ตอนที่ 9
เอ่ยเพียงเท่านี้นางกาบก็รู้ดีว่าความหมายของลูกสาวคืออะไร นางรีบสวมกอดบุตรสาวที่ได้พบเจอกัน จากนั้นดึงแขนของบุตรสาวพาเข้าไปในเรือนพักชั้นบน
พร้อมกับนางกาบเดาเอาจากที่เห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของบุตรสาวลึกลงไปในความรู้สึก เกลียวลินินคงมีชีวิตที่ขมขื่น เพราะท้องไม่มีพ่อ
“แล้วลูกจะกลับมาอยู่บ้านเราอีกกี่เดือนล่ะหือ เกลียว”
“ก็นานค่ะ แม่จนกว่าหนูจะคลอดลูกค่ะแล้วคงกลับไปที่กรุงเทพอีก”
นางกาบมีสีหน้าและแววตาห่วงกังวลกับความรั้นของบุตรสาว
“อ้อนี่แกคิดจะกลับไปอีกงั้นหรือไงเกลียว..นอกจากกลับมาอยู่บ้านกับแม่แล้วแกคิดจะทำธุระอะไรอีก”
“เอ้อ ใช่ ค่ะ หนู คิดว่า หนูจะมาเปลี่ยนชื่อ ใหม่ด้วยค่ะ ชื่อเดิมมันซวยเหลือเกิน..มีแต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหนูจะเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าเฟื่องรินแม่ต้องเรียกหนูใหม่ว่าเฟื่องนะคะต่อไปนี้ห้ามเรียกชื่อเดิมอีกหนูรู้สึกไม่ดีกับชื่อหนูเกลียดชื่อนี้ค่ะ”
ผู้เป็นมารดาทวนคำ
“เฟื่อง”
“ ค่ะ เรียกหนูชื่อนี้แหละคะแม่ ชื่อจริงหนูเฟื่องริน”
“แล้วไอ้หนุ่มกรุงเทพผัวเอ็งมันไม่ตามมาแล้วหรือยังไง”
“ไม่ค่ะ แม่ คือ เขา เขาตายไปแล้วค่ะแม่ก่อนที่จะเห็นหน้าลูกด้วยซ้ำ” เกลียวลินินเลือกที่จะตอบมารดาคำนี้
“ตายแล้ว..โอ อาภัพจริงหลานฉัน..ยังไม่เกิดลืมตาดูโลกเลยพ่อก็เสียไปแล้ว ดวงแกมันอาภัพจริงเกลียวเอ๋ย”
“ เฟื่องค่ะแม่”ลูกสาวย้ำเตือน
“ แต่ว่า ต่อไป แม่ต้องหัดเรียกชื่อหนูคำนี้นะคะ”
“จ้ะเฟื่อง”
เมื่อได้พบกับมารดาบิดา พร้อมกับทักทายกับเครือญาติที่แวะเข้ามาในบ้านซึ่งพากันทราบว่าเกลียวลินินเดินทางกลับมาที่บ้านแล้วไม่มีญาติพี่น้องคนไหนซ้ำเติมชีวิตอีกเพราะเห็นภาพอยู่ตรงหน้า เกลียวลินินเปรียบเสมือนลูกหลาน ต่างรักใคร่ปรองดองกันดี แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวพากันเคลือบแคลงกังขาเมื่อรู้ข่าวว่าเกลียวลินินนั้นอุ้มท้องกลับมาจากกรุงเทพตามประสาปากของชาวบ้านที่มักอยู่ไม่สุข พากันนินทาโดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านทางทิศใต้ แต่เกลียวลินินก็ไม่สนใจ และนางกาบบอกลูกสาวเช่นนั้นกำลังใจนั้นสำคัญมากที่สุดกับลูกสาวที่กำลังเสียขวัญ
“ลูกอย่าไปแคร์ใครเขานะเกลียวเอ้อเฟื่องปากนินทาของชาวบ้านรู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าแม่รักเอ็งห่วงเอ็งเสมอ”
“จ้ะแม่” เกลียวลินินหรือเฟื่องริน ซึ่งเป็นชื่อที่ในวันรุ่งขึ้นหล่อนจะไปจัดแจงขอเปลี่ยนชื่อนี้ ที่นายทะเบียนที่ว่าการอำเภอ เป็นความตั้งใจของหล่อนโดยเฉพาะ
กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดอย่างนี้ เกลียวลินินหรือเฟื่องริน อบอุ่นใจอีกครั้ง เรื่องราวทางเมืองกรุง แทบจะเลือนหายไปจากสมองของหล่อน เพราะถ้าจะว่าไปนั้น หากหล่อนไม่ได้ตั้งครรภ์เช่นในเวลานี้ เกลียวลินินก็ไม่ได้คิดกลับบ้านที่จอมพระ แต่ถึงอย่างไรบ้านเกิดก็ให้ความรักและความอบอุ่นแก่หล่อนดีมากที่สุด ไม่เคยทำให้หล่อนเสียขวัญ และทิ่มแทงทำร้ายหล่อนจนเจ็บปวด ลาก่อนนะ กรุงเทพ อาจจะชั่วคราว เพราะหล่อนยังมีโครงการที่จะขึ้นไปทำงานอยู่ดี ต้องรอให้คลอดบุตรที่อัลตร้าซาวน์แล้ว เป็นบุตรชาย สายเลือดของเขาและหล่อน
ซึ่งว่าจะไม่นึกถึง แต่นั่นคือความจริง ที่หล่อนอยากจะหลบเลี่ยงเขาและปกปิดคิดอย่างเดียวเวลาที่ผ่านไปหลายปี เขา พ่อของลูกในวันนี้ คงจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว เพราะหล่อนไม่สนใจรับรู้ข่าวคราวของเขาอีกแล้ว เพราะความรักในครั้งนั้น มันปิดฉากไปพร้อมคำอำลาที่เจ็บปวด ซึ่งเขาคงจะเข้าใจการกระทำของหล่อนในแง่ลบ เกลียวลินินไม่ต้องการคำแก้ตัว
และเขาจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของเขาเอาแต่เพียงว่า หล่อนเข้าใจในตัวเองดีที่สุดเพียงพอถึงการกระทำดังกล่าว ที่อาจจะดูสิ้นคิด
และภายในห้องนอนส่วนตัวยามค่ำที่เฟื่องรินอดกวาดตามองไม่ได้ภาพอดีตหวนกลับมาหล่อนเคยใช้ประโยชน์ตรงนี้และหญิงสาวเดินไปหยุดที่โต๊ะเขียนหนังสือ มุมนั้น หล่อนนึกขึ้นมาได้ จึงค้นดู พบว่ารูปภาพนั้นยังเก็บไว้ดีเช่นเดิมไม่สูญหายไปไหนไม่มีใครเข้ามายุ่งในห้องส่วนตัวของหล่อน
นั่นไงข้อความดังกล่าวเมื่อครั้งได้พบเจอหน้าเขา ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งที่เกลียวลินินมีโอกาสมากลับอยู่ที่บ้านในช่วงปิดเทอมหล่อนนำรูปภาพของเขากลับมาด้วยเก็บไว้อย่างดีที่ลิ้นชักตรงนี้มั่นใจว่าคงไม่มีใครเห็น และจะเข้ามารื้อค้นในห้องส่วนตัวของหล่อน สำหรับมารดาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันและท่านคงเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร หล่อนทวนอ่านข้อความที่บรรจงเขียนไว้ด้านหลังรูปถ่าย ว่า สำหรับภิญตรัยสุดที่รัก
เขียนข้อความที่รักสลักใจด้วยตัวเอง มันเป็นไปได้ไง เป็นความเพ้อฝันลุ่มหลงของเธอต่างหาก แต่ตอนนี้เกลียดเขานักหนา เขาทำหล่อนเจ็บแสบยิ่งกว่าอะไร.
หากแต่วันนั้นหล่อนไม่ลืมว่าเหตุการณ์และพฤติกรรมจู่โจมของความรักความใคร่ที่ร้อนแรงของหล่อนและเขาด้วยบทบาทเถื่อนเพราะมันผ่านไปได้ไม่นานนี่เอง นั่นคือความรักในอดีตหากแต่ตอนนี้หรือเขาคงมีแต่ความชิงชังเคียดแค้นผู้หญิงใจง่ายโลเลอย่างหล่อนไปแล้ว จะมารื้อฟื้นคิดถึงเขาไปทำไมกันนะ ในเมื่อเขาก็คงไม่คิดถึงหล่อนหรอก ป่านนี้เขานั้นคงจะอยู่กันสุขสบายตามประสาพ่อแม่ลูกในครอบครัวของเขาแล้วชีวิตของหล่อนเองสินะ ที่สำคัญมากที่สุดเพราะหล่อนจะต้องดิ้นรนต่อสู้ อีกอย่างคนเป็นพ่อของลูกนั้นเขาไม่มาสนใจและแอบฉุกคิดหรอกว่าผู้หญิงที่เลวชั้นต่ำๆคนหนึ่งของเขานั้นจะอนุรักษ์ เก็บเอาชีวิต ก้อนเนื้อก้อนเลือด ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้ ถึงแม้ เขาจะกล่าวหาว่าหล่อนเป็นผู้หญิงสำส่อน ผู้หญิงเร่รักก็ตามเถอะ ทำไมหนอ เฟื่องริน ถึงยังคิดอาลัยอาวรณ์ต่อเขาอีก