ฉันเถียงกับตัวเอง ยกมือปิดหู ปิดตา ปิดทุกอย่างไม่ให้ตัวเองรับรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่ปิดไม่ได้ก็คือเรื่องในหัว ที่ฉายภาพคืนนั้นเป็นฉาก ๆ
ตัวฉันเคลื่อนไหวไปตามแรงส่งที่อัดเข้ากลางหว่างขา ฉันกรีดร้องขยำตามผ้าปูที่นอน ริมฝีปากเปล่งเสียงที่สองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
‘อ๊ะ อ๊า~’
‘อย่าเสียเวลา คว่ำหน้าลง!’
เสียงทุ้มที่บอกดังก้อง ขณะที่ฉันนึกเห็นตัวเองพลิกค่ำ แล้วถูกดึงบั้นท้ายเขาหาเอวสุดแรง
‘ปึก’ เสียงนั้นทำใจที่เต้นรัวเสียวแปล๊บ เหมือนร่างทั้งร่างร่วงหล่นลงหน้าผาสูง และสองมือก็ไขว่คว้าระบายความเสียวกระสันอย่างหาที่สุดไม่ได้
แล้วเมื่อภาพเหล่านั้นเลือนลางหายไป
ในตอนนี้... ฉันก็หอบเหนื่อยกลืนน้ำลายดังอึก ก่อนที่สุดท้ายจะรีบก้มลงฟุบ เมื่อได้ยินเสียงอื้ออึงของเครื่องบินที่กำลังผ่านมาอีกลำ
มันเป็นภาพหลอนที่น่ากลัวชะมัด ฉันไม่อยากคิดถึงมันเลย
“ไม่... อย่าคิดใบผัก ลืมมันไป” ถึงเฝ้าบอกตัวเองแค่ไหน สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ยิ่งเสียงเครื่องบินชัดเท่าไหร่ หน้าผู้ชายคนนั้นยิ่งลอยเข้ามา
ฉันจึงสะบัดหน้ารัว ๆ และตัดสินใจรีบลุกเข้าไปห้อง ก่อนที่จะปิดประตูกระจกเลื่อนม่านปิดอย่างรวดเร็ว
ให้ตาย ทำไมเป็นแบบนี้ ฉันถูกเลิกจ้างและอาจจะไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้นตลอดชีวิต แต่ทำไมยิ่งห่างยิ่งนึกถึง
ขอท้าวความว่าเจ้านายเก่าของฉันเธอชื่อวาเลน เธอคบกับเพื่อนของผู้ชายที่ฉันหลับนอนด้วย แต่ตอนนี้ฉันเลิกเป็นบัตเลอร์ให้เธอแล้ว และฉันไม่ต้องทนเห็นหน้า ไม่ต้องคุยกับผู้ชายคนนั้นอีก แต่ทำไมฉันถึงไม่ลืม?
แถมเรื่องราวต่าง ๆ มันดันย้อนมารื้อฟื้นวันอัปยศของฉันด้วย
โอ๊ย! หรือเป็นเพราะฉันว่างเกินไปจนฟุ้งซ่าน ฉันต้องหาอะไรทำใช่มั้ย!
พอคิดแบบนั้น ฉันจึงเข้าไปในห้องเพื่อนสนิททันที ก่อนที่จะยกมือไหว้รูปชาตะมรณะของพี่แนนพี่สาวนาง แล้วรีบเก็บเสื้อผ้าไปซักอย่างรวดเร็ว
ค่ะ! ตอนนี้กลัวตัวเองคิดถึงเรื่องคืนนั้น มากกว่ากลัวซะผีอีก
“กรี๊ด! แกซักผ้า รีดผ้า ให้ฉันหมดเลยเหรอ?” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ แล้วปาดเหงื่อที่ซึมตามหน้าผากด้วยหลังมือ
ให้หยาบเลยคือเหนื่อยสัส ๆ แต่มันก็ดีที่ช่วงเวลาเหล่านั้น ทำให้ฉันยุ่งจนลืมภาพในหัว
จนนานะมันนั่งลงที่พื้นข้าง ๆ ฉัน พร้อมกับถุงขนมในมือ
“อ่ะ เอามาฝาก”
“อะไร?” ฉันถาม แล้วดึงถุงนั้นมาเปิดดู
“ป๊อปคอร์นที่โรงหนังน่ะ ฉันยังไม่ได้กินเลยนะเว้ย กลัวตดใส่ผู้ ฮ่า ๆ” ฉันเบ้ปากใส่เพื่อนทันที หน้าก็สวยพูดมาได้ไงเรื่องตด ๆ ขี้ ๆ
“เอ้อ แล้วผู้แกคนนี้เป็นยังไง? ดีมั้ย?”
ฉันถามนานะแล้วหยิบป๊อปคอร์นกินไปด้วย ไม่ได้เผือกหรอกนะคะแต่ฉันตกลงกับนานะไว้ ว่าถ้านางจะทำงานนี้ ต้องบอกรายละเอียดผู้ชายให้ฉันฟังทุกคน ฉันเป็นห่วง
“คนนี้มีอิทธิพล เป็นลูกนักการเมือง ไม่หล่อเท่าไหร่นะ หน้ากลาง ๆ พอไปวัดไปวา”
“เขาจับส่วนไหนแกรึเปล่า?”
“แค่จับมือเท่านั้นแหละ เออแก... เขาบอกฉันว่าอาทิตย์หน้าจะพาไปงานปาร์ตี้หรูด้วยนะ อยากไปจัง เผื่อจะได้คอนแทคไฮโซคนอื่น ๆ”
ฉันพยักหน้าหงึก ๆ รับรู้
“อืม ถ้าไปก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอด แกอย่าลืมนะพวกนักการเมืองไว้ใจไม่ได้ ยิ่งมีอิทธิพลยิ่งน่ากลัว”
นานะขมวดคิ้วงุนงง
“ทำไมวะ? มีอะไร? ยกตัวอย่างมา”
เท่านั้นแหละ ฉันก็กะแอม อะแฮ่ม ๆ สองทีแล้วเริ่มเล่าอย่างเมามันส์
“ตอนที่ฉันอยู่ที่บ้านแม่เคยเล่าให้ฟัง เมื่อก่อนมีโรคระบาดชนิดนึงทั่วโลกจนต้องกักตุนยา และจำกัดให้ยานั้นเป็นสินค้าควบคุม คนเรา ๆ เนี่ยหาซื้อยากและแพงมาก แต่นักการเมืองผู้มีอิทธิพลมีเป็นโกดังแถมส่งออกต่างประเทศ ข่าวเล่นโครม ๆ เลยนะเว้ย แต่สุดท้ายก็เงียบกริบแถมไม่ผิดด้วย ทุกวันนี้นักการเมืองคนนั้นก็ลอยหน้าลอยตาโชว์โง่อยู่ เอ้อมีคดีเ*****นด้วยนะ! ออกมาแก้ข่าวว่ามันเป็นแป้งเฉยเลย!”
นานะกลอกตามองบนแล้วเบ้ปากใส่ฉัน
“แค่นี้อ่ะนะ”
“มีอีก อุ้มฆ่าถ่วงน้ำและคดีเงียบ แกอย่าไปหักอกใครสุ่มสี่สุ่มห้านะเว้ย น่ากลัวจะตายประเทศนี้ แค่มีเงินก็มีอำนาจแล้ว”
เท่านั้นแหละนานะก็เงียบไป ก่อนที่สุดท้ายมันจะชันเข่าขึ้นกอดแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้อ... ทำไมคนจน ๆ อย่างเราทางเลือกน้อยจังวะ อยากเกิดบนกองเงินกองทองเหมือนเจ้านายเก่าแกบ้าง ชีวิตดีจริง ๆ”
ฉันส่ายหน้าเบา ๆ นึกถึงเจ้านายเก่าที่ทั้งสวย รวย ใจดีแล้วอดคิดถึงไม่ได้ คุณวาเลนเพอร์เฟค พร้อมทุกอย่าง แต่ปัญหาของเธอก็คือเรื่องความรัก
เรานี่สิไม่มีความรัก ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าอะไรทั้งนั้น! เศร้ากว่าพันเท่า แถมยังเสียตัวให้ผู้ชายตอนเมาอีก
‘พลัวะ’ ฉันตบหัวตัวเองทันที อย่าไปคิดสิใบผัก!
“เฮ้ย ๆ เป็นบ้าเหรอวะ? ตบหัวตัวเองทำไม” นานะถามตกใจ
“เปล่า ปวดหัวนิดหน่อย”
อยู่ ๆ เพื่อนสนิทก็หรี่ตามองฉัน ก่อนที่สุดท้ายมันจะเพ่งมองไปที่โต๊ะข้างหลังแล้วลุกขึ้นพรวด ไปหยิบซองสีขาวอย่างรวดเร็ว
ตาย ๆ ฉันลืมเก็บ นานะต้องถามแน่ว่าเช็คอะไร ฉันอุตส่าห์รีบหางานใหม่ภายในสามเดือน เพื่อที่เพื่อนจะได้ไม่ต้องผ่อนคอนโดนี้คนเดียว แต่มันเห็นเรื่องยาวแน่!
“เช็คไรวะแก?”
“เอ่อ...” ฉันอ้ำอึ้ง มองไปทางอื่นคิดหาคำตอบ
“มีไรวะ วันนี้แกแปลก ๆ นะ ฉันว่าจะถามตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แกดูว่างไม่เหมือนช่วงที่... เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าโดนเลิกจ้างอ่ะ”
ฉันพยักหน้าหงึก ๆ ทำตาละห้อย จนนานะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ‘พรึบ’ และปล่อยเช็คเงินสดนั้นร่วงลงมาสู่พื้นอย่างไม่ใยดี
“ทำไมเป็นแบบนั้น ไหนบอกว่าวาเลน ทายาทห้างดังใจดีไงวะ เธอเลิกจ้างแกได้ไง?”
“คุณวาเลนใจดี แต่พ่อเธอไม่ พ่อเธอสั่งให้ฉันออกเพราะลูกสาวสบายเกินไป แกจะให้ฉันทำยังไงวะ!”
ฉันบ่นบ้าง แต่เพื่อนกลับหันขวับมาหาอย่างเอาเรื่อง
“มีอะไรอีกที่แกไม่บอกฉันใบผัก แกบอกมาให้หมดเลยนะ รวมถึงที่ตรวจครรภ์ที่แกเคยตรวจด้วย!”
ฉันเงยขึ้นมองนานะตาเบิกโพลง ชะ ใช่หลังจากคืนนั้นไม่นานฉันก็ลองตรวจ และโชคดีที่ตัวเองไม่ท้อง
“กะ แกเห็นเหรอ?”
“เออ ฉันว่าจะไม่ถามแล้วนะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของแก ยังไง?
แกมีผัวเหรอ?” ฉันส่ายหน้ารัวทันที จะบ้าเหรอ!
“ปะ เปล่า”
“แล้วยังไงวะ บอกมา”
ยิ่งกว่าแม่...นานะนั่งบนโซฟาส่วนฉันนั่งที่พื้น แต่เมื่อจะหยิบป๊อปคอร์น มากินเลี่ยงคำตอบเท่านั้น ฉันก็โดนตีมือเพียะ จนป๊อปคอร์นหล่นลงทันที
“โอ๊ย!”
“หยุดกิน และเล่า! แกเสียตัวให้ใคร?”
“คือว่า...”
“ฉันบอกแกทุกเรื่องนะใบผัก เรามีกันสองคนครอบครัวก็ไม่มีแล้ว พูดมาเถอะถ้าไม่เห็นฉันเป็นเพื่อน ก็เห็นฉันเป็นพี่น้องก็ได้” ดราม่าเฉยเลย แบบนี้ฉันอึดอัดนะเว้ย
ฉันอ้ำอึ้งถอนหายใจอยู่หลายที ก่อนที่จะเห็นสายตาพิฆาตของนานะส่งมาให้อีก จึงตัดสินใจยอมเล่าให้มันฟัง...