“ในที่สุดท่านก็มาเสียที ข้ารอท่านมาสิบกว่าวันแล้ว” เห็นสวามีนั่งอ่านตำราอยู่บนศาลากลางสวนชื้น ที่ชิงหรูเรียกแบบนั้น เพราะที่นี่เป็นสวนปิด มีพืชดอกพืชประดับมากมาย แล้วยังมีน้ำตกจำลองที่ดูเหมือนจะเป็นน้ำอุ่น เพราะเห็นไอลอยขึ้นมา ทำให้ในนี้อบอุ่นกว่าด้านนอกมาก
“นั่งลง” เมื่อได้รับคำเชิญ ก็รีบเดินไปนั่งตรงหน้าของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำตาลมองสำรวจกายสวามีอย่างเปิดเผย
เจ้าของจวนยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาเป็นที่พักแขน ข้างที่จับตำรา เอียงข้างให้กับโต๊ะไม้ตัวเตี้ย ดูจากการแต่งกายสบายๆ อีกฝ่ายคงชำระกายเรียบร้อยแล้ว
น่าแปลก ปกติช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ คนโบราณมักไม่อาบน้ำตอนเช้า...หรือเนื้อตัวของเขาเปื้อนอะไรบางอย่างจนต้องล้างออก
“จะจ้องอีกนานหรือไม่”
“ไม่จ้องๆ ข้าขอโทษที่กัดนมท่านวันนั้นนะ แล้วก็ขอบคุณเสื้อคลุมนี่ด้วย มันอุ่นมาก ช่วยข้ารอดตายมาได้”
“...”
“แต่ข้าพึ่งรู้ว่าเสื้อคลุมอันนี้สำคัญกับท่าน เลยเอามาคืน” เสียงหวานพูดเจื้อยแจ้ว ถอดเสื้อคลุมที่ใส่อยู่มาพับให้เรียบร้อย ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะเตี้ย
ในเมื่อคืนของแล้ว เอ่ยขอโทษแล้ว ก็เหลือเพียงเรื่องเดียวที่จะต้องสนทนากับจื่อหาน
“จริงสิ ข้าจะมาขอหย่ากับท่าน” อดีตคุณหนูสกุลเกาพูดเรื่องสำคัญอย่างไม่ทุกข์ร้อน ราวกับว่าเรื่องที่ตนเองพูดนั้นเป็นการถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป ทว่ามิใช่กับบุรุษแคว้นหลัวเป่ย
ปัง! หนังสือในมือ ถูกปาลงบนพื้นจนสาวงามสะดุ้ง
“เจ้าพูดกลางตลาดจริงๆ สินะ ที่ว่าจะหย่ากับข้า” น้ำเสียงเริ่มเย็นลงทุกที แต่คนฟังกลับยังยิ้มหัวเราะออกมาได้
“แหะๆ ข้าพูดเอง เดิมทีอยากบอกท่านก่อน แต่เพราะได้ยินชาวบ้านเข้าใจผิดว่าเรารักกันแน่นแฟ้น ข้าเลยแก้ต่างออกไป ท่านพอใจ อื้อ!” กรามเล็กถูกบีบจนน้ำตาเล็ด นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องทำทีเหมือนโกรธ ทั้งที่ก็อยากจะหย่ากับนางเช่นกัน
“เจ้าตั้งใจทำให้ข้าเสียหน้า ตั้งใจทำให้ข้ากลายเป็นที่ขบขันของคนทั้งเมืองใช่หรือไม่!” เสียงตะคอกดังก้องทั่วสวน
“อื้อ” เกาชิงหรูตบไปที่ข้อมือสวามีหวังให้เขาปล่อย พลางส่ายหน้าปฏิเสธ ในสวนนี้ไม่มีข้ารับใช้เลยสักคน ขันทีหูตู๋เองก็ไม่อยู่ นางประเมินแล้วว่าหากสู้ตอบ อย่างไรก็คงตายคามืออ๋องอำมหิตผู้นี้แน่
เช่นนั้นก็ต้องทำตัวน่าสงสารเสียหน่อย
“พูดมา”
“ข้า- ข้าเปล่าทำให้ท่านอายคนนะ ท่านก็อยากหย่ากับข้ามิใช่หรือ เราไม่รักกัน ก่อนหน้าเป็นข้าที่บังคับให้ท่านจำใจแต่งข้าเข้ามา ข้าเลยคิดว่าเราหย่าขาดจากกันน่าจะเป็นเรื่องดี” เกาชิงหรูว่าเสียงเบา หน่วยตาเอ่อไปด้วยน้ำสีใส ทอดมองไปยังคนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ขณะที่ในใจนึกอยู่เสมอว่า...อย่าให้ถึงตาของนาง
จะว่าไปท่าทางของเฉิงจื่อหานผิดแปลกไปจากมาก เดิมทีเป็นฝ่ายชายที่ยื่นหนังสือหย่าให้เกาชิงหรู แต่เหตุใดมาวันนี้เขาจึงโกรธที่นางขอหย่า
“ข้าอยากหย่ากับเจ้าทุกลมหายใจเข้าออก แต่รู้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงทำไม่ได้”
“ทำไม่ได้? เหตุใดจึงทำไม่ได้”
“เพราะเจ้าเป็นชายาพระราชทานจากเสด็จพ่ออย่างไรเล่า!” คอเล็กถูกดึงเข้าไป จนดวงหน้างามกระทบกับอกของสวามี กลายเป็นว่านางตกอยู่ในอ้อมแขนที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น
ใบหน้าไร้รอยยิ้มก้มลงมาสบตากับชายาชัง นิ้วโป้งยังคงไล้อยู่ที่ลำคอระหง คล้ายจะบีบมันให้แหลกคามือได้ทุกเมื่อ คงไม่ต้องบอกว่าสตรีตัวเล็กๆ หวาดกลัวเพียงใด
“อึก!”
“เจ้ากับข้าจะหลุดพ้น...ต้องตายจากกันไปข้างหนึ่ง” แววตาดุดันมิต่างจากสัตว์ป่า ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อีกฝ่ายฆ่าคนได้เพียงดาบเดียว เอ่ยกันว่าแม้แต่เด็กและสตรีก็ไม่เว้น
ฮื่อ!!! ฉิบหายของจริง นางไม่น่าสร้างตัวละครให้ร้ายสุดโต่งแบบนี้เลย เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนรักจึงอยากให้ปรับตัวละคร
แต่เดี๋ยวนะ...เรื่องสมรสพระราชทาน ไม่มีในนิยายมิใช่หรือ! นี่มันเรื่องอันใดกัน ชักจะแปลกขึ้นไปทุกที
“เข้าใจหรือไม่!”
“หะ ขะ เข้าใจๆ” เสียงตะคอก ทำให้เกาชิงหรูหลุดออกจากภวังค์
“เข้าใจว่าอย่างไร”
“เอ่อ เข้าใจ เข้าใจว่าเราหย่ากันไม่ได้” ชิงหรูส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้อีกฝ่าย หากว่ากฎของการเป็นอิสระคือต้องตายจากกันไปข้าง อยู่เช่นนี้น่าจะดีกว่าแหะ
“เข้าใจแล้วก็ออกไป ข้าจะทำธุระต่อ” กายงามถูกผลักออกจากอ้อมกอด ก่อนอ๋องหนุ่มจะหันมายกชาขึ้นดื่ม
เป็นจังหวะเดียวกับที่นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามา ดูจากการแต่งตัวที่ดูวาบหวิว เนื้อผ้าที่ใส่ก็บางจนแทบจะเห็นสรีระทุกส่วน ชิงหรูก็เข้าใจทันทีว่าธุระที่ว่าคือเรื่องใด
นางกำนัลผู้นี้คงเป็นเถียนซู สาวใช้อุ่นเตียงคนโปรดของท่านอ๋อง และเป็นคนเดียวกับที่สาวใช้คนสนิทของชิงหรูหันไปประจบประแจง
“ข้ามีข้อเสนอสำหรับการอยู่ร่วมกันของเรา ขอข้าพูดก่อนแล้วจะออกไป”
“เหตุใดข้าต้องฟัง”
“เพราะตอนนี้ชื่อเสียงของท่านไม่ค่อยจะดีนัก ในเมื่อเราต้องอยู่ร่วมกันไปจนตาย ข้าก็อยากให้เราได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย” เรื่องนี้เกาชิงหรูเป็นต่อ นางรู้ดีว่าเป้าหมายสำคัญของเฉิงจื่อหานคือการขึ้นครองบัลลังก์ตามความต้องการสุดท้ายของมารดา
เพราะเช่นนี้เขาจึงเลือกออกศึกสงครามรักษาดินแดน สร้างคุณงามความดี เพราะแม้ผู้คนจะมองว่าเขาโหดเหี้ยม แต่คนเหล่านั้นก็จะมองเขาเป็นวีรบุรุษเช่นกัน
“ว่ามา” มือใหญ่กลับกวักเรียกสาวใช้อุ่นเตียงขึ้นมาปรนนิบัติบนศาลา ทำเอาชิงหรูที่หวังจะได้แกล้งชายหนุ่ม ยื้อเวลาแห่งความสุขของเขาออกไป ถึงกลับเลิกคิ้วแปลกใจที่ไม่เป็นไปตามคาด
“ท่าน...จะให้ข้าพูดเลยหรือ”
“อยากพูดมิใช่หรือ รีบเข้าสิ” มุมปากกระตุกยิ้มร้าย ก่อนจะคว้าเอาสตรีอุ่นเตียงเข้ามาซุกไซ้ ทั้งที่สายตายังติดอยู่กับใบหน้างามของชายาชัง
หึ! นางคิดจะแกล้งเขา ลูกไม้ตื้นๆ เท่านี้เหตุใดจะมองไม่ออก
“เหอะ ได้!”
“...”
“อย่างที่ท่านรู้มา ชาวบ้านเล่าลือกันว่าท่านปฏิบัติต่อข้าไม่ดีจนข้าต้องขอหย่า และหากชีวิตความเป็นอยู่ของข้าตอนนี้เล็ดลอดออกไปด้านนอก ย่อมมิใช่เรื่องดี”
“...” เฉิงจื่อหานจ้องหน้าคนพูดเขม็ง ไม่ได้สนใจเลยว่าเถียนซูจะดึงรั้งสาบเสื้อของเขาออกจากกัน
“ในเมื่อเราต้องอยู่ด้วยกันจนตาย เช่นนั้นท่านเลี้ยงข้าให้ดีหน่อย ให้เบี้ยหวัดรายปี แล้วข้าจะช่วยแก้ข่าวให้”
“อยากได้เงินสินะ”