“ฉันว่าแกคิดมากเกินไปหรือเปล่าตุ๊กตา”
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจัสมินจะทำเหมือนอย่างที่ตุ๊กตาพูด เมื่อวานตอนที่ฉันกลับฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับจัสมินบ้าง เพราะฉันก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
แต่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันเธอก็ไม่ได้แสดงออกว่ารักพี่คิณณ์หรืออยากได้พี่คิณณ์เลยนี่นา มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จัสมินจะมาแย่งพี่คิณณ์ไปจากฉัน เธอดูน่ารักขนาดนั้น
“ฉันก็แค่มาเตือนแกจะเชื่อหรือไม่มันก็เรื่องของแก ฉันเองก็ไม่อยากให้แกคบพี่คิณณ์อยู่แล้วมันคนละชั้นกันเลิกกันได้ก็ดี”
ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ
สรุปแล้วมันเป็นห่วงฉันจริงๆ ป่ะเนี่ย ฉันถอยหายใจกับเพื่อนตัวเองที่อารมณ์เสียมาแต่เช้า
แต่ฉันรู้ว่าตุ๊กตาไม่ได้โกหกฉันหรอกฉันคิดว่ามันน่าจะคิดมากเหมือนที่ฉันเคยคิดมาก ตอนนั้นฉันเองก็คิดว่าจัสมินไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เข้าใจ
แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองเข้าใจผิดเพราะเธอไม่ได้มีท่าทางอยากจะแย่งพี่คิณณ์ไปจากฉันเลยฉันเลยคิดว่าพวกเราน่าจะเข้าใจผิดกันไปเองมากกว่า
ฉันกับตุ๊กตาเตรียมตัวที่จะขึ้นไปเรียนก็เดินสวนกับจัสมินที่เดินก้มหน้าก้มตาลงบันไดเหมือนไม่อยากมองหน้าฉัน หรือไม่เธอก็กลัวตุ๊กตา เพราะเมื่อกี้มันบอกฉันว่ามันด่าน้องไปซะเยอะเลยล่ะ
พอเจอหน้ากันน้องก็เลยไม่ได้กลัวไม่กล้ามองหน้าแบบนี้ไง เห็นแล้วก็สงสารเพื่อนฉันมันจะโหดไปไหนก็ไม่รู้ ไอ้ควาโหดน่ะเอาไว้ใช้ในตอนซ้อมหลีดน้องก็ได้ไม่ต้องทำหน้าโหดตลอดเวลาหรอก
พวกน้องๆ กลัวกันหมดแล้ว ก่อนที่จัสมินจะเดินผ่านฉันไป ฉันก็จับแขนเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่าที่ต้นแขนของเธอมีรอยช้ำเหมือนโดนใครทำร้ายมา เธอรีบสะบัดออกเบาๆ แล้วเอาเสื้อคลุมแขนตัวเองเอาไว้ก่อนจะยกมือไหว้ฉัน
“สวัสดีค่ะพี่ลิซ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าจัส?”
ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะปกติแล้วเวลาที่จัสมินเห็นฉันเธอจะส่งยิ้มให้ทุกครั้งแต่ครั้งนี้เธอกลับหลบตาฉัน แทบไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกับฉันเลย
ตุ๊กตาไปขู่อะไรเธอหรือเปล่าเนี่ยทำไมเธอถึงดูท่าทางหวาดกลัวแบบนี้ ถึงฉันจะไม่ได้สนิทกับจัสมินเท่าไหร่แต่ฉันก็พอรู้ว่าน้องเป็นคนร่าเริงและชอบยิ้มมาก พอเห็นแบบนี้ฉันก็เลยเป็นห่วง
“ปะ...เปล่าค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” จัสมินหันกลับมา
ฉันไล่ให้ตุ๊กตาขึ้นไปเรียนก่อนแล้วฉันจะตามขึ้นไปทีหลัง เพราะถ้ามันยังยืนอยู่ตรงนี้น้องอาจจะไม่กล้าอยู่คุยกับฉันก็ได้
ฉันเดินเข้าไปลูบแขนน้องเบาๆ อยากให้เธอรู้สุกสบายใจขึ้นมา รู้หรือเปล่าว่าหน้าตาน่ารักของเธอน่ะไม่เหมาะกับหน้าเศร้าแบบนี้หรอก
“เย็นนี้ไปกินข้าวที่ห้องพี่มั้ย?”
“พี่ลิซไม่กลัวว่าหนูจะแย่งพี่คิณณ์ไปจากพี่เหรอคะ?”
คนที่คิดจะแย่งพี่คิณณ์ไม่มีทางพูดออกมาแบบนี้แน่นอน ฉันยิ้มแล้วส่ายหน้าคนน่ารักอย่างเธอฉันคิดว่าไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน
“พี่ตุ๊กตายังคิดเลยว่าหนูจะแย่งพี่คิณณ์ไปจากพี่ลิซเลย”
“ก็ถ้าจัสไม่ได้คิดจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่”
คราวนี้จัสมินยิ้มออกมาร่าเริงมากเหมือนเธอดีใจที่ฉันเข้าใจเธอ ฉันเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะไม่รับฟังความเห็นของใครหรอกนะ
อีกอย่างพี่คิณณ์เล่าให้ฉันฟังว่าจัสมินเองก็อยากได้ฉันเป็นพี่สาวเหมือนกัน ฉันเองก็ควรจะดูแลเธอในฐานะที่เธอเป็นน้องสาวฉันสิถูกมั้ย ที่จริงฉันเองก็เอ็นดูน้องเหมือนกันนะ เวลาที่เห็นยิ้มออกมาแล้วมันดูน่ารักมากเลยล่ะ
“หนูไม่เคยคิดที่จะทำร้ายพี่ลิซหรือแย่งพี่คิณณ์ไปจากพี่ลิซเลยนะคะ หนูรักพี่ลิซและพี่คิณณ์เหมือนเป็นพี่ชายกับพี่สาวของหนู”
จัสมินโอบกอดฉันแน่นเหมือนเธอดีใจที่ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อกับฉัน บอกตามตรงว่าก่อนหน้านี้ฉันก็เคยคิดเหมือนตุ๊กตาที่ว่าจัสมินจะมาแย่งพี่คิณณ์ไปจากฉัน
แต่พอคิดไปคิดมามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก หรือถ้าเป็นไปได้ถ้าพี่คิณณ์ไม่เล่นด้วยเรื่องของทั้งสองคนก็เกิดขึ้นไม่ได้
“ขอบคุณนะคะที่รักและเอ็นดูหนู”
“เย็นนี้เจอกันนะ”
“ค่ะ”
ตอนเย็นฉันก็ให้จัสมินมาหาที่หอพักโดยให้พี่คิณณ์ไปรับเธอมา เพราะถ้าให้เธอมาเองและกลับดึกมันคงอันตราย พี่คิณณ์กับจัสมินเดินเข้ามาในห้องพร้อมอาหารที่ซื้อมาพร้อมด้วย
ฉันเป็นคนที่ทำอาหารไม่เป็นและไม่คิดที่จะทำด้วย พี่คิณณ์เองก็รู้ข้อนี้ดีก็เลยไม่ได้ว่าอะไร ส่วนมากถ้าเขาไม่เป็นคนทำก็จะซื้อแบบสำเร็จเข้ามาเลย
ฉันไม่ได้อยากทำตัวเป็นคุณหนูหรอกนะแต่ฉันทำกับข้าวไม่เป็นเลย เคยลองทำแล้วและมันก็ทำใหืพี่คิณณ์ต้องลำบากตอนเก็บนี่สิ
ฉันเตรียมจานมาไว้ที่โต๊ะรอและให้จัสมินกับพี่คิณณ์เปิดใส่จานได้เลย ส่วนฉันก็ขอตัวไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเพราะอากาศมันร้อน
ฉันเป็นคนที่แพ้อากาศร้อนมากตุ๊กตามันก็ด่าฉันนะว่าเป็นโรคคุณหนูแค่อากาศร้อนก็หน้ามืดจะเป็นลมแล้ว แล้วมันหรือไงถ้าเลือกได้ฉันคงไม่อยากแพ้อะไรหรอก
“ไม่น่าเชื่อว่าจัสทำอะไรเก่งขนาดนี้” เสียงของพี่คิณณ์ดูตกใจมาก
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำมองไปดูอาหารในจานและคงเดาได้ว่าน่าจะเป็นฝีมือของจัสมินแน่นอน เพราะพี่คิณณ์ไปรับเธอนานมากก็คงน่าจะทำอาหารกันอยู่
“เปิดร้านขายได้เลยนะเนี่ย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีหนูอยู่คนเดียวเลยต้องช่วยเหลือตัวเอง”
พี่คิณณ์หันมามองฉันแล้วทำหน้าดุเหมือนว่าฉันเป็นรุ่นพี่แท้ๆ แต่กลับทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ก็ฉันเกิดมาฉันก็มีแม่บ้านคอยทำให้อ่ะผิดตรงไหนที่ฉันจะทำอะไรไม่เป็น
อีกอย่างฉันไม่จำเป็นต้องทำเองด้วยฉันอยากได้อะไรก็แค่สั่งเท่านั้นเอง และที่สำคัญนะไม่ใช่ว่าฉันไม่ทำฉันน่ะเคยทำเขาแต่มันเละเทะเต็มห้องอ่ะยังอยากให้ฉันทำอีกเหรอ
“ไม่เหมือนลิซเลยเนอะทำอะไรไม่เป็นเลย พี่อยากกินข้าวไข่เจียวลิซยังทำให้พี่กินไม่ได้เลย”
ฃถ้าอยากกินก็แค่โทรสั่งง่ายกว่ากันตั้งเยอะทำไมจะต้องอยากให้ฉันทำให้ด้วย อีกอย่างถ้าฉันทำมันก็คงกินไม่ได้อยู่ดี
“เชื่อป่ะตั้งแต่ที่คบกันมาพี่ไม่เคยได้กินฝีมือลิซเลย”
“พี่คิณณ์” ฉันมองค้อนร่างสูงที่นินทาฉันต่อหน้ารุ่นน้องแบบนี้
“คนเราเก่งไม่เหมือนกันนี่คะ บางทีพี่ลิซอาจจะเก่งอย่างอื่นก็ได้”
จัสมินหันมายิ้มให้ฉันและเธอก็พูดเข้าข้างฉันด้วย ฉันยิ้มตอบให้น้อง เธอน่ารักขนาดนี้ทำไมฉันถึงคิดว่าเธอจะมาแย่งพี่คิณณ์ไปจากฉันได้นะ
“ไม่หรอกลิซทำอะไรไม่เป็นสักอย่างงานบ้านอย่างกวาดห้องลิซยังไม่ทำเลย เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึงหรอกนะเพราะมีแต่พี่เท่านั้นที่เอาไปซักและเอาไปตาก”
ฉันไม่ได้บอกให้พี่คิณณ์ทำนี่นาเขาอาสาทำเอง อีกอย่างเขาก็บอกกับพ่อฉันแล้วว่าจะดูแลฉันอย่างดี แล้วมันใช่ความผิดของฉันเหรอที่ไม่ทำอะไรเลย
อีกอย่างฉันก็บอกพี่คิณณ์ไปแล้วว่าฉันทำไม่เป็นให้หาแม่บ้านมาคอยทำให้ แต่พี่คิณณ์ก็ไม่ยอมและบอกว่าจะทำเอง แล้วนี่ฉันผิดอะไร
“แต่พี่ลิซก็รักพี่คิณณ์นี่คะ”
“เพราะงี้ไงพี่ถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อลิซ”
พี่คิณณ์เดินมาโอบกอดฉันก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่ต่อหน้าจัสมิน เธออมยิ้มแล้วจัดอาหารใส่จานต่อ
“เวลาที่เราจะไปดูหนังกันทีไรจะต้องทะเลาะกันทุกทีเลยค่ะ” นี่ยังไม่หยุดเผาฉันอีกเหรอ
“ทำไมล่ะคะ?”
“ลิซชอบดูหนังโรแมนติกแต่พี่ชอบดูหนังแอ็คชั่น แต่พี่ก็ถูกบังคับให้ไปดูหนังรักๆ กับเธอ นี่ยังไม่หมดเท่านั้นนะเวลาไปเที่ยวพี่ชอบภูเขาแต่ลิซชอบทะเลแต่พี่ไม่เคยได้ไปเที่ยวเขาเลยเพราะกลัวลิซจะน้อยใจที่พี่ไม่ไปกับเธอ”
ใช่! ฉันกับพี่คิณณ์ชอบไม่เหมือนกันสักอย่าง แต่พี่คิณณ์ก็ยอมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อฉัน เขาบอกว่าถ้าเห็นฉันมีความสุขต่อให้เขาจะทุกข์เขาก็ยอม เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงไม่อยากเสียพี่คิณณ์ไป
เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่โรแมนติกแต่เขาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมฉันมากขนาดนี้ และจะมีใครที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรักมากขนาดนี้ด้วย
พี่คิณณ์ยอมทำงานหนักก็เพื่อฉัน ยอมอดหลับอดนอนก็เพื่อฉัน เขาคอยเป็นห่วงฉันอยู่ตลอด เวลาที่ฉันกลับหอดึกเขาจะเป็นคนไปรับฉันเองและไปนั่งเฝ้าจนกว่าฉันจะซ้อมหลีดเสร็จและเขาก็ทำหน้าที่นี้ดีมาตลอด
“อิจฉาพี่ลิซจังเลยนะคะ”
จัสมินมองฉันกับพี่คิณณ์แล้วยิ้มเศร้าๆ เหมือนเธอไม่เคยเจอความรักดีๆ แบบนี้มาก่อน แต่เธอก็ทำหน้าเศร้าได้ไม่นานก่อนเงยหน้ามายิ้มให้ฉันกับพี่คิณณ์
“พี่คิณณ์เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงต้องการเลยค่ะ”
“ขนาดนั้นเชียว?”
“หนูยังต้องการพี่คิณณ์เลยค่ะ”