SOMEBODY09:ให้ท่าแฟนรุ่นพี่

2488 Words
ฉันนั่งเผชิญหน้ากับคุณพ่อคุณแม่และคุณย่า มากันพร้อมหน้าเลยสินะพอรู้ว่าฉันจะกลับมาที่บ้าน เตรียมตัวที่จะมาซ้ำเติมกันล่ะสินี่คงคิดว่าพี่คิณณ์มาด้วยก็เลยตามกันมาถึงที่บ้าน ฉันนั่งกอดอกจ้องหน้าทุกคนที่อยู่ในบ้านอย่างไม่พอใจ ก็ไม่ได้อยากกลับมาเพื่อให้ทุกคนต่อว่าหรอกนะ แต่ฉันอยากรู้เรื่องถุงยาง นั่นว่าสรุปแล้วมันใช่ฝีมือของพ่อแม่ฉันหรือเปล่าเท่านั้นเอง ที่จริงฉันจะปล่อยเรื่องถุงยาง นั่นไปก็ได้ถ้ามันยังไม่ได้ถูกแกะใช้แล้ว แต่นี่มันถูกแกะออกมาแล้วเหลือแค่ซองการที่ทำแบบนี้มันเหมือนว่าอยากให้ฉันกับพี่คิณณ์ทะเลาะกันเลยนะ “แกล้งกันแบบนี้หนูไม่ชอบเลยนะคะคุณพ่อคุณแม่” ฉันพูดเข้าเรื่องทันทีฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันพูดแบบนี้ออกไปปฏิกิริยาของทุกคนจะเป็นยังไง เพราะถ้าพวกเขาทำเขาจะต้องมีพิรุธแน่ๆ ทุกคนมองหน้าฉันแล้วเลิกคิ้วงุนงงว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร นี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือแกล้งแสดงละครตบกันฉันกันแน่ “พูดเรื่องอะไรของลูกลิซ พวกเราแกล้งอะไร?” คุณแม่เอ่ยถามกลับมาน้ำเสียงเหมือนไม่รู้เรื่องจริงๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ทุกคนไม่รู้เรื่องก็คนที่อยากให้ฉันเลิกกับพี่คิณณ์ก็มีแค่คนในบ้านของฉันเท่านั้นอ่ะ หรือว่าจะมีคนอื่นที่ไม่หวังดีกับพวกเรางั้นเหรอ พี่คิณณ์ก็บอกไม่รู้เรื่อง พอมาถามคนที่บ้านก็บอกไม่รู้เรื่องอีก สรุปแล้วถุงยางมันเป็นของใครกันแน่ “พวกฉันไม่ได้ไปยุ่งกับแกนานแล้วนะลิซ” คุณพ่อจ้องหน้าฉันเขม็งที่จู่ๆ ฉันก็เดินเข้ามาหาเรื่องแบบนี้ สายตาที่ทุกคนมองฉันนั้นไม่ได้มีพิรุธอะไรเลย ทำให้ฉันเริ่มคิดว่าพวกท่านอาจจะไม่ได้รู้เรื่องถุงยางฯ นั่นก็ได้ “ก็ถุงยางนั่นไงคะ?” “ถุงยาง?” ทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ ที่ฉันพูดถึงเรื่องถุงยาง ที่จริงกะว่าจะไม่พูดแล้วนะแต่ถ้าไม่พูดแล้วคนที่ทำเรื่องนี้เป็นพวกเขาฉันคงไม่โอเคเท่าไหร่ที่ใช้แผนนี้บังคับให้ฉันเลิกกับพี่คิณณ์ เพราะฉันมั่นใจว่าพี่คิณณ์ไม่มีทางนอกใจฉันแน่ๆ เราคบกันมานานแล้วนะเขาไม่เคยทำให้ฉันระแวงอะไรในตัวเขาเลย จะมีก็แค่ช่วงหลังๆ มานี้เท่านั้นเองแต่ฉันก็ไม่อยากเชื่อไงว่าคนที่ดูแลฉันอย่างดีมาตลอดเขาจะเป็นคนที่ทำร้ายฉันได้ “แอบเอาถุงยางไปใส่ในกระเป๋ากางเกงพี่คิณณ์เพื่อที่จะให้หนูเข้าใจผิดพี่คิณณ์ใช่มั้ยคะ” ฉันถามต่อเพื่อที่จะดูปฏิกิริยาของทุก แต่ก็ไม่เห็นพิรุธอะไรเลย หรือว่าฉันกำลังเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า “แกประสาทหรือเปล่าลิซ กางเกงมันก็ใส่อยู่พวกฉันจะเอาไปใส่ในกางเกงมันได้ยังไงถ้ามันไม่ได้เป็นคนใส่ลงไปเอง” คุณพ่อตวาดเสียงดังอย่างโมโหทำให้ฉันสะดุ้ง น้อยครั้งมากเลยนะที่ท่านจะขึ้นเสียงใส่ฉันแบบนี้ อย่างที่บอกฉันเป็นลูกคนเดียวท่านเลยโอ้เป็นพิเศษและตามใจทุกเรื่อง “ถ้าเรื่องที่แกพูดเป็นความจริงงั้นไอ้คิณณ์มันก็คงกำลังสวมเขาให้แกอยู่ลูกโง่” "..." ฉันนั่งคิดไปต่างๆ นานาว่าถุงยางนั่นมันมาอยู่ในกางเกงพี่คิณณ์ได้ยังไง เขาบอกฉันเองว่ามันไม่ใช่ของเขาฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะว่าเขากำลังหลอกฉันอยู่ แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่พ่อบอกบางทีตอนนี้ฉันอาจจะโดยสวมเขาอยู่ก็ได้ ต่อให้ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ฉันไว้ใจและเชื่อใจจะทำกับฉันได้ก็เถอะ ฉันไปหาพี่คิณณ์ที่อู่รถในหัวของฉันตอนนี้มีแต่คำพูดของพ่อที่บอกว่าพี่คิณณ์กำลังสวมเขาให้ฉันอยู่ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อที่ผ่านมาพี่คิณณ์ไม่เคยมีเรื่องนั้นเขามาให้ฉันระแวงหรือเคลือบแคลงใจเลย และฉันก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของคนในครอบครัวฉันแน่ มันจะต้องเป็นใครสักคนที่ไม่อยากให้ฉันคบกับพี่คิณณ์ต่อไป แต่พออยู่ต่อหน้าพี่คิณณ์ฉันก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ในใจอยากจะถามเขากับเรื่องถุงยางนั่น ฉันแค่กลัวว่าถ้าเอาเรื่องถุงยางขึ้นมาพูดอีกมันอาจจะทำให้เราทะเลาะกันก็ได้ “พี่ลิซ” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองที่มาของเสียงที่เรียกฉันก็เห็นว่าจัสมินยืนอยู่ตรงหน้าฉัน เธอมาทำอะไรที่อู่รถของพี่คิณณ์ อีกอย่างมายืนยิ้มอะไรอยู่ตรงนี้ “บังเอิญจังเลยนะคะเจอพี่ลิซที่นี่พอดีรถหนูมันสตารท์ไม่ติดหนูก็เลยเอามาให้พี่คิณณ์ช่วยดูน่ะค่ะ” “อ้าวเหรอ?” ฉันที่กำลังจะคิดไปไกลก็รีบเปลี่ยนความคิดทันที เมื่อกี้ฉันคิดว่าจัสมินแอบมาหาพี่คิณณ์ซะอีก ระแวงมากไปแล้วลิซ จัสมินไม่มีทางทำอย่างที่ฉันคิดหรอก เธอออกจะน่ารักและจริงใจกับฉัน พี่คิณณ์เองก็คงไม่คิดที่จะนอกใจฉันแล้วแอบไปคบกับรุ่นน้องฉันแน่ ฉันไม่ใช่คนที่คิดมากหรอกนะแต่บางทีเรื่องบางเรื่องที่เข้ามาก็ทำให้ฉันอดคิดมากไม่ได้ไง “แล้วนี่มานานหรือยังอ่ะ?” “ก็สักพักแล้วค่ะ” ฉันเดินเข้าไปนั่งคุยกับจัสมินในร้าน พี่คิณณ์กำลังดูรถให้จัสมินอยู่เลยไม่ได้เดินมาทักทายฉันเหมือนอย่างเคย อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้บอกเขาด้วยว่าจะมาหาเขาก็เลยไม่มีเวลาให้แบบนี้ ก็อยากจะโทรมาบอกก่อนอยู่เหรอแต่ตอนนั้นในหัวมันคิดมากกับเรื่องถุงยางก็เลยลืมโทรมาบอกก่อน “พี่คิณณ์นี่น่ารักจังเลยนะคะ พอรู้ว่าหนูเอารถมาซ่อมพี่เขาก็ลัดคิวให้เลย คงเป็นเพราะหนูเป็นรุ่นน้องพี่ลิซแน่ๆ เลยอ่ะ แบบนี้หนูคงมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น” “งานไหนเร่งพี่คิณณ์ก็ทำให้ก่อนอยู่แล้วไม่ใช่เพราะพี่หรอก” ฉันพูดยิ้มๆ พี่คิณณ์เป็นคนมีน้ำใจเรื่องลัดคิวเขาไม่เคยทำหรอก ถ้าลูกค้าคนไหนไม่รีบเท่าไหร่เขาก็จะทำให้คนที่เร่งรีบก่อน ฉันก็เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่พี่คิณณ์ยอมทำให้จัสมินก่อนน่ะ เพราะฉันก็มานั่งเฝ้าพี่คิณณ์ทำงานอยู่บ่อยๆ เลยรู้เรื่องการทำงานของเขาด้วย “พี่ลิซนี่โชคดีจังเลยนะคะที่มีแฟนน่ารักๆ อย่างพี่คิณณ์” จัสมินหันไปยิ้มให้พี่คิณณ์ที่กำลังทำงานอยู่ ใครๆ ก็บอกว่าพี่คิณณ์น่ารักและฉันโชคดีมากที่ได้เขาเป็นแฟน ฉันก็คิดอย่างนั้นเพราะพี่คิณณ์ดีกับฉันทุกอย่าง เพียงแต่ครอบครัวฉันไม่ยอมรับเขาเท่านั้นเอง ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงให้พ่อกับแม่ยอมใจอ่อนให้พี่คิณณ์ จริงอยู่ที่เขาไม่ได้รวยเหมือนฉันแต่เขาเป็นขยันนะและฉันเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ฉันลำบากแน่นอน “แถมพี่เขายังน่ารักกับทุกคนด้วยค่ะ” “ชอบพี่คิณณ์ใช่มั้ยล่ะ?” พอฉันถามคำถามนี้จัสมินก็ยิ้มหน้าแดงแล้วพยักหน้า ใครๆ ต่างก็ชอบพี่คิณณ์ไม่ใช่แค่ผู้หญิงนะผู้ชายก็ชอบในความมีน้ำใจของเขา ฉันก็เลยไม่แปลกใจหากว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาหาพี่คิณณ์หรือโทรมาไลน์มาขอบคุณอย่างนั้นอย่างนี้ บางคนก็ไม่ได้แค้มาขอบคุณนะพวกเธอยังหวังอย่างอื่นด้วย บ้างก็ไลน์มาชวนไปกินข้าว บ้างก็บอกว่าจะเลี้ยงดูเขาไม่ให้เขาลำบากทำงานเลย แต่เขาก็ปฏิเสธไปหมดทุกคนแล้วบอกพวกเธอไปว่าเขามีแฟนแล้วและเขาก็รักแฟนมากด้วย “พี่ลิซไม่โกรธหนูนะคะ” “แล้วพี่จะโกรธเรื่องอะไรก็ดีแล้วไงที่มีคนชอบพี่คิณณ์ ถ้าพ่อกับแม่พี่ชอบพี่คิณณ์เหมือนจัสชอบก็คงดีไม่น้อยเลยนะ” ฉันถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องของตัวเองกับพี่คิณณ์ให้จัสมินฟัง พอเล่าจบเธอก็ทำหน้าเห็นใจที่ความรักของฉันกับพี่คิณณ์มีอุปสรรคแบบนี้ พี่คิณณ์ก็บอกฉันนะว่าไม่ต้องคิดมากความรักของทุกคนก็มีอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่แค่คู่ของเราหรอก “แล้วอย่างนี้พี่ทั้งสองคนจะคบกันได้ยังไงคะ?” นั่นแหละคือปัญหาที่ฉันต้องหาทางแก้ คุณพ่อประกาศว่าถ้าหากพี่คิณณ์หาเงินสิบล้านมาเป็นค่าสินสอดไม่ได้ก็จะไม่ยกฉันให้เขา พี่คิณณ์ถึงต้องทำงานจนไม่มีเวลาพักแบบนี้เพื่อพิสูจน์ให้พ่อฉันเห็นว่าเขาสามารถดูแลฉันให้ดีได้โดยที่ไม่ให้ฉันต้องลำบาก ถึงแม้จะหาเงินสิบล้านมาไม่ได้ก็ตามแต่เขาก็จะพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ฉันมั่นใจในตัวเขาว่าเขาจริงจังที่จะดูแลฉันต่อไป “พี่ซ่อมเสร็จแล้วนะ” พี่คิณณ์เข้ามาขัดจังหวะทำให้บทสนทนาของเราสองคนจบลงแค่นั้น จัสมินรับกุญแจรถจากมือพี่คิณณ์แล้วขอตัวกลับก่อน พี่คิณณ์ปาดเหงื่อตัวเองที่หน้าผากก่อนจะนั่งลงข้างฉันที่ทำหน้าเหมือนตัวเองใกล้จะตายเข้าไปทุกที “โดนพ่อกับแม่ดุมาอีกล่ะสิท่า” “ก็นิดหน่อยค่ะ” พี่คิณณ์จับมือฉันกุมไว้แล้วส่งยิ้มให้เหมือนเป็นการให้กำลังใจ ฉันเองก็ชินแล้วล่ะกับเรื่องโดนด่าให้เลิกคบกับพี่คิณณ์อ่ะ และฉันก็มองว่ามันกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วด้วย ตุ๊กตาก็บอกให้ฉันเชื่อพ่อกับแม่นะเพราะท่านเป็นคนเดียวที่จะไม่มีวันทำให้ฉันต้องเสียใจ เรื่องนั้นฉันรู้ดี แต่เรื่องความรักฉันขอเป็นคนเลือกเองได้มั้ยล่ะให้ฉันได้ตัดสินใจเองได้มั้ย ฉันยิ้มให้พี่คิณณ์พยายามที่จะไม่คิดมากเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องคิดมากกับฉันด้วย “จัสมินมาที่นี่บ่อยมั้ยคะ?” “...” ฉันอดที่จะถามไม่ได้ เมื่อเห็นว่าก่อนที่ฉันจะเข้ามาฉันเห็นว่าเธอยืนคุยกับเพื่อนๆ ของพี่คิณณ์เหมือนสนิทกันมาก ไหนจะอาจารย์ของพี่คิณณ์ที่มาดูงานที่อู่ด้วยดูจะเอ็นดูจัสมินมากๆ เลยนะ เหมือนว่าเธอมาที่นี่บ่อยมาก อาจจะบ่อยกว่าฉันก็ได้ “ก็...มาทุกวัน” “มาทุกวัน?” มาทำอะไรที่นี่ทุกวัน รถของเธอมันเสียทุกวันเลยเหรอ พี่คิณณ์เกาหัวตัวเองจนผมยุ่งไปหมดเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจว่าเธอจะมาหรือไม่มา เขาน่ะอาจจะไม่ได้ใส่ใจแต่ฉันคิดว่ามันไม่ธรรมดาแล้วนะที่เธอจะมาที่นี่ทุกวันแบบนี้ “มาหาพี่คิณณ์เหรอคะ?” “อื้อจะว่างั้นก็ได้นะ เธอบอกว่าเธอไม่มีพี่ชายเลยอยากให้พี่เป็นพี่ชายให้เธอน่ะ บางวันก็มาปรึกษาเรื่องเรียนกับพี่หรือไม่ก็เรื่องเพื่อน เพราะเธอมีปัญหากับเพื่อนน่ะ” พี่คิณณ์พูดเหมือนมันไม่ได้เป็นเรื่องที่เราควรจะใส่ใจเพราะจัสมินก็แค่มาปรึกษาเท่านั้น ฉันจะไม่ว่าอะไรเลยนะหากว่าเธอบอกฉันว่ามาหาพี่คิณณ์ เราเจอกันทุกวันแต่เธอก็ไม่คิดที่จะเล่าอะไรให้ฉันฟังเลยหรือไงว่าอยากได้พี่คิณณ์เป็นพี่ชาย ฉันไม่ใช่คนหวงโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ อีกอย่างการเป็นพี่น้องกันไม่จำเป็นจะต้องมานั่งเฝ้ากันทุกวันเหมือนอย่างที่เธอทำก็ได้มั้ง แล้วพี่คิณณ์เองก็เหมือนกันทำไมไม่รู้จักปฏิเสธออกไปบ้าง บางทีเป็นคนดีเกินไปก็ไม่ได้ส่งผลดีเท่าไหร่หรอกนะ รู้แหละว่าไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจและเสียความรู้สึกแต่เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าฉันเองก็เสียความรู้สึกเหมือนกันที่เขาให้ความสนใจกับเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องของฉันอ่ะ “พี่นึกว่าลิซรู้เรื่องนี้แล้ว” “เปล่าค่ะจัสมินยังไม่ได้บอกหนูเลย” ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะแต่มาถึงตรงนี้จะไม่ให้ฉันคิดมันก็คงไม่ได้แล้วล่ะ ก็เธอเล่นมาหาแฟนฉันทุกวันแบบนี้ ถ้าอยากให้พี่คิณณ์เป็นพี่ชายมันก็ควรจะให้เกียรติแฟนของเขาอย่างฉันบ้างไม่ใช่มาหาทุกวันเหมือนเป็นบ้านของเธอแบบนี้ ฉันว่ามันเริ่มชักจะยังไงๆ แล้วนะ แล้วเรื่องถุงยางนั่นก็ผุดขึ้นมาในหัวฉันทันที บางทีจัสมินอาจจะเป็นคนที่เอาถุงยางนั่นใส่เข้าไปใส่กระเป๋ากางเกงพี่คิณณ์ก็ได้ แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อไงเพราะเธอทำตัวน่ารักมากเลยนะ “เธอมาที่นี่เธอมาทำอะไรเหรอคะ?” ฉันถามต่อ “ก็อย่างที่ลิซเห็นมานั่งดูพี่ทำงานน่ะ” พี่คิณณ์ดูไม่ออกเลยเหรอว่านั่นน่ะมันมาอ่อยชัดๆ เลย หรือรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ ฉันพยายามคิดไปในทางที่ดีแล้วนะว่ามันคงไม่มีอะไรแต่เล่นมาหากันแบบนี้จะให้ฉันคิดในทางที่ดีก็คงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะเธอมาอ่อยแฟนฉันเห็นๆ เลย ไอ้เรื่องรถเสียมันเป็นข้ออ้างมากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD