข้างล่างนะ รีบๆ ตามลงไปล่ะ” วรันยารีบเดินไปปิดประตูห้องนอน อย่างใจคอไม่ดี ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าถึงเนื้อถึงตัวเธอกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา แถมยังมาพูดจาเลอะเทอะเรื่องแต่งงาน ทั้งๆ ที่เธอยังอายุไม่ถึง 18 ปีด้วยซ้ำ หญิงสาวรีบไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ลงที่ชั้นล่าง เพื่อเดินทางไปทานมื้อค่ำกับผู้ใหญ่ เรือนใหญ่ไปรยาเวศ... “น้องไวน์” ดาหลาเอ่ยเรียกเด็กสาวที่นับวันก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ “สวัสดีค่ะน้าดา สวัสดีค่ะลุงลูคัส” วรันยายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างรู้สึกเขินนิดๆ เพราะไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบครึ่งปี “สวัสดีจ้ะน้องไวน์ น้าดาเขาซื้อชุดสวยๆ มาฝากเพียบเลย” ลูคัสรับไหว้ ก่อนจะมองเลยไปยังบุตรชายที่เดินตามหลังของเด็กสาวมาติดๆ “แหม...ก็ดูน้องไวน์ใส่แต่ละชุดที่ดาซื้อให้สิคะ สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ” ดาหลารีบกวักมือเรียกสาวเจ้าให้เข้ามาดูของฝาก วรันยาอมยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นถุงกระดาษใบใหญ่นับยี่สิบถุงวางเรียงอยู่ “คืนนี้นอนกับยายนะน้องไวน์” กังศมาเอ่ยชวน เพราะจะให้เด็กสาวลองใส่ชุดที่บุตรสาวซื้อมาให้ดูเหมือนทุกๆ ครั้ง “ค่ะ” วรันยาขานรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลงลืมเรื่องที่จอมทะลึ่งทำกับตัวเองเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไปเสียสนิท “ดีเลย จะได้นอนคุยกันเรื่องไปเที่ยวอังกฤษ” ดาหลาบอกอย่างตื่นเต้น ประหนึ่งสาววัยแรกรุ่นที่กำลังจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนสาวด้วยกัน “แม่ก็จะไปด้วยเหรอครับ” คนที่นั่งมองคนนั้นคนนี้คุยกันอยู่เงียบๆ เอ่ยถามอย่างสงสัย “ไปสิ! แม่จะพาน้องไวน์กับคุณยายไปทัวร์อังกฤษซะหน่อย” ดาหลาบอกอย่างอารมณ์ดี “ว้าว! ขอผมไปด้วยคนนะครับ” “ไลอ้อน! ลูกเพิ่งจะกลับมาจากอังกฤษนะ” ลูคัสเอ่ยเตือนบุตรชายที่เอาแต่จ้องมองวรันยาจนแทบจะไม่กระพริบตา “แหม...ผมก็แค่อยากจะพายายไปเที่ยวบ้างนี่ครับ” ภาคินแสร้งตัดพ้อ หวังให้ผู้เป็นยายเอ่ยปากชวนตนไปด้วย “ลูกกับนัยต้องเรียนรู้งานต่อจากพ่อ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ลูคัสรีบดักทางบุตรชายอย่างรู้ทัน “ก็ได้ครับ” ภาคินพยักหน้ารับอย่างทำใจ เพราะหากจะดูแลกิจการทางเหนือ เขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรที่จะสืบต่อกิจการ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกส่งไปเป็นลูกน้องของพี่ชาย หรือไม่ก็ถูกย้ายไปดูแลกิจการทางใต้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น เพราะมันจะทำให้เขาต้องอยู่ห่างจากวรันยาอย่างถาวร “เอ่อ...แล้วพี่นัยละคะ” วรันยาเอ่ยถามถึงคนที่เธออยากจะเจอมากที่สุดในตอนนี้ “พี่นัยเขาขอตัวไปนอนพักน่ะจ้ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปสู่ขอหนูคาร่า เพื่อนของน้องไวน์ใช่ไหม?” ดาหลาบอกพลางเลือกชุดที่จะให้เด็กสาวใส่ในวันพรุ่งนี้ “ใช่ค่ะ” วรันยาเอ่ยรับเสียงอ่อน ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง “พรุ่งนี้น้องไวน์ไปด้วยกันนะ” ลูคัสเอ่ยชวนอย่างเป็นทางการ หลังจากที่รอให้ภรรยากับแม่ยายเอ่ย แต่ทั้งสองก็เอาแต่สนใจชุดต่างๆ “ค่ะ” วรันยายิ้มก่อนจะมองชุดมากมายที่ดาหลาหยิบมาวางทาบบนตัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD