ขัดสน(2)

1295 Words
วริยาถือวิสาสะเปิดประตูบ้านเข้ามา ภาพที่เห็นทำให้หล่อนต้องถอนหายใจ ดารารัตน์กำลังอุ้มเจ้าก้อนกลมที่กำลังอ้าปากแผลงฤทธิ์สุดกำลัง “ตัวร้อนค่ะ เช็ดตัวตั้งแต่เช้าไข้ยังไม่ลด” “ไปหาหมอไหม พี่ไปเรียกแท็กซี่ให้” “ดาวก็กำลังจะพาแกไป แต่ยัยหนูโยเยตลอด ดาววางไม่ได้เลยค่ะ” ไม่บอกวริยาก็เดาได้ สภาพของคุณแม่ลูกอ่อนตอนนี้ดูไม่จืด ผมเผ้ารุงรัง หน้ามันเยิ้ม ชุดที่ใส่อยู่บ้านก็ไม่ต่างจากยัยเพิ้ง ไม่อยากซ้ำเดิมลูกผู้หญิงด้วยกันหรอกนะ แต่เห็นแบบนี้แล้วไม่แปลกใจที่เจ้าหล่อนจะถูกผัวทิ้ง ดารารัตน์มีดีที่หน้าตา แต่เพราะการตั้งครรภ์รูปร่างที่เคยเพรียวบางก็เปลี่ยนไป แต่ไม่ได้น่าเกลียดจนดูไม่ได้ อาจถูกใจผู้ชายบางคนที่ชอบผู้หญิงมีน้ำมีนวล จะมีแค่เรื่องการแต่งตัว หรือเป็นเพราะดารารัตน์ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง เจ้าหล่อนจึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูไม่ได้ “แล้วผัวของดาวล่ะ ไม่คิดมาดูลูกสักนิดหรือไง” วริยาเดาว่าถึงไอ้ชั่วนั้นรู้ลูกกำลังไม่สบาย ก็คงไม่มาดู “อย่าพูดถึงเลยค่ะ เขาหายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่เดือนก่อน ดาวโง่เองที่ยังหลงเชื่อคำของเขา” “หมายความว่า...” “ดาวเพิ่งรู้ว่าบ้านหลังนี้เขาเช่าเจ้นุช ไม่ใช่ซื้อต่อแล้วกำลังผ่อนกับธนาคาร ถ้าเจ้นุชไม่มาทวงค่าเช่าเขาบนหัวของดาวก็คงงอกขึ้นมาสักข้างสองข้าง” เป็นไปตามคาดสินะ “ไอ้เลวนั้นมันไม่จ่ายค่าเช่า!” “ไม่ใช่แค่ค่าเช่าบ้าน ค่านมค่าแพมเพิร์สค่าอะไรของลูกที่เคยรับปากไว้ก็ไม่มีสักบาท” คุณแม่ลูกอ่อนบอกด้วยสีหน้าเศร้าใจ “อย่าบอกว่ามันเปิดตูดหนีไปกับเมียใหม่แล้ว!” เสียงของวริยาแหลมปรี๊ด จนทำให้เจ้าตัวเล็กที่เพิ่งเงียบเสียงต้องแหกปากดังขึ้นอีกครั้ง ในชีวิตของวริยาเกลียดผู้ชายอย่างปณตที่สุด หล่อนคิดถูกแล้วที่ชาตินี้จะไม่ขอมีผัวเป็นตัวเป็นตน จะไม่ยอมลำบากกัดก้อนเกลือกินเหมือนแม่ ที่ต้องทนทุกข์ถูกพ่อเอาเปรียบ แต่สุดท้ายแม่ของวริยาก็ต้องตรอมใจตายอย่างเดียวดาย “ขอโทษที พี่ลืมตัวไปนะ” พอเห็นดารารัตน์หน้าหงอยวริยาก็หุบปาก รีบหุบปากก่อนจะพ่นคำประนามผัวของอีกฝ่ายผู้ชายคนนั้นหล่อนมองเห็นลายเห็นหางตั้งแต่วันแรกที่ทั้งคู่ย้ายเข้ามาบ้านหลังนี้ ส่วนดารารัตน์ก็ซื่อและไว้ใจไอ้เลวนั้นมากเกินไป “ส่งยัยหนูมาให้พี่ ส่วนดาวไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยดีไหม จากนั้นค่อยพาแก้มหอมไปหาหมอด้วยกัน” จากที่ตั้งใจจะพาลูกไปโรงพยาบาลของรัฐ เพราะต้องการประหยัดค่าใช้ แม้ต้องเสียเวลามากมายก็ตาม แต่เพราะเกรงใจวริยาที่ยอมกระเตงยัยหนูมาเป็นเพื่อนเธอ ดารารัตน์จึงให้แท็กซี่จอดที่หน้าคลินิกเด็กแห่งหนึ่งเพื่อต้องการประหยัดเวลา วริยามักออกไปตอนกลางคืน และกลับมาในตอนเช้าหรือไม่ก็สายของอีกวัน สองปีที่เป็นเพื่อนบ้านกัน ดารารัตน์จึงพอเดาได้ว่าวริยาทำงานอะไร เธอก็ไม่เคยรังเกียจ เพราะถึงวริยาจะปากร้าย แต่กลับมาน้ำใจกับเธอและแก้มหอม บางครั้งดารารัตน์ยังคิดว่าความรักความห่วงใยที่วริยามีให้ยัยหนู อาจมากกว่าพ่อแท้ๆ ของแก “ค่ายาทั้งหมดเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทค่ะ” เด็กหน้าเคาน์เตอร์แจ้งยอดค่ายา ดารารัตน์เปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กหยินธนบัตรสีแดงๆ ออกมาทั้งหมดนับได้เก้าใบ ก็ส่งให้เด็กสาวคนนั้นแปดใบ ที่ยังเหลืออีกหนึ่งใบเธอเก็บไปรวมกับธนบัตรสีเขียวในกระเป๋า พอรับยาเสร็จก็เดินไปหาวริยาที่กำลังอุ้มเจ้าก้อนดูของเล่นเด็กที่มุมหนึ่งของคลินิก “กลับกันเถอะ มาให้แม่อุ้มหนูนะคนดี” มือบางยื่นออกไปรับคนจ้ำม่ำ แต่แม่ตัวเล็กกลับหันหน้าหนี สองแขนที่มีเนื้อเป็นมัดกอดรัดรอบคอของวริยาแน่น “อะไรกัน ลืมแม่แล้วหรือไง” ดารารัตน์แกล้งว่า ส่วนวริยายิ้มไม่หุบ “ตัวแค่เนี่ยขี้อ้อนขี้ประจบเป็นแล้ว” คนที่แทนตัวเองว่าป้าตบก้นกลมเบาๆ แม่คนตัวเล็กหลังจากไข้เริ่มลงก็เริ่มทำหน้าเป็นได้ เจ้าตัวส่งยิ้มหวานอวดฟันกระต่ายซี่เล็กยิ่งทำให้วริยาเอ็นดู “กลับบ้านกันดีกว่า พี่อุ้มยัยหนูเองดาวไปเรียกแท็กซี่เถอะ” โชคดีที่คลินิกอยู่ไม่ไกลพอเห็นตัวเลขจากมิเตอร์ ดารารัตน์ก็เบาใจ อย่างน้อยเศษเงินในกระเป๋ายังพอจ่ายค่ารถได้ “เงินขาดมืองั้นสิ” พอเดินเข้าบ้านวริยาก็เปิดปากถามสาวรุ่นน้อง หล่อนสังเกตดารารัตน์ทำหน้าหงอยนั่งเงียบตั้งแต่ออกจากคลินิก “ค่ะ” ดารารัตน์ยอมรับโดยไม่นึกอายเพื่อนบ้านบ้าน ตั้งแต่เลิกกับปณตใช่ว่าเธอจะนั่งงอมือ แต่งานที่เหมาะกับแม่ลูกอ่อนใช่จะหาได้ง่าย ตอนนี้เธอรับงานฝีมือที่ได้ค่าตอบแทนไม่มากในออนไลน์มาทำ แต่เข้าใจว่าปณตยังจุนเจือค่าเลี้ยงดูลูก ค่าจ้างจากเวลาว่างเล็กน้อยจึงพอเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แต่ตอนนี้เธอกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เพิ่งรู้ว่าปณตค้างค่าเช่าบ้านถึงสามเดือน “ดาวอยากออกไปทำงาน แต่ยังหาคนไว้ใจเลี้ยงยัยหนูไม่ได้” “นั้นล่ะปัญหาใหญ่ ขนาดไปฝากเนิร์สเซอรียังเห็นเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ” วริยาเกาคางเล็กของคนที่อยู่บนตัก เจ้าตัวเล็กหัวเราะปากแดงส่งเสียงอืออาถูกใจที่คุณป้าใจดีหยอกเย้า ‘ยัยหนูยิ่งโตยิ่งน่าเอ็นดู’ ไม่รู้ว่าปณตคิดอะไรถึงได้ทิ้งลูกทิ้งเมียราวกับคนใจดำ พอหันมาทางแม่เด็ก ดารารัตน์กำลังมองลูกหางตามีน้ำใสคลอ พอรู้ตัวว่าถูกมองเจ้าตัวก็เบนหน้าหนีไปอีกทาง ลูกผู้หญิงตัวคนเดียว นอกจากปณต วริยาไม่เคยเห็นญาติพี่น้องของดารารัตน์ แต่ถึงมีก็ใช่ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือ ดูอย่างหล่อนเป็นตัวอย่างที่มีพ่อแท้ๆ แต่ก็เหมือนไม่มี วริยาก็เต็มใจที่จะไม่นับคนแบบนั้นเป็นพ่อ! “อยากทำงานจริงหรือเปล่า” งานที่ว่าอาจถูกดูแคลนจากหลายคน แต่จะแคร์ทำไมในเมื่อเราไม่ได้ไปขอเขากิน “ถ้าสนใจทำพี่พอจะแนะนำได้ ส่วนยัยหนูพี่จะหาคนที่ไว้ใจได้มาดูแลแทนดาว” “แต่ว่า...” งานที่ว่าดารารัตน์พอจะเดาได้ แต่เธอจนตรอกจริง ๆ แล้วใช่ไหม “เก็บไปคิดดูก่อน ดาวไม่ต้องทำเหมือนพี่ก็ได้ แต่ถ้าไม่เลือกงานรับรองไม่อดตายแน่” เห็นสีหน้าของรุ่นน้องวิรยาก็พอเข้าใจ ถึงลำบากแต่โลกของดารารัตน์ยังเป็นสีขาว เจ้าหล่อนเรียนจบก็ทำงานในบริษัท เป็นพนักงานกินเงินเดือนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป คงไม่เคยสัมผัสชีวิตยามราตรีที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ...แต่ก็นะบางครั้งเพื่อให้ปากท้องอิ่มมีที่นอนอุ่น ชีวิตคนเราก็ไม่มีทางเลือกมากนักหรอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD