ตอนที่3
เจี่ยอวี้หลันคิดเอาไว้เป็นร้อยเป็นพันวิธีแต่กลับไม่มีวิธี แต่งงานแทนคุณ เลยสักนิดเพราะบัดนี้ใบหน้าของนางด้านซ้ายมีแผลยาวจากใต้ดวงตาจรดปลายคาง อย่าว่าแต่แต่งงานเลย เป็นสตรีอุ่นเตียงของชินอ๋องนางยังไม่เคยคิดว่าเขาจะเรียกร้องให้นางเป็น แล้วนี่เขากลับพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่าจะแต่งนางเป็นพระชายาเอกหรือชินหวางเฟยของเขาเช่นนี้ หากเจี่ยอวี้หลันนั้นไม่นิ่งงันและพูดไม่ออกแล้วนางยังจะทำสิ่งใดได้อีก สตรีทั่วต้าเซี่ยไปที่ใดกันหมดเขาจึงอยากได้นางไปให้ทำหน้าที่ดังกล่าวเจี่ยอวี้หลันนั้นสงสัยยิ่ง
"มิกล้าหรือ?"
ซ่างกวนไท่เอ่ยถามเนิบนาบราวกับเรื่องที่กำลังพูดคุยกันนี้เป็นการชักชวนนางนั้นไปจิบน้ำชาหรือกินข้าวสักมื้อเท่านั้นหาได้ชักชวนนางแต่งงานกัน แต่คิดอีกทีก็ธรรมดาเช่นนั้นจริงมิใช่หรือแต่งงานทดแทนบุญคุณ หากนางไม่คิดเพ้อฝันย่อมมองออกคงเพื่อการเมืองมิได้แต่งจริงจังอันใด แต่เป็นเช่นนั้นมิใช่ว่าดีต่อนางหรือ แถมนางยังจะได้แก้แค้นคนพวกนั้นอีกด้วยมิใช่การแต่งงานที่เกิดขึ้นจากความรักสักหน่อยจึงต้องคิดให้ยุ่งยาก เจี่ยอวี้หลันเผลอยกมือขึ้นไปลูบไล้ยังรอยแผลที่เพิ่งจะเริ่มแห้งโดยไม่รู้ตัว เพราะแผลนี้ได้มาเพราะความรักและแรงแค้น แผลสดหายคงยากจะไม่เหลือรอยแผลเห็นใหญ่ไปตลอดชีวิตรูปโฉมที่เคยงดงามย่อมไม่เหลืออีกต่อไป เช่นนั้นแต่งงานแทนคุณมันจะไปยากอันใดสำหรับนางที่ยากสมควรเป็นชินอ๋องซ่างกวนไท่มากกว่า
"คนที่เคยผ่านความตายมาแล้วยังจะมีเรื่องใดไม่กล้าอีกหรือเพคะ" ก่อนที่เจี่ยอวี้หลันจะเอ่ยความในใจออกไป นางพูดออกไปจากใจ เนื่องจากตนเองนั้นผ่านความตายมาแล้วยังจะมีสิ่งใดให้ต้องหวาดกลัวอีกเล่า แต่แรกนางยังคิดเอาไว้ต่อให้ซ่างกวนไท่ให้นางไปตายแลกกับการที่เขาแก้แค้นแทนนางก็ยินดีดังนั้นแค่รับหน้าที่ชินหวางเฟยยังจะนับเป็นอันใดสำหรับนางได้อีก
"เช่นนั้น…" ซ่างกวนไท่ต้องการให้นางรับปากออกมาเองไม่คิดจะให้นางเอ่ยกำกวมเด็ดขาดสมญานามปีศาจขาวนั้นมิใช่ได้มาง่ายๆ ส่วนเขาร้ายกาจเช่นไรเกรงว่าคงมีแต่วิญญาณคนตายจากน้ำมือของเขาเท่านั้นที่จะบรรยายได้หมด
"ตกลงเพคะ อวี้หลันตกลง" เจี่ยอวี้หลันยังจะตอบอันใดได้อีกหากมิใช่ตอบตกลง นางไม่ใช่ไม่มีทางเลือก แต่นางเต็มใจจะเลือกทางนี้ อดีตเคยเป็นคุณหนูรองหลู่ นางเป็นคนดีมามากแล้วจากนี้เป็นแม่นางเจี่ย นางจะไม่ยอมเป็นคนดีแล้วถูกรังแกหรือเอาเปรียบเด็ดขาด
มุมปากของซ่างกานไท่ยกยิ้มพึงใจออกมา เพราะผลนี้เขาดีดลูกคิดมาอย่างดีแล้วว่าอย่างไรตนเองจะไม่ขาดทุนและนางต้องตอบตกลงเขาเกินสิบส่วนแล้วก็เป็นเช่นนั้น ความแค้นมันหอมหวานพอกันกับขมขื่นนั่นแหละ ยามแรกดื่มลงไปอาจขมขื่นจนติดลิ้น ทว่าพอชินชากับรสขมแล้วยามที่ได้ชำระแค้นมันย่อมหวานจนยากจะบรรยาย ไม่แปลกที่หญิงสาวที่หมดสิ้นทุกสิ่งแม้แต่บ้านก็ไม่มีให้กลับนั้นจะตกลงโดยง่ายเช่นนี้
"แต่เจ้าจะมิได้แต่งกับเปิ่นหวางในฐานะคุณหนูรองหลู่ หรือแม่นางเจี่ยสตรีผู้ผ่านความตายจากหน้าผาทอแสงจันทร์แห่งนั้น ทว่าเจ้าจะต้องเป็นองค์หญิงของเผ่ากั๋วเซา ซือถูเจินจู ฐานะนี้เท่านั้นที่เจ้าจะต้องสวมมันไว้จนวันตาย เจ้ายังจะยินยอมอยู่หรือไม่" ก็บอกแล้วว่าคนเช่นเขาไม่รู้จักหรอกว่าเมตตาและใจกว้างเป็นอย่างไร
"ยินยอมเพคะ"
เจี่ยอวี้หลันกล่าวออกมาโดยไร้วี่แววลังเลแม้แต่น้อย ก็เป็นดังที่นางกล่าวไปแล้วคือตนเองแม้แต่ประตูผีก็ยังผ่านมาแล้วยังจะมีสิ่งใดให้นางต้องคิดมากอีกเล่า เป็นใครก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือนางได้แก้แค้น ได้เหยียบพวกมันทุกคนให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า นางขอแค่นี้ จะเป็นใครนางล้วนยินดีทั้งหมด
"เช่นนั้นก่อนอื่นเจ้าต้องยินยอมให้หมอหลวงหยวนเปลี่ยนใบหน้ากับศพของซือถูเจินจูเสียก่อนหากสำเร็จขั้นตอนต่อไปจึงค่อยว่ากัน" ใบหน้าของซ่างกวนไท่นั้นไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อยในยามที่เอ่ยให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปใบหน้ากับศพคนตาย
"!!!"
แต่กับเจี่ยอวี้หลันนั้นมิใช่เนื่องจากแต่ละสิ่งที่ชินอ๋องซ่างกวนไท่เอ่ยออกมาแต่ละอย่างที่จะให้นางทำเล่นเอาเมื่อนางได้ฟังยามใดล้วนแต่ชวนตกใจและเสียขวัญอยู่ไม่น้อย ทว่าตกใจก็ส่วนตกใจ เสียขวัญแล้วอย่างไร เพราะสุดท้ายเจี่ยอวี้หลันก็ยินยอมอยู่ดี ซึ่งเรื่องราวก็มิมีอันใดมากแต่เดิมอยู่แล้ว องค์หญิงจากเผ่ากั๋วเซาผู้นั้นถูกส่งมาเป็นเชลยบรรณาการ แต่ระหว่างเดินทางนางกลับถูกคนของตนเองวางยาพิษจนตายก่อนที่จะเข้ามหานครเสียนหยางเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยาม ทำเอาชินอ๋องกับฉางตี้ฮ่องเต้เจอเรื่องร้อนใจเข้าอย่างจังเลยทีเดียวอาจเปรียบได้กับว่าเหตุการณ์คราวนี้สองพี่น้องซ่างกวนครอบครองเผือกร้อนแล้วจริงๆ
เพราะจุดประสงค์หลักของทู่เป่ยอ๋องผู้เป็นหัวหน้าเผ่ากั๋วเซานั้นที่มุ่งหวังให้บุตรสาวสุดที่รักเช่นองค์หญิงเก้าซือถูเจินจูออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลก็เพื่อต้องการให้นางผูกใจฉางตี้ฮ่องเต้ให้จงได้เพื่อที่ว่าภายหน้าต่อไปเผ่ากั๋วเซาจะได้ไม่ถูกต้าเซี่ยเพ่งเล็งหรือโจมตีอย่างน้อยก็คงหลายสิบปี แต่ใครจะคิดทู่เป่ยซื่อจื่อนั้นกลับคิดต่างและกระหายสงครามนักคิดแผนจะใส่ความต้าเซี่ย โดยการให้คนของตนแฝงกายมากับขบวนบรรณาการเพื่อสังหารองค์หญิงของเผ่ากั๋วเซาที่เป็นบรรณาการมีชีวิตมาเชื่อมไมตรีเสียเลย หวังจะใช้เหตุผลนี้ยั่วยุให้ผู้เป็นบิดาเช่นทู่เป่ยอ๋องนั้นโกรธแค้นที่บุตรสาวคนโปรดถูกสังหารในแผ่นดินต้าเซี่ยจะได้เปิดศึกกันอีกครั้งดังใจของมัน ชั่วช้าอย่างยิ่ง คิดแล้วซ่างกวนไท่ก็สัญญากับตนเองว่าเจ้าทู่เป่ยอ๋องซื่อจื่อผู้นั้นอย่างไรก็ต้องตายในเร็ววันนี้แน่นอน
แต่ยังนับว่าโชคดีที่ข้างกายของสองพี่น้องซ่างกวนนั้นมีหมอหลวงมากฝีมือเช่นหยวนหย่งฉี และยังมาพบคนที่ยินยอมจะเปลี่ยนตัวตนทั้งหมดของตนเองไปเป็นองค์หญิงต่างแดนเช่นเจี่ยอวี้หลัน ที่รูปร่างและรายละเอียดหลายสิ่งคล้ายซือถูเจินจูเสียเก้าในสิบส่วนอีกด้วยจึงนับว่าทหารและชาวบ้านของต้าเซี่ยยังมีวาสนาอยู่มากไม่ต้องลำบากไปรบและส่งภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปเป็นเสบียงให้กองทัพ
อีกห้าวันต่อมาร่างกายของเจี่ยอวี้หลันจึงพร้อมทำการเปลี่ยนใบหน้ากับศพโดยใบหน้าดังกล่าวแน่นอนว่าเป็นของซือถูเจินจูที่ต่อให้นางตายไปร่วมครึ่งเดือน หากแต่เพราะวิชาแพทย์ของหยวนหย่งฉีที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคนนั้นล้ำเลิศยิ่งจึงรักษาสภาพศพเอาไว้ได้ราวกับเพิ่งตายยังไม่ถึงชั่วยามเท่านั้น
ดังนั้นใบหน้าที่นำมาเปลี่ยนจึงยังคงสภาพราวกับเจ้าของนั้นเพียงหลับลึกไปเท่านั้น ระหว่างที่รอให้แผลสลับใบหน้าของเจี่ยอวี้หลันนั้นหายดี ทางราชสำนักก็เริ่มออกประกาศไปแล้วว่าองค์หญิงซือถูเจินจูนั้นถูกพิษแต่ไม่ร้ายแรงบัดนี้กำลังรักษาอยู่ตัวอยู่ยังตำหนักชินอ๋อง
และเพราะผลงานครั้งนี้ของชินอ๋องยิ่งใหญ่นัก ฉางตี้ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้กับน้องชาย ภายนอกหากมองไม่ลึกซึ้งย่อมไม่คิดอะไร นอกจากฮ่องเต้ประทานสาวงาม หากแต่ความหมายลึกซึ้งขุนนางย่อมกระจ่าง สมรสพระราชทานคราวนี้ล้วนมีเพียงการเมืองเท่านั้น หนึ่งควบคุมเผ่ากั๋วเซาได้ เผ่าเล็กเผ่าน้อยแถบนั้นก็ไม่กล้าจู่โจมชายแดนแคว้นเป่ยฉีอีกแล้ว ตัดปัญหาเกิดศึกโดยไม่จำเป็น ยิ่งฉางตี้ฮ่องเต้เพิ่งครองราชย์ได้เพียงสี่ปีเศษเท่านั้น ความมั่นคงภายในย่อมไม่ดี หลีกการทำศึกได้ย่อมดีกว่า
กับข้อสองเพราะตั้งแต่องค์ชายเจ็ดนั้นได้เป็นชินอ๋องเขาก็ยังไม่ได้แต่งสตรีใดเข้าตำหนักในเลยสักคนเดียวเพราะราชกิจของเขามาก คราวนี้ได้กลับมามหานครเสียนหยางตระกูลใหญ่จึงมองตำแหน่งชินหวางเฟยกันตาเป็นมัน แต่พอฉางตี้ฮ่องเต้ประทานสมรสให้ชินอ๋องแต่งงานเกี่ยวดองกับองค์หญิงเผ่ากั๋วเซา อย่างน้อยในห้าปีนี้ฝ่ายชินอ๋องก็ต้องไว้หน้าองค์หญิงนอกด่านไม่อาจรับสตรีอื่นเข้าตำหนักในได้ ที่คิดจะเสนอบุตรหลานของพวกตนมาประจบเอาใจชินอ๋องเพื่ออำนาจจึงเป็นอันจบสิ้นลงไปโดยปริยาย ไม่ต้องคอยระวังว่าบุตรสาวขุนนางเหล่านั้นจะเข้ามาแฝงกายสืบความลับไปได้นับว่าวิวาห์นี้ประเสริฐยิ่ง
นับว่าฮ่องเต้และชินอ๋องปราดเปรื่องยิ่งนัก ที่ยิงนกครั้งเดียวได้ประโยชน์มากกว่าสองเช่นนี้ พอข่าวประทานสมรสแพร่ออกไปไม่ถึงเจ็ดวัน จากฐานะองค์หญิงต่างเผ่า เพื่อให้เหมาะสมและคู่ควรกับชินอ๋องผู้เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของฉางตี้ฮ่องเต้ จึงพระราชทานยศองค์หญิงขั้นหนึ่งพร้อมกับแซ่และนามใหม่จาก ซือถือเจินจูจวิ้นจู่ เป็น เจี่ยอวี้หลันกงจู่ เรื่องราวเหล่านี้โด่งดังขึ้นจนกลบข่าวเจ้าสาวของเฉินกั๋วกงหนีพิธีแต่งงานไปกระโดดหน้าผาปลิดชีพตนเองเสียสิ้น หรือหากจะกล่าวอย่างถ่องแท้ นี่คือสัจธรรมของใต้หล้า ข่าวนี้ไปข่าวใหม่มาหมุนเวียนไปเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่แรกเริ่มของโลกมนุษย์เลยกระมัง
"ต่อไปหงหลินกับหงจูจะเป็นนางกำนัลข้างกายของเจ้า ส่วนนี่หงเหลียนหมัวมัวจะเป็นหัวหน้านางกำนัลประจำตำหนักเฉียนลู่ของเจ้า และคนสุดท้าย หงเหมยนางคือองครักษ์เงาของเจ้า เรียกใช้ได้ตามแต่ใจของเจ้าได้เลย"
พอเจี่ยอวี้หลันฟื้นคืนสติดีแล้วหลังการสลับใบหน้า ซ่างกวนไท่ก็มาพร้อมกับสตรีสี่นางต่างวัยและต่างความสามารถมาพบหญิงสาว แน่นอนว่าคนจากเผ่ากั๋วเซ่าที่รับใช้ใกล้ชิดชินอ๋องหนุ่มใช้เหตุผลจากการที่องค์หญิงถูกวางยากำจัดทิ้งทั้งหมด แน่นอนว่าหนึ่งป้องกันไส้ศึกและสองปกป้องความลับที่ว่าเจี่ยอวี้หลันเป็นซือถูเจินจูสวมรอยหาใช่ตัวจริง ที่ตายไปได้เดือนเศษแล้วผู้นั้น
"ส่วนเรื่องตัวตนเดิมของเจ้าเปิ่นหวางจัดการให้เรียบร้อยแล้ว"
คนตายต้องพบศพคนอยู่ต้องพบหน้าคำประกาศนี้ของเฉินกั๋วกงนั้นผู้ใดบ้างไม่ทราบนี้ผ่านมาเดือนเศษ พอดีกับศพของซือถูเจินจูก็ตายในช่วงเวลานั้นถึงช่วงแรกจะถูกรักษาเอาไว้แต่พอออกจากห้องถนอมศพของหยวนหย่งฉีสภาพของซากศพก็เปลี่ยนไปตามธรรมชาติดังเดิม ย่อมไม่ยากที่จะนำไปจัดฉากให้เป็นศพของคุณหนูรองหลู่ได้อยู่แล้ว ยิ่งด้วยคนที่ชินอ๋องมีอยู่จัดฉากนี้ย่อมสมจริงยากจะจับได้อยู่แล้ว
"ขอบคุณชินอ๋องที่ช่วยเหลือเพคะ" หากด้วยกำลังกายและอำนาจของนางย่อมดำเนินแผนการโต้ตอบคนเหล่านั้นมิได้ว่องไวเช่นนี้แน่นอน อย่าว่าแต่โต้ตอบคืนคนเหล่านั้นแค่รอดชีวิตก็ไม่แน่ว่านางจะทำได้เพราะเป็นชินอ๋องซ่างกวนไม่ และเพราะเขานางจึงมีวันนี้ได้
"หากรู้สึกขอบคุณก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดี" ซ่างกวนไท่เอ่ยเรียบๆ ราวกับรู้ว่าเจี่ยอวี้หลันกำลังคิดสิ่งใดอยู่
"เพคะ"
เจี่ยอวี้หลันดวงตามีแต่รอยแค้นเต็มเปี่ยมในยามที่เอ่ยรับปากกับผู้มีพระคุณ นางนับว่าตนเองตายแล้วเกิดใหม่ แต่ความทรงจำและแค้นยังคงอยู่ทุกลมหายใจนอกจากเตรียมการชำระแค้นก็คือตอบแทนบุญคุณของชินอ๋องซ่างกวนไท่ให้ดีเขาไม่พูดนางก็ตั้งใจแต่แรกอยู่แล้ว
"รู้สึกอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะเจี่ยกงจู่วันนี้"
หลังจากสลับใบหน้าแล้วทุกคนย่อมต้องเรียกเจี่ยอวี้หลันว่าเจี่ยกงจู่ที่เป็นแซ่พระราชทานจากฉางตี้ฮ่องเต้รวมหยวนหย่งฉีเองด้วย เนื่องจากบัดนี้เจี่ยอวี้หลันยังไม่ได้แต่งงานถูกต้อง ยังเป็นเพียงคู่หมายเท่านั้น ต้องรอแต่งงานแล้วจึงเปลี่ยนไปเรียกนางว่า เจี่ยหวางเฟย...
"สองสามวันมานี้รู้สึกคันมาก"
เพราะแผลสลับใบหน้าที่หยวนหย่งฉีนั้นใช้วิธีลอกผิวหนังเก่าของเจี่ยอวี้หลันออกไปแล้วนำเอาผิวหนังใบหน้าของซือถูเจินจูมาสวมแทน ซึ่งมิใช่แค่ส่วนใบหน้าหากแต่ผิวหนังดังกล่าวยาวลงมาจนถึงใต้คางและหลังใบหูอีกด้วย ในยามสลับใหม่ๆ นับว่าเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว แต่พอเริ่มจะหายกลับบังเกิดอาการคันตามรอยแผลดังกล่าวนับว่าเจี่ยอวี้หลันนั้นต้องอดทนอย่างมากกว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวัน ยังดีว่าเค้าโครงไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ส่วนสูง น้ำหนัก และใบหน้าแม้แต่นิ้วมือนิ้วเท้ารวมไปถึงเส้นผมทั้งสองคล้ายกันมากพอเปลี่ยนโฉมจึงไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเจี่ยอวี้หลันกับซือถูเจินจูผิดแปลกไป มิเช่นนั้นหากต้องให้หยวนหย่งฉีทำการเปลี่ยนอะไรในร่างกายของนางเพิ่มก็ไม่แน่ว่านางจะทนไหว ตายไปเพราะทานทนแบกรับความทรมานไม่ไหวก็เป็นไปได้
ยิ่งคนที่ไม่เคยคุ้นกับพวกนางคนใดคนหนึ่งพบเห็นด้วยแล้วยิ่งไม่เห็นความแตกต่าง แม้แต่ซ่างกวนไท่เองที่เคยพบหน้าซือถูเจินจูและใกล้ๆ กันมาตลอดเดือนเศษระหว่างเดินทางจากเป่ยฉีจนถึงมหานครเสียนหยางยังแยกไม่ออก นับว่าเขาเลือกคนได้ถูกและหยวนหย่งฉีก็ฝีมือประเสริฐจริงๆ การสลับใบหน้าคราวนี้จึงประสบผลสำเร็จเป็นที่พึงใจเช่นนี้
"เจี่ยกงจู่ต้องอดทนผ่านไปให้ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ราวเจ็ดถึงสิบวันอาการคันจะค่อยๆ หายไปเองที่สำคัญต้องทายาที่กระหม่อมให้ไว้ ตามเวลาจนหมด รอยแผลเล็กๆ จะได้ไม่เหลือรอยเอาไว้ให้ใครสงสัยพ่ะย่ะค่ะ" หยวนหย่งฉีเห็นใจสตรีตัวเล็กๆ ผู้นี้ก็ส่วนเห็นใจ แต่หน้าที่ของเขาก็สำคัญเช่นกัน จึงได้กำชับอีกฝ่ายน้ำเสียงจริงจัง
"ได้ เปิ่นกงจู่ไม่ลืม มีหงเหลียนหมัวมัวคอยกำชับท่านหมอหยวนอย่าได้ห่วงไป" เจี่ยอวี้หลันเองก็ใช่จะไม่รู้ว่าตนเองต้องอดทนแค่ไหน
"เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา"
"ลำบากท่านหมอหยวนแล้ว หงจูไปส่งท่านหมอหยวนแทนเปิ่นกงจู่หน่อยเถอะ"
"เพคะ"
ฤกษ์แต่งงานถูกกำหนดลงมาแล้วเป็นอีกสามเดือนข้างหน้า เจี่ยอวี้หลันเพราะเป็นคนจากนอกด่านจึงต้องศึกษาธรรมและประเพณีของต้าเซี่ยอย่างหนัก ถึงแท้จริงนางจะเป็นคนเสียนหยางแต่เกิดรู้แจ้งประเพณีและธรรมเนียมของต้าเซี่ยดี ทว่าธรรมเนียมและกฎเกณฑ์ของราชวงศ์นางย่อมไม่เคยทราบว่าก่อนเพราะถึงจะเป็นบุตรสาวของจิ้งหนานโหวแต่ก็มิได้ใส่ใจจะศึกษาเพราะเริ่มโตเป็นสาวนางก็รักปักใจกับเฉินกั๋วกงไปแล้วไม่คิดเข้าวังเช่นคุณหนูชั้นสูงจวนอื่น ดังนั้นช่วงนี้นางจึงต้องท่องตำราและฝึกฝนตนเองอย่างหนัก
มิใช่เพื่อผู้ใด ทุกสิ่งก็เพื่อตัวของนางเอง นับจากนี้นางคือเจี่ยกงจู่ อีกไม่นานนางจะเป็นเจี่ยหวางเฟย แม้แต่เฉินกั๋วกงพบหน้านางยังมิอาจมองตรง ๆได้ แล้วบุตรหญิงและชายของอี้เหนียงในจวนจิ้งหนานโหวที่อดีตเป็นหญิงนางโลมต่ำต้อยยังจะนับเป็นอันใดในสายตาของนางได้อีกเล่า?!
"รอข้าก่อนเถอะนะอวิ๋นเซียง โจวอี้เหนียง ฮ่าวอวี่ มู่หรงจิ่ง จิ้งหนานโหว ผู้ใดผิดต่อข้า ข้าจะทวงคืนให้ครบแน่นอน!" ทุกคนที่เคยคิดร้ายและทำลายนางกับคนของนางเจี่ยอวี้หลันจดบัญชีแค้นเอาไว้ทั้งหมดแล้ว อดีตนางไม่เคยมองพวกเขาไม่ดี ถึงหลายครั้งจะรู้ว่าตนเองถูกเอาเปรียบแต่เพราะคิดว่าผู้หนึ่งก็คือพี่ชายอีกคนคือนางสาว ต่อให้ต่างมารดาแต่ก็ร่วมบิดาเดียวกัน พวกเขาเอาเปรียบไปบ้างก็ยอมได้เพราะคิดแค่ว่าพวกเขาและนางคือพี่น้อง ทว่าสุดท้ายนางก็ซาบซึ้งแล้วว่านางคิดดีทำดีหากไม่ถูกคนที่ลำบากล้วนเป็นตัวของนางและคนรอบข้างของนางทั้งสิ้น!