เสียงท่อบิ๊กไบค์สีแดงดังกระหึ่มก่อนจอดลงตรงลานที่ติดป้ายไว้ว่า VVIP ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขาดเฉพาะข้อต่อตวัดขาลงจากสองล้อคันใหญ่ที่จอดไล่หลังอีกคันเพียงไม่นาน ก่อนที่คนมาถึงก่อนจะชี้หน้าล้อเลียนไปว่า
“Loser”
คนมาทีหลังถอดหมวกออกแล้วเดินตามแรงกอดรัดของคนชนะ ร่างสูงใหญ่ที่ล้อเพื่อนอย่างสนุกปาก บอกย้ำอีกที “Don't forget to keep your mouth shut na krub.”
ไม่มีเสียงขานรับมีแต่การพยักหน้าตอบกลับเพียงเท่านั้น ก่อนจะพากันเดินลัดเลาะไปยังทางด้านหลังโซนพูลวิลลา แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแว่วเสียงดังวีดว้ายดังออกมา พอดีกับที่พนักงานของรีสอร์ตเดินผ่านมาพอดี เลยมีเสียงถามหลุดออกมาจากปากของเขา
“ใครเหมาวิลลา”
“น้องสาวของเจมี่ครับ”
ได้คำตอบแล้วพยักหน้าให้เป็นทำนองว่ารับรู้ก่อนเดินหน้าต่อไปยังเต็นท์ขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง ถัดจากบีชบาร์ไม่เกินร้อยเมตรดี
“คุณร็อกมาแล้วหรือ”
หญิงสาวในชุดทำงานปักหน้าอกเป็นชื่อที่พักถามหูตาแพรวพราวเป็นประกาย จนคนมองอดหมั่นไส้ไม่ได้
“แล้วคุณร็อกไปไหนแล้วล่ะ”
“เดินไปทางด้านหลังกับคุณเจมี่นู่นแล้วมั้งครับ”
“เต็นท์ตรงปากอ่าวนั่นน่ะหรือ”
“ครับ” บอกจบก็ค้อมตัวให้หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าแต่ตำแหน่งงานใหญ่กว่าตน ก่อนผละไปเงียบ ๆ ให้อีกฝ่ายมองไปตามทางที่ชายหนุ่มมุ่งหน้าไป
“ห้องก็มีให้พัก ทำไมต้องไปนอนเต็นท์ด้วยนะคุณร็อกเนี่ย”
“แฟนใครยะคนนั้น”
“ไม่ใช่ของฉัน”
“ไม่มีเจ้าของงั้นฉันเอานะจ๊ะ ขาว ยาว ใหญ่ ล่ำแบบนี้ของชอบเลย” เฌอบอกแล้วเดินกรีดกรายไปทักทายหนุ่มร่างใหญ่กล้ามแน่นที่มองจิกอยู่ตรงที่นั่งข้างกันกับธาราทิพย์
“ไงธารา มางานของส้มเหมือนกันหรือ”
“ไม่มาได้ยังไง เพื่อนรักแต่งงานทั้งที”
คนถามยิ้มเจื่อนมองแก้วในมือของเธอแล้วบอกราวกับหวังดี “อย่าดื่มเยอะล่ะ”
“ไปนะ” อีกคนที่ยืนตรงนั้นด้วยบอกก่อนจะดึงเอาตัวเพื่อนเดินจากเธอไป
ธาราทิพย์นั่งจิบเครื่องดื่มในมือ พร้อมกับนั่งมองผู้คนในงานตรงมุมมุมหนึ่งด้วยความรู้สึกเหงาและวังเวง แม้จะมีเพื่อนแวะมาพูดคุยด้วย แต่เธอก็พอจับได้ถึงความรู้สึกที่พวกนั้นมีให้
คงสมเพชเธอสินะ
และที่เธอมางานเลี้ยงในคืนนี้ ก็ไม่ได้มารอสาดน้ำกรดใส่ใครทั้งนั้น ก็แค่อยากมา มาดูหน้าคนที่เคยคิดว่ารักและหวังดีต่อกันมาตลอด สองคนนั้นทำกับเธอลงคอได้อย่างไร ไม่ได้อาลัยอาวรณ์ใครหรอก จริง ๆ นะ ถ้าบอกแบบนี้จะมีใครเชื่อเธอไหม
ช่างปะไร ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ใครสนกัน
แล้วตัดสินใจเดินออกจากตรงนั้น มองไปยังทิศทางที่เกิดแสงแดงส้มตรงขอบฟ้าข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เลยเดินเอื่อยออกมาเรื่อย ๆ จนถึงบีชบาร์ตรงหน้าหาดของที่พัก เลือกแล้วว่าบริเวณนี้ปลอดสายตาน่าสมเพช น่าสะอิดสะเอียน ก็ค่อยพ่นลมหายใจออกอย่างเซ็ง ๆ
เธอมางานนี้ทำไมกันเนี่ย
เอาจริง ๆ ในใจลึก ๆ ก็ยังเจ็บจี๊ด ๆ อยู่เลยที่เห็นชายคนรักกับเพื่อนสนิทกำลังจะเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ และใช้ชีวิตเป็นครอบครัวแสนสุขด้วยกัน มีพ่อแม่ลูก คงสุขสันต์กันน่าดู แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นเธอ
ก็บอกแล้วว่าช่างปะไร ถือเสียว่าเขาไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอก็แล้วกัน
อุตส่าห์คิดแบบนี้แล้วยังปวดหน่วง ๆ ในหัวใจอยู่ดี ไม่น่าเลย เธอไม่น่าสาระแนมางานเลี้ยงวันนี้เลยด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ให้แค้นใจที่ไม่ใช่ใครอื่น เธอนึกแค้นใจตัวเธอเองนี่แหละ
ว่าแล้วคว้าแก้วเครื่องดื่มที่สั่งพนักงานเอาไว้ตอนมาถึง ยกดื่มพรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนวางลง ยกมือสั่งซ้ำกับพนักงานคนเดียวที่ยืนยิ้มเฉพาะปาก แต่ดวงตาสงบนิ่งราวทะเลเบื้องหน้าไม่ผิดเพี้ยน เรียบร้อยแล้วจึงเบนสายตาไปยังอีกทางเมื่อหูแว่วเสียงเรียกชื่อของเธอดังมาจากทางนั้น
“ธารา”
ปฏิภาณ ชายที่เป็นคนรักคนแรกของเธอและคงจะเป็นรักเดียว เรียกเธอด้วยน้ำเสียงอาวรณ์ไม่แพ้สายตาที่เขาทอดมองมา
ชายหนุ่มปลีกตัวตามธารามาแต่แรกแล้ว และมองเธออยู่นาน ก่อนตัดสินใจเข้ามาพูดคุยกับเธอสักครั้ง ก่อนจะแต่งงานกับอรนุชตามกำหนดการที่วางไว้
“คุณดื่มมากไปแล้วนะธารา พอเถอะ ทำไมต้องดื่มหนักขนาดนี้ด้วย”
ธาราทิพย์เบือนหน้าหนี เธอไม่อยากคุยกับคนที่เธอยังตัดใจไม่ได้ แล้วก็ได้ยินเสียงเขาบอกตามมาอีกว่า
“ซันขอโทษ”
ธาราทิพย์รู้สึกร้อนไปทั้งกระบอกตา เธอถามเขากลับด้วยเสียงที่พยายามไม่ให้สั่น “ขอโทษเรื่องอะไร”
“ซันจำเป็นต้องแต่งงานกับส้ม” ชายที่เธอคิดว่ารักเขานักหนา พูดเหมือนกับว่าที่เขาทำนั่น มันไม่ได้ผิดต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเป็นแฟนฉันอยู่แต่ไปทำอรนุชท้องได้ยังไง คิดอย่างเศร้าใจปนหงุดหงิด โมโห
“ส้มท้องธาราก็รู้”
ยังจะครวญออกมาอีกเรื่องที่ไปทำผู้หญิงอื่นท้อง แต่ก็ดี ทำให้ความเกลียดชังที่มีมันฝังกลบความรักต่อเขาได้บ้าง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
ธาราทิพย์บอกเสียงแข็ง พยายามปั้นหน้าว่าไม่แคร์ แต่ปฏิภาณดูออก เขาคบธาราทิพย์มานาน ตั้งแต่สมัยเรียน