SOMEBODY17:จับผิด

2766 Words
ฉันขอเถียงหัวชนฝาเลย พี่คิณณ์ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ อีกอย่างตุ๊กตาก็ไม่ชอบพี่คิณณ์อยู่แล้วไม่แปลกที่เธอจะยุให้ฉันกับพี่คิณณ์เข้าใจผิดกันและเลิกกันในที่สุด พี่คิณณ์ไม่มีทางทำร้ายฉันโดยการไปแอบกินรุ่นน้องฉันหรอก และจัสมินที่น่ารักขนาดนั้นก็คงไม่คิดที่จะแย่งแฟนรุ่นพี่อย่างฉันด้วย ตุ๊กตามันมั่วแล้ว พูดแบบนี้ฉันไม่โอเคเลยนะ มันดูเป็นการใส่ร้ายกันมากเลยและฉันก็ไม่ชอบมากด้วยที่เพื่อนฉันมาดูถึงพี่คิณณ์ในทางที่ไม่ดีแบบนี้ พี่คิณณ์ไม่ใช่ผู้ชายที่ทำอะไรลับหลังแฟนตัวเอง ที่ฉันมั่นใจขนาดนี้เป็นเพราะว่าเวลาที่เขาจะไปไหนมาไหนเขาก็มักจะบอกฉันเสมอ เขาไม่ได้ผู้ชายเจ้าสำอาง ไม่ใช่ผู้ชายที่พูดคำหวาน ไม่ใช่ผู้ชายที่เอาใจผู้หญิงเก่ง เขาดูไม่มีนิสัยของความกระล่อนเลยสักนิด จริงอยู่ที่ช่วงนี้เขาดูเปลี่ยนไปไหนจะแชทที่เขาคุยกับผู้หญิง แต่เขาก็บอกฉันนะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคเครียดและชอบทำร้ายตัวเองเขาก็เลยต้องอยู่คุยเป็นเพื่อนเท่านั้นไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย “แกมั่นใจได้ยังไงว่าไม่ใช่แฟนของแก แกอย่าลืมนะว่าฉันเคยเตือนแกไปก่อนหน้านั้นแล้ว” ฉันนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของตุ๊กตาที่เคยเตือนฉันเรื่องพี่คิณณ์กับจัสมินว่าสองคนนี้ดูแปลกๆ และสายตาของจัสมินที่มองพี่คิณณ์เหมือนได้มองแฟนตัวเอง มันบอกว่าถึงมันจะไม่ชอบพี่คิณณ์มากแค่ไหนแต่มันก็ไม่ได้เลวจนโกหกเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเพื่อกุเรื่องให้ฉันเลิกกับพี่คิณณ์ “ยัยเด็กนั่นจากที่ไม่เคยสนใจเรื่องของแกแต่กลับเข้ามาตีสนิทกับแกเพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้คนของแก” “ทำไมจัสมินต้องทำแบบนั้นด้วย?” ฉันไม่เข้าใจถ้ามันเป็นเรื่องจริงเหตุผลของจัสมินที่ทำร้ายฉันแบบนี้เพราะอะไร ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้เธอเลยนะ และเราสองคนก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย ครั้งแรกที่เราเจอกันฉันไม่เคยไปต่อว่าเธอที่เต้นไม่ดีหรือดุด่าเธอสักนิด แล้วมันอะไรล่ะที่ทำให้เธอไม่ชอบฉันถึงขั้นอยากทำลายความรักของฉันกับพี่คิณณ์ขนาดนั้น อีกอย่างถ้าพี่คิณณ์ไม่เล่นด้วยแผนของเธอมันก็คงไม่มีวันสำเร็จได้หรอก แล้วเวลาที่เราอยู่ด้วยกันสามคนดูเหมือนเธอจะสนับสนุนให้ฉันกับพี่คิณณ์รักกันด้วยซ้ำมันจะเป็นอย่างที่ตุ๊กตาพูดได้ยังไงกัน ฉันว่าเพื่อนของฉันมันกำลังเข้าใจผิดอยู่มั้ง แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกฉันเลยนะ หรือว่าฉันอาจจะเชื่อใจแฟนตัวเองมากเกินไปจนมองไม่เห็นความเปลี่ยนไปของเขาอย่างนั้นเหรอ แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเขาจะหลอกฉัน สองปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเลยนะฉันเลยคิดว่าเขาคงไม่ทำร้ายฉันด้วยวิธีนี้หรอก “งั้นแกก็ลองโทรหาพี่คิณณ์แฟนของแกดูสิว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” ตุ๊กตาท้าทายฉันคงเห็นว่าฉันไม่กล้าที่จะโทรไปเพราะกลัวความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา ฉันไม่กลัวหรอกนะเพราะฉันเชื่อใจคนของฉันมาก ถ้าเขานอกใจฉันเขาคงไม่ให้ฉันจับได้ง่ายแบบนี้หรอก "ก็ได้" ฉันกำลังจะกดโทรหาพี่คิณณ์แต่ตุ๊กตามันก็แย่งมือถือฉันไปแล้วกดวางสายก่อนที่พี่คิณณ์จักดรับก่อนแล้วรู้ทันว่าเรากำลังจะไปจับผิดเขา “แค่โทรก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเขาอยู่ที่ที่เขาบอกจริงๆ หรือเปล่า ของอย่างนี้มันต้องไปให้ถึงที่” ตุ๊กตามันยิ้มอย่างมั่นใจว่ายังไงพี่คิณณ์จะต้องไม่ได้ทำงานที่อู่แน่ๆ มันอยากให้ฉันตาสว่างแล้วเลิกกับพี่คิณณ์สักที แม็กเลยพาฉันกับตุ๊กตาไปที่อู่รถที่พี่คิณณ์ทำงานอยู่ ก็ไม่ได้อยากจับผิดแฟนตัวเองแบบนี้หรอกนะแต่ฉันก็อาจจะให้มันเคลียร์ๆ ไปเลยเหมือนกัน พอมาถึงทางเข้าอู่ฉันก็ลงจากรถแล้วเดินลงมาสายตาของฉันก็เห็นรถของพี่คิณณ์จอดเอาไว้อยู่ แสดงว่าเขาทำงานอยู่ที่นี่ไม่ได้ออกไปไหน ฉันบอกแล้วไงว่าแฟนของฉันเขาไม่มีวันทำอะไรลับหลังฉันแน่ ตุ๊กตามันคิดมากไปเอง พี่คิณณ์น่ะเหรอจะนอกใจฉัน เห็นรถของเขาอยู่ที่นี่ฉันกถอนหายใจอย่างโล่งอกทีเขาไม่ได้อยู่กับจัสมินอย่างที่เพื่อนฉันมันเข้าใจไปเอง “พี่มินทร์คะพี่คิณณ์อยู่ที่นี่หรือเปล่า?” “ลิซ?” ทั้งพี่มินทร์และพี่อ้อนที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่คิณณ์ทำหน้าตกใจมากที่เห็นหน้าฉัน ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยปกติฉันก็มาหาพี่คิณณ์ออกจะบ่อยไป แล้วไอ้ท่าทางที่ส่อแววพิรุธแบบนี้หมายความว่าไงหรือว่าพี่คิณณ์ไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ “ว่าไงคะพี่คิณณ์อยู่หรือเปล่าทำไมหนูไม่เห็นพี่คิณณ์เลย” ฉันมองซ้ายมองขวาเพื่อหาตัวพี่คิณณ์ก็ไม่เห็นว่าเขาอยู่ในอู่ แต่แล้วเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ฉันต้องหันไปดูว่าเป็นเสียงฝีเท้าของใคร และฉันก็เห็นพี่คิณณ์วิ่งมาจากไหนไม่รู้เขาเหนื่อยหอบมากเลยทีเดียว “พี่คิณณ์?” “อ้าวลิซมาหาพี่เหรอ ไม่ไปเรียนแล้วไง?” พี่คิณณ์พูดยิ้มๆ แต่สีหน้าของเขานี่ดูเหนื่อยมากๆ เหมือนวิ่งมาจากไหนไม่รู้ แต่พอเห็นว่าเขาอยู่ที่นี่ฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อกี้เขาไปไหนมาแต่ฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้ไปหาจัสมินแน่นอน เพราะหอพักของเธออยู่ไกลจากที่นี่มาก ถ้าเขาขับรถมาก็คงไม่ทันอยู่ดี “แอบมาจับผิดพี่ใช่ป่ะ?” “ไม่ใช่สักหน่อย” พี่คิณณ์หันไปมองรถของแม็กที่จอดอยู่หน้าอู่ เพื่อนของฉันไม่ได้ตามลงมาด้วยหรอกนะ พี่คิณณ์ทำหน้าไม่พอใจออกมาแล้วจับมือฉันไปคุยกันทางด้านหลังร้านเหมือนไม่อยากให้เพื่อนเขาได้ยินด้วย ไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจอะไรฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็แค่แวะมาหาเขาแค่นั้นเอง “ทำไมชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อนผู้ชายคนนี้จัง” อะไรของพี่คิณณ์เนี่ย ไอ้ที่ทำหน้าไม่พอใจเพราะเรื่องนี้เองหรอกนะ ก็แม็กเป็นเพื่อนสนิทของฉันแล้วนี่ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับแม็กสองคนสักหน่อย ในรถนั่นยังมีตุ๊กตาด้วยนะ อีกอย่างการที่ฉันจะไปไหนมาไหนกันเพื่อนตัวเองก็คงไม่ผิดมากมั้งเพราะเราไม่ได้คิดอะไรที่ไม่ดีต่อกันนี่ “ก็หนูไม่มีรถนี่คะก็เลยขอติดรถแม็กมาด้วย” พี่คิณณ์ชี้นิ้วสั่งห้ามไม่ให้ฉันไปไหนมาไหนกับแม็กอีก โดยให้เหตุผลว่ากลัวฉันหวั่นไหวกับผู้ชายคนอื่น เหตุผลของเขาฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่เลยนะ เขากลัวว่าฉันจะหวั่นไหวกับผู้ชายคนอื่นแต่เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันอาจจะกลัวว่าเขาจะหวั่นไหวให้กับผู้หญิงที่เขาไปช่วยเมื่อคืนบ้างอ่ะ ไหนจะผู้หญิงที่แวะเวียนซื้อของมาให้เขาที่อู่อีก ที่ฉันไม่พูดไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกอะไรนะ ฉันแค่ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจก็เท่านั้นเอง “กลับไปเรียนได้แล้ว และเลิกจับผิดพี่ด้วยนะ พี่แม่งไม่ชอบเลยที่ลิซทำแบบนี้” พี่คิณณ์ต่อว่าฉันจริงจังมาก เรื่องนี้เขาเคยบอกฉันแล้วล่ะว่าเขาไม่ชอบที่ฉันระแวงเขาแบบนี้ ก็ที่ฉันต้องระแวงมันเป็นเพราะเขาทำตัวให่น่าระแวงเองหรือเปล่า ขนาดนี้เพื่อนฉันมันยังดูออกเลยว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้วฉันที่อยู่กับเขาตลอดคงดูออกได้ไม่ยากหรอก แต่ฉันไม่อยากทะเลาะด้วยก็เลยยอมเป็นคนผิดเองก็ได้ที่มาตามจับผิดเขาแบบนี้ สุดท้ายฉันก็ยอมเป็นคนผิดทั้งที่ตัวเองไม่ได้ผิดอะไรเลย ฉันเชื่อว่าผู้หญิงคนไหนที่เจอเหตุการณ์แบบฉันก็ต้องทำเหมือนฉันทั้งนั้นแหละ ดีไม่ดีอาจจะทำมากกว่าฉันก็ได้ ฉันถอนหายใจแล้วเดินมาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่บนรถอย่างเซ็งๆ แทนที่พี่คิณณ์จะเดินมาส่งฉันแต่เขากลับเลือกที่จะเดินไปซ่อมรถซะอย่างนั้น ให้ตายเหอะนี่ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมดทุกอย่างเลยใช่มั้ย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอะไรฉันก็ถูกเสมอ เอาแต่ใจตัวเองเขาก็มองว่ามันน่ารัก เวลางอแงหรืองี่เง่าเขาก็เป็นคนบอกเองว่าที่เขารักฉันเป็นเพราะว่าฉันเป็นฉันแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นไง อะไรที่มันเคยเป็นฉันกลับเป็นสิ่งที่เขามองว่ามันผิดทั้งที่ผ่านมามันถูกมาเสมอ บางครั้งก็น้อยใจนะแต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะฉันไม่อยากเป็นแฟนที่งี่เง่าเฝ้าถามหาความรักจากแฟนตลอด “เป็นไงบ้างลิซ?” พอเดินขึ้นรถมาตุ๊กตาก็ถามขึ้นมาทันที มันก็คงมั่นใจมากสินะว่าพี่คิณณ์ไม่ได้อยู่ที่อู่ แต่เสียใจด้วยนะเพราะเขาอยู่ที่นี่แถมยังต่อว่าฉันอีกต่างหากที่มาจับผิดเขาแบบนี้ “พี่คิณณ์ไม่ได้ไปไหน เขาอยู่ที่นี่” ฉันทำเป็นไม่สนใจและก้มหน้าเล่นมือถือของตัวเองไม่ฟังที่ตุ๊กตามันบ่นอยู่อย่างนั้น แม็กที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมาเขาคงสังเกตเห็นว่าฉันทำสีหน้ากังวลใจขึ้นมา ที่จริงก็ไม่ได้อยากทำให้เพื่อนเป็นห่วงหรอกนะแต่สิ่งที่พี่คิณณ์ทำกับฉันบางทีมันก็ทำให้ฉันน้อยใจได้เหมือนกัน ฉันมีเรื่องอยากถามเขาหลายเรื่องเลยล่ะแต่ก็ถามไม่ได้ ฉันก็เริ่มเครียดแล้วนะ ไหนจะเรื่องทางบ้านแล้วไหนจะเรื่องพี่คิณณ์บวกกับเรื่องเรียนอีก ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่าถ้าฉันกลายเป็นโรคซึมเศร้าพี่คิณณ์จะดูแลฉันอย่างใกล้ชิดเหมือนที่ดูแลผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า “อยากระบายอะไรมาลงที่เราได้นะ” ฉันเงยหน้ามองแม็กที่กำลังยิ้มให้ฉันอยู่ ฉันเองก็อยากจะระบายออกมาเหมือนกันนะแต่มันทำอย่างนั้นไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่จะเอามาพูด มันอาจจะทำให้พี่คิณณ์ดูไม่ดีสำหรับคนอื่นๆ และฉันก็ไม่อยากให้ใครมาบอกคนของฉันไม่ดีด้วย แค่นี้คนรอบข้างก็ไม่ชอบพี่คิณณ์มากอยู่แล้ว ฉันยอมเก็บเรื่องทุกข์ใจเอาไว้คนเดียวเพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่มองแฟนฉันเป็นแฟนที่ไม่ดี “ขอบใจนะแต่เราไม่เป็นไรหรอก” ฉันยิ้มตอบกลับไป ถึงแม้จะรู้ว่ายังไงแล้วแม็กก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่พูด แต่อย่างน้อยการฝืนยิ้มแบบนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายสบายใจไปได้บ้างไม่ใช่เหรอ ฉันนั่งดูรุ่นน้องซ้อมเต้นหลีดอยู่เงียบๆ และคิดอะไรคนเดียวก่อนที่จะมีข้อความไลน์ส่งเข้ามา พอเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นพี่คิณณ์ที่ส่งเข้ามา เหมือนเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังรอเขาอยู่เลย เชื่อมั้ยว่าวันไหนที่ฉันกลับดึกแล้วจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันกลับเองเพราะเขาเป็นห่วงฉันมาก ต่อให้เขาจะติดงานกลางคืนเขาก็จะแคนเซิลงานเพื่อมารับฉัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วไง เคยมีคนบอกฉันนะว่าเวลาเปลี่ยนคนเรามันก็ต้องเปลี่ยนไปตามเวลา มันก็อาจจะจริงนั่นแหละ AKIN_KINN : พี่ไปรับช้านะเพราะงานยังไม่เสร็จ อ่านแค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าบางทีฉันอาจจะต้องกลับเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่ยอมให้ฉันกลับเองเลยต่อให้งานของเขาจะยุ่งมากแค่ไหนเขาก็ปลีกตัวมาหาฉันได้ตลอด แต่ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปแล้วสินะ และฉันก็เรียกร้องอะไรไม่ได้ด้วยเมื่อเขาเอางานมาอ้างแบบนี้ เพราะเขาจะรู้ว่าฉันจะไม่โวยวายถ้าหากเขายกเรื่องงานมา ใช่ ฉันไม่ได้โวยวายเพราะเขาเคยบอกฉันว่าการที่เขาทำงานหนักแบบนี้ก็เพราะฉัน เพราะงั้นเขาอยากให้ฉันเข้าใจเขา ทั้งๆ ที่ฉันไม่อยากจะเข้าใจอะไรเลย แต่ก็ต้องทำเป็นเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำถึงแม้ว่ามันจะน้อยใจมากแค่ไหนก็ตาม ฉันถอนหายใจแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิมโดยไม่คิดที่จะตอบกลับไปหาอีกฝ่ายที่ส่งข้อความมา บางทีฉันก็เหนื่อยกับอะไรแบบนี้นะแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรเหมือนอย่างที่ผ่านมา ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะฝืนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่ฉันก็ได้แต่ตอบคำเองว่าที่อยู่เป็นเพราะรักพี่คิณณ์และคิดว่าเขาเองก็คงจะรักฉันเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันจะเป็นจริงหรือเปล่า หลังจากซ้อมน้องเสร็จฉันก็ขอตัวกลับบ้าน เพราะรู้ว่าต่อให้รออยู่ที่นี่พี่คิณณ์ก็อาจจะไม่มารับ นี่มันก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเขายังไม่เห็นโทรมาบอกอะไรฉันเลย ไม่คิดที่จะโทรมาถามว่ากลับแล้วหรืออยู่รอคนเดียวได้หรือเปล่า ฉันเดินมาตามทางเดินมืดๆ ที่แสงไฟส่องไม่ถึงและได้แต่คิดน้อยใจที่พี่คิณณ์ไม่สนใจฉันเท่าที่ควรจะเป็น ทีคนอื่นจะฆ่าตัวตายเขาก็รีบไปหา คนอื่นบอกมีเรื่องไม่สบายใจอยากให้เขาอยู่คุยเป็นเพื่อนเขาก็ทำ แล้วฉันล่ะตอนนี้ฉันก็ไม่สบายใจเหมือนกันฉันเองก็ต้องการเขาเหมือนกันทำไมเขาไม่อยู่ให้ฉันต้องการเลยล่ะ แค่มือที่ยื่นมาจับมือฉันเขายังทำไม่ได้เลยแล้วแบบนี้ฉันจะฝากชีวิตตัวเองไว้กับเขาได้ยังไง ฉันหยุดเดินแล้วยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้นมันเหมือนว่าตัวเองอดทนมานานแล้วและไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ฉันพยายามที่จะเข้าใจเขาทุกอย่างทำตัวนิ่งมาตลอด แต่พอยิ่งทำเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมันก็เหมือนว่าเขายิ่งห่างไกลไปทุกที เขาปล่อยให้ฉันอยู่กับความเหงามานานแล้วนะ อยู่จนมันกลายเป็นเพื่อนฉันไปแล้วมั้ง เมื่อก่อนบอกตามตรงเลยว่าฉันขาดเขาไม่ได้จะต้องมีเขาอยู่ด้วยตลอด แต่พอเขาปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวมาตลอดมันก็เลยทำให้ฉันสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีเขา เพราะไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไปมันก็มีค่าเท่ากัน “ยืนร้องไห้คนเดียวแบบนี้มันเหงานะเด็กน้อย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD