11

3346 Words
รีสอร์ตพรรณนารา... “น้องไวน์วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอลูก” สินชัยเอ่ยถามบุตรสาวที่หลังจากทานข้าวเสร็จก็มานั่งที่โซฟาห้องรับแขกกับตน “ไม่ค่ะ ไวน์จะนอนดูหนังกับพ่อทั้งวันเลย” วรันยาหยิบรีโมทมากดเลือกหนังใน Netflix ดู “หึๆ ว่าแต่โกรธพ่อหรือเปล่า ที่ไม่ได้เดินทางไปส่ง” สินชัยเอื้อมไปหยิบ ผ้าห่มผืนบางๆ ที่วางอยู่มาห่มให้บุตรสาว ที่ตอนนี้ยึดตักของตนเป็นหมอนไปแล้ว “ไม่หรอกค่ะ มีคาร่าไปด้วยทั้งคน” วรันยาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้บิดา “ตั้งใจเรียนนะลูก อีกหน่อยรีสอร์ตแห่งนี้ก็จะเป็นของหนู ใช้เวลาสามปี ให้คุ้มค่าและกอบโกยวิชาความรู้มาให้ได้มากที่สุด เพื่อวันหน้าจะได้เอามาพัฒนา รีสอร์ตที่พ่อกับแม่สร้างไว้ ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป” สินชัยบอกอย่างรู้สึกตื้อไปทั้งหัวใจ คิดไปถึงวันแรกที่มาดูสถานที่แห่งนี้กับพรรณนารา ซึ่งมีแต่ต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นรกเต็มไปหมด แต่เขากับเธอก็ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้าง และฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย จนกระทั่งติดหนึ่งในสิบ รีสอร์ตที่น่าเที่ยวของประเทศไทย “ค่ะ ไวน์สัญญาว่าจะทำให้สุดความสามารถเลย” วรันยาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเข้าไปสวมกอดบิดาเอาไว้แน่น “สู้ๆ นะลูก” สินชัยให้กำลังใจบุตรสาวขณะที่น้ำตาไหลเอ่อล้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ฮึก...ฮึก...” เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาสินชัยและวรันยารีบหัน ไปมอง “อ้าว! นารี ป้าเพลิน มายืนดราม่ากันทำไมตรงนั้น เข้ามานี่มา” สินชัย ยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองทิ้ง แล้วกวักมือเรียกเลขาที่รักดั่งลูกสาว กับแม่บ้านคนสนิทให้เข้ามาหา “ฮือๆๆ / ฮือๆๆ” เพลินใจกับนารีปล่อยโฮออกมาเสียงดัง รีบพากันเดินเข้าไปหานายใหญ่กับบุตรสาว “ฮือๆ พี่นา ป้าเพลิน” วรันยาสะอื้นหนัก เมื่อเห็นทุกคนเข้ามากอดเธอ “โอ๊ย! จะบ้าตาย ร้องกันใหญ่เลยทีนี้” สินชัยแสร้งบ่นทั้งที่ตัวเองก็น้ำตาไหลไม่ขาดสายเช่นกัน ทุกคนพากันร้องไห้ เพราะวันรุ่งขึ้นวรันยาก็จะออกเดินทางไปเล่าเรียนที่ต่างประเทศ ซึ่งคงจะทำให้บ้านหลังนี้เงียบเหงาลงไปถนัดตา เช้าวันต่อมา...รีสอร์ตพรรณนารา หลังจากที่นารีกับเพลินใจจัดโต๊ะอาหารเสร็จ สินชัยก็เตรียมจะล้วงมือถือมากดต่อสายหากังศมา แต่รถตู้สุดหรูคันใหญ่ของอีกฝ่ายก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเสียก่อน “แหม...ผมกำลังจะโทรตามอยู่พอดีเลยครับ” สินชัยรีบฉีกยิ้มให้กังศมา ภาคินและสิงขร ที่ก้าวออกมาจากรถตามๆ กัน “สวัสดีค่ะคุณมาร์ พี่สิง พี่คิน” วรันยายกมือไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เอ้...ทำไมตาบวมกันหมดเลย” กังศมารับไหว้พร้อมกับเอ่ยแซว “ไม่บวมสิครับแปลก เมื่อวานสาวๆ บ้านนี้ดราม่ากันไปหลายรอบเลย” สินชัยบอกพลางหัวเราะเบาๆ ทั้งที่ตัวเองก็ตาบวมไม่แพ้คนอื่นๆ “เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” วรันยาเอ่ยชวนอย่างรู้สึกอายนิดๆ “จ้ะ” กังศมายิ้มรับ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้หลานชายและหัวหน้าคนงานในไร่ (สิงขร) ออกเดินตาม “สวัสดีครับอาสิน” ภาคินเอ่ยทักทายผู้ใหญ่ “สวัสดีคิน! อาขอบใจมากนะเราที่จะไปส่งน้องไวน์ถึงอังกฤษ” สินชัยรับไหว้ พร้อมกับบอกอย่างซาบซึ้งใจ “ผมยินดีครับ” ภาคินยิ้มรับทันใด “เดี๋ยวนะ! นี่พี่คินจะไปส่งไวน์อย่างนั้นเหรอคะ?” วรันยาหันไปถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง “ใช่จ้ะ” กังศมาชิงตอบ ‘บ้าจริง! นี่สินยังไม่ได้บอกน้องไวน์เหรอเนี่ย’ “เอ่อ...ไวน์ไปกับคาร่าสองคนได้ค่ะ” วรันยารีบบอก เพราะเพื่อนสาวของเธอก็อยู่อังกฤษมาตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆ เป็นอย่างดี จึงไม่มีอะไรให้ต้องน่าเป็นห่วง ภาคินมองค้อนแม่ตุ๊กตาบลายธ์ ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่อีกฝ่ายน่าจะยังไม่รู้ “คาร่าเลื่อนการเดินทางออกไปหนึ่งอาทิตย์ครับ” “ไม่จริง!” วรันยาส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ เพราะเมื่อคืนเธอยังวิดีโอคอลคุยกับเพื่อนสาว ไม่เห็นอีกฝ่ายจะว่าอะไร “งั้น...น้องไวน์ก็ลองโทรไปถามดูสิครับ” ภาคินยกยิ้มที่มุมปาก วรันยารีบล้วงมือถือมาขึ้นมาเตรียมจะกดต่อสายหาเพื่อนรัก แต่อีกฝ่ายกลับโทร. เข้ามาเสียก่อน เธอจึงรีบกดรับสาย [คาร่า! เธอเลื่อนการเดินทางออกไปอย่างนั้นเหรอ?] [ใช่! ฉันขอโทษจริงๆ นะไวน์ ต้องไปทำธุระกับพ่อก่อน ก็เลย...] วรันยาฟังเพื่อนสาวพูดยังไม่ทันจบก็ถูกจอมทะลึ่งแย่งมือถือไปคุยสายหน้าตาเฉย [พี่จะดูแลน้องไวน์เองครับไม่ต้องห่วง] [เอ่อ...นั่นพี่คินใช่ไหมคะ?] [ครับ] [ฝากดูแลไวน์ด้วยนะคะ แล้วก็ขอโทษที่มีเหตุกะทันหัน] [ไม่ต้องห่วงครับ พี่จะพาน้องไวน์ไปดูสถานที่ต่างๆ รอ] [ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ หนูต้องรีบไปแล้ว] ปลายสายบอกจบก็กดวางไปทันทีทันใด “คาร่ามีธุระสำคัญกับลุงอัสลานนะครับ” ภาคินบอกก่อนจะส่งมือถือคืนให้กับสาวเจ้า “อืม...งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย” สินชัยเอ่ยชวนเพราะกลัวว่าบุตรสาวและภาคินจะตกเครื่อง “ครับ” ภาคินขานรับก่อนจะเดินตามผู้ใหญ่ไปด้วยสีหน้าอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ขณะที่วรันยายืนสตั้นนิ่งอยู่กับที่ “ไปจ้ะน้องไวน์” กังศมาสะกิดสาวเจ้าที่ยังไม่หายงงให้ออกเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งมีนารีกับเพลินกำลังตักข้าวใส่จานรออยู่ หลังจากที่รับประทานอาหารและร่ำลากันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งแน่นอนว่า มีดราม่าบ่อน้ำตาแตกกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ภาคินที่ต้องแอบเบือนหน้าหนีแล้วปาดน้ำตาทิ้งอยู่สอง-สามครั้ง วรันยาได้ขวัญถุงจากกังศมาจำนวนหนึ่งหลังจากที่อีกฝ่ายผูกข้อมืออวยพรให้ จากนั้นเธอก็ออกเดินทางไปขึ้นเครื่องกับภาคิน โดยมีสิงขรกับนารีขับรถไปส่งที่สนามบินเชียงใหม่ หนึ่งชั่วโมงต่อมา... พอลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ วรันยาก็เจอกับหิรัญที่มาดักรอพร้อมกับคนสนิทของอีกฝ่าย “แหม...ไม่เจอกันแค่ปีเดียวเอง น้องสาวพี่สวยขึ้นเป็นกองเลย” หิรัญ อ้าแขนรอให้สาวน้อยที่รักดั่งน้องสาวแท้ๆ วิ่งเข้ามากอดเหมือนทุกครั้ง “คิดถึงพี่รัญที่สุดเลยค่ะ” วรันยาวิ่งไปหาอีกฝ่ายอย่างดีใจ ขณะที่ภาคินกลอกตาอย่างเซ็งๆ หลังเห็นพี่ชายกอดและหอมแก้มของสาวเจ้า “ตั้งใจเรียนนะ ว่างๆ พี่จะแวะไปหาครับ” หิรัญบอกก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้าที่บูดบึ้งของน้องชาย ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ค่ะ” วรันยาฉีกยิ้มหวานให้พี่ใหญ่ของซานเตียนโน่ที่น่ารักและอบอุ่นกับเธอเสมอ “แล้วนี่คินจะไปส่งน้องไวน์เหรอ?” หิรัญแสร้งถาม ทั้งที่รู้จากผู้เป็นยายมาแล้วเมื่อคืน “ครับ” ภาคินพยักหน้ารับ “เดินทางแค่สองคน?” หิรัญเอ่ยเย้าต่อ “ครับ คาร่าติดธุระก็เลยเลื่อนการเดินทางออกไปหนึ่งอาทิตย์” ภาคินหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ที่พี่ชายถามเหมือนจะนั่งเครื่องไปส่งสาวเจ้าด้วยกัน “แล้วนัยล่ะ?” หิรัญถามถึงน้องชายอีกคนอย่างรู้สึกแปลกใจ “ติดธุระเหมือนกันครับ” ภาคินออกตัวให้น้องชายฝาแฝด ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า อีกฝ่ายไปทำห่าเหว เอ๊ย! ระยำตำบอนอยู่ที่ไหน “น้องไวน์ครับ พี่โอนเงินเข้าบัญชีให้เราเมื่อเช้า เห็นหรือยังเอ่ย?” หิรัญบอกเรื่องสำคัญที่ไม่แน่ใจว่าสาวเจ้าทราบหรือไม่ “ยะ...ยังค่ะ แต่ขอบคุณพี่รัญมากๆ เลยนะคะ” วรันยายกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งใจ “เล็กน้อยครับ ยังไงก็เดินทางปลอดภัยนะ พี่ให้นักบินเตรียมเครื่องรอแล้ว” หิรัญบอกยิ้มๆ “ขอบคุณมากๆ ค่ะ” “พี่มีประชุมต่อ ถ้าเราถึงอังกฤษแล้วแชตบอกพี่หน่อย โอเค้?” หิรัญส่งยิ้มให้สาวน้อยอีกครั้ง แล้วยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูเวลา “ได้ค่ะ” วรันยาฉีกยิ้มหวานตอบอย่างตื้นตันใจ “ดูแลน้องดีๆ อย่าทำให้ผู้ใหญ่ต้องมองหน้ากันไม่ติด” หิรัญกระซิบบอกน้องชายตัวดีเสร็จก็รีบออกเดินไปพร้อมกับมือขวาคนสนิท “ชิ!” ภาคินมองตามด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนจะพาวรันยาไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวลำใหม่ของบิดา ที่มีนักบินสแตนบายรออยู่ ห้านาทีต่อมา...วรันยามองดูเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่ของลูคัส ที่เธอเคยนั่งไปอังกฤษพร้อมกับกังศมาและดาหลาเมื่อปีก่อนอย่างรู้สึกตื่นเต้น “สวัสดีครับคุณภาคิน คุณไวน์” นักบินประจำเครื่องออกมายืนรอรับพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สวัสดีค่ะ” วรันยายกมือไหว้นักบินกับบอดี้การ์ดของลูคัสที่จะคอยดูแลความปลอดภัยต่างๆ ให้ “สวัสดีครับ” ภาคินพูดพร้อมกับส่งกระเป๋าเดินทางให้บอดี้การ์ดเอาไปเก็บ จากนั้นก็พาสาวเจ้าเข้าไปนั่งประจำที่ แล้วชวนคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ของลอนดอน นักบินวัย 38 ส่งซิกให้บอดี้การ์ดวัย 40 ปี สังเกตการกระทำของภาคินที่แสดงต่อสาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้ม ตามคำสั่งของลูคัส ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนักบิน เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง 10 ชั่วโมงต่อมา...ประเทศอังกฤษ [London] “น้องไวน์ครับ น้องไวน์” ภาคินสะกิดเรียกคนที่นอนหลับให้ตื่น เพราะเครื่องลงจอดที่สนามบินลอนดอน ฮีทโธรว์ แล้ว “อื้อ...ถึงแล้วเหรอคะ” วรันยาลืมตาตื่นอย่างรู้สึกมึนงง เมื่อหันไปมองรอบๆ แล้วเห็นนักบินและบอดี้การ์ดยืนรออยู่ตรงประตูทางเข้า-ออกของเครื่องบิน “ถึงแล้วครับ” ภาคินส่งยิ้มให้สาวที่ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่นก็ยังสวย “ไวน์ขอไปล้างหน้าก่อนนะคะ” วรันยาบอกอย่างรู้สึกอายนิดๆ “ครับ” ภาคินขานรับก่อนจะเอื้อมไปปลดล็อกเข็มขัดออกให้ “ขอบคุณค่ะ” วรันยาหน้าร้อนผ่าวกับการกระทำที่ดูจะเทคแคร์ไปซะ ทุกอย่าง จนบอดี้การ์ดที่คอยดูแลถึงกับทำตัวไม่ถูก ภาคินลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปหาการ์ดกับนักบิน แต่ก็เห็นคนสนิทของบิดาวัย 57 ปี ที่ประจำอยู่ที่อังกฤษ เดินขึ้นมาหาบนเครื่องด้วยสีหน้าตื่นๆ “สวัสดีครับคุณไลอ้อน มะ...มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เคิร์กเอ่ยถามบุตรชายของผู้เป็นนายอย่างเป็นห่วง “ไม่ครับ! พอดีน้องไวน์เพิ่งจะตื่น ก็เลยช้านิดหน่อยครับ” ภาคินบอกก่อนจะเหลือบมองการ์ดกับนักบินที่พากันหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ “ผมก็นึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก ถามไอ้นักบินซื่อบื้อกับไอ้บ้าสองตัวนั่นก็ไม่ยอมตอบ ไม่รู้ว่าพวกมันลืมปากไว้ที่ประเทศไทยหรือเปล่า” เคิร์กบอกอย่างรู้สึกโกรธ “หึๆๆ” ภาคินถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเบรกไม่อยู่ เมื่อเห็น คนเก่าคนแก่ของบิดาหันไปมองค้อนคู่กรณี ที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันสักเท่าไหร่ “สรุปคุณไลอ้อนจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” เคิร์กถามเข้าเรื่อง “ไปเพนท์เฮาส์ครับ วิลล่าอยู่นอกเมือง ถ้าพักที่เพนท์เฮาส์น่าจะสะดวกที่สุด” ภาคินตอบก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้สาวเจ้าที่เดินเข้ามาหา “เรียบร้อยแล้วค่ะ” วรันยาส่งยิ้มหวานให้กับเคิร์ก เพราะเคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่ง “เชิญครับ” เคิร์กยิ้มตอบเด็กสาวก่อนจะออกเดินนำ กระทั่งมาถึงจุดที่นักบินกับบอดี้การ์ดยืนอยู่ เคิร์กก็หันไปสบถด่าเสียงดังแล้วเดินลงบันไดของเครื่องบินไปด้วยสีหน้าตึงๆ “ไอ้พวกบ้า!” “ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนพากันหัวเราะตามหลังของเคิร์ก ไม่เว้นแม้แต่ภาคินกับ วรันยาที่ไม่รู้สถานการณ์ก่อนหน้า แต่ก็อดขำตามคนอื่นๆ ไม่ได้ 20 นาทีต่อมา...1929 Condo วรันยาจ้องมองคอนโดหรูที่สวยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างรู้สึกตื่นเต้น “ว้าว! พี่คินพักอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอคะ” “ครับ พ่อพี่ซื้อเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พี่รัญมาเรียนต่อที่นี่” ภาคินตอบก่อนจะหันไปบอกคนสนิทของบิดาและบอดี้การ์ดที่ติดตามมาด้วย “วันนี้ผมกับน้องไวน์ จะอยู่ที่คอนโดครับ” “โอเคครับ! งั้นผมขอตัวกลับวิลล่าก่อน” เคิร์กยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังที่จอดรถด้านหน้า “พวกผมพักอยู่ที่ห้องชั้นล่างนะครับ” บอดี้การ์ดบอกก่อนจะพากันลากกระเป๋าเดินทางของบุตรชายเจ้านายและหญิงสาวตรงไปยังลิฟต์ “ครับ” ภาคินพยักหน้ารับ “เอ่อ...ตอนที่พี่คินกับพี่นัยมาเรียน ก็พักอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ” “พี่กับนัยไม่ค่อยได้มาพักเท่าไหร่ครับ เพราะปีแรกต้องอยู่หอพักใน มหาลัย. ปีสองก็ย้ายออกไปอยู่อพาร์ทเมนท์ที่ใกล้กับมหาลัย. ปีสามถึงจะได้มาพักที่นี่ครับ ส่วนพ่อกับแม่ของพี่น่ะ มาแวะพักที่นี่กันเป็นประจำ เพราะอยู่ใกล้กับสนามบิน” ภาคินโอบไหล่ของสาวเจ้าเดินผ่านล็อบบีไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เจอกับคนรู้จักเข้า “สวัสดีครับพี่พีเค สบายดีไหมครับ” ภาคินทักทายหนุ่มรุ่นพี่ที่เคยแวะไปสังสรรค์ด้วยบ่อยๆ “สวัสดีครับคุณไลอ้อน ผมสบายดี ว่าแต่...” อันโตนิโอ้หรี่ตามองเด็กสาวข้างกายของอีกฝ่ายอย่างสนใจ ‘ใช่น้องสาวหรือเปล่าวะ?’ “อ๋อ! นี่น้องไวน์ครับเป็น...” ภาคินฉีกยิ้มหวานเตรียมจะเปิดตัวคนรัก แต่ทว่า...กลับถูกสาวเจ้าชิงพูดตัดบทเสียก่อน “เป็นน้องสาวของพี่คิน เอ่อ...พี่ไลอ้อนน่ะค่ะ” วรันยารีบบอกเพราะกลัว อีกฝ่ายจะแนะนำเหมือนที่เคยแนะนำกับพนักงานที่ร้านชุดชั้นใน ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาของใครๆ เพราะอายุยังน้อยแต่ดันแก่แดดมีแฟนแล้ว “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพีเค พักอยู่ชั้นที่18กับภรรยา ว่างๆ ก็แวะไปทำอาหารไทยทานด้วยกันนะครับ” อันโตนิโอ้เอ่ยชวน ‘! โล่งใจ นึกว่าพา เด็กไฮสคูลมาฟาดซะอีก’ “ได้ครับ / ค่ะ” ภาคินกับวรันยาขานรับพร้อมกัน “ว่าแต่...คุณไลอ้อนได้เจอกับไทเลอร์บ้างหรือเปล่าครับ?” อันโตนิโอ้ถามถึงเพื่อนสนิทที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในไร่สิรันยากรณ์ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับไร่ไปรยาเวศ “ยังครับ ผมว่าจะเข้าไปขอความรู้เรื่องการดูแลสวนองุ่นกับสวนส้มจาก คุณแดเนียลและพี่ไทเลอร์อยู่เหมือนกัน” ภาคินตอบก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ บอดี้การ์ดที่กดลิฟต์รอ ขึ้นไปก่อน “สรุปคุณไล้อ้อนได้คุมกิจการทางเหนือใช่ไหมครับ?” อันโตนิโอ้ถามถึงบทสรุปของเรื่องที่ครั้งหนึ่งเคยได้คุยกับสองหนุ่มฝาแฝด เกี่ยวกับทิศทางที่จะดำเนินต่อหลังจากเรียนจบ “ใช่ครับ ไทเกอร์ได้รับช่วงต่อทางใต้” “เยี่ยมไปเลยครับ! แล้วคุณดีแลนสบายดีไหม?” “สบายดีครับ” “โอเค! งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบเข้าประชุมแทนบอส” “ครับ แล้วเจอกัน” ภาคินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ไปก่อนนะครับคุณไวน์” อันโตนิโอ้บอกลาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูด้านหน้าด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะเริ่มประชุมแล้ว “ค่ะ” วรันยาส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วเดินตามภาคินเข้าไปในลิฟต์ตัวใหม่ที่พนักงานกดให้ “น้องไวน์มีอะไรหรือเปล่า?” ภาคินถามหลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง “คือ...ไวน์แค่สงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดไทยชัดน่ะค่ะ” วรันยาบอกอย่างรู้สึกทึ่งนิดๆ กับการสนทนาของหนุ่มหล่อมาดเนี้ยบเมื่อครู่ “หึๆ พี่พีเคเขาได้เมียเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขาก็เป็นลูกครึ่งไทย เจ้านายของเขา คุณออร์แลนโด้ เจ้าของคอนโดนี้ก็เป็นลูกครึ่งไทย เลยทำให้เขาพูดไทยชัดครับ” ภาคินเฉลยให้สาวเจ้าทราบถึงที่มาที่ไป ซึ่งหากเธอได้เห็นตอนที่พีเคและเหล่าเพื่อนๆ ร้องเพลงของเสก โลโซ กับ ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ จะต้องอึ้งหนัก! เพราะแต่ละคนเสียงดีๆ ทั้งนั้นเลย “ว้าว! ไม่น่าเชื่อนะคะ” “ใช่! เขาเคยชวนพี่ไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ของเขาด้วยนะ มีแต่เมนูอาหารไทยทั้งนั้นเลย” “มีอะไรบ้างคะ?” วรันยาเลิกคิ้วถามอย่างสนใจ “อืม...มีลาบหมูแบบอีสาน เนื้อน้ำตก เนื้อย่าง ส้มตำปลาร้า ยำรสจัด แล้วก็ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ พี่กับไอ้นัยนี่แทบจะร้องไห้” ภาคินบอกยิ้มๆ “ทำไมคะ” “ก็ดีใจน่ะสิ นานๆ จะได้กินอาหารไทยรสจัดๆ แบบถึงพริกถึงขิงสักที ตอนจะกลับห้องก็เลยหน้าด้านขอห่อกลับด้วยแน่ะ” ภาคินเล่าถึงเรื่องน่าอายของตนกับน้องชายฝาแฝด “คิกๆๆๆ” วรันยาหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ ไม่คิดว่าจอมทะลึ่งกับภัคคินัย จะกล้าทำอย่างที่พูด “เอาน่า...อยู่ๆ ไป เดี๋ยวน้องไวน์ก็จะโหยหารสชาติจัดจ้านของอาหารไทยเหมือนกับพี่ เชื่อสิ!” “แล้วที่นี่มีตลาดขายของที่เราจะเอามาทำอาหารไทยไหมคะ” คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกหลายปีรีบสอบถาม “มีสิ! ที่ห้างสรรพสินค้า The Diamond R มีครบเลย” “น้าดาเคยพาน้องไวน์ไปมาแล้วค่ะ เป็นห้างสรรพสินค้าของตระกูล โรคาซานเดอร์ เจ้าของเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของลุงลูคัส แล้วก็เป็นพ่อของเจ้าของคอนโดแห่งนี้ด้วยใช่ไหมคะ” “ใช่ครับ! พรุ่งนี้พี่จะพาไปทัวร์อีกครั้ง แล้วก็จะพาไปทานข้าวในร้านที่พี่กับไอ้นัยเคยไปทำงานพาร์ทไทม์ด้วย” “ค่ะ” วรันยาขานรับก่อนจะสะดุ้งนิดๆ เมื่อประตูเปิดออก “ถึงแล้วเหรอคะ” เธอจ้องมองชั้นที่น่าจะมีทางเดินตรงและยาวเข้าไปด้านใน แต่เปล่าเลย มีแค่ทางเดินห่างจากลิฟต์ไปถึงประตูใหญ่ ที่มีแป้นพิมพ์ใส่รหัสเพียงสองเมตรเท่านั้น “ถึงแล้วครับ พ่อพี่ซื้อชั้นนี้เอาไว้ทั้งหมด” ภาคินบอกพร้อมกับสะกิดให้ สาวเจ้าเดินออกจากลิฟต์ แล้วตรงไปกดรหัสที่แป้นพิมพ์ คลิก! ทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก วรันยาถึงกับอุทานออกมาอย่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะเธอไม่เคยเห็นอะไรที่หรูหราแบบนี้มาก่อน “ว้าว!” “เชิญครับ” ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นแม่ตุ๊กตาบลายธ์ออกอาการปลื้ม “กว้างจังเลยค่ะ” วรันยาหันไปมองการตกแต่งรอบๆ ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ‘แม่เจ้า! อย่างกับวังของท่านสุลต่านแน่ะ” “หึๆ พี่ว่าเราไปดูห้องพักกันก่อนดีกว่าครับ” ภาคินเอ่ยชวน “ค่ะ” วรันยาพยักรับก่อนจะเดินตามไปติดๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD