“สวัสดีค่ะ” เสียงต้อนรับของพนักงานในร้าน เมษากล่าวทักทายกลับ และบอกว่าเธออยากดูใบที่โชว์หน้าร้าน หมวกแก็ป
พนักงานยื่นส่งหมวกให้กับลูกค้าและแจ้งว่า กระจกอยู่ทางโน้น สามารถลองสวมได้ เมษาเดินไปยังกระจกบานใหญ่ ในขณะ...
“สวัสดีค่ะ” พนักงานกล่าวทักทายลูกค้่าท่านใหม่ที่เดินเข้ามาในร้าน เมษาสนใจมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก และเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว...
อุ้ย! เมษาร้องตกใจ เมื่อเธอถอยหลังเพียงสองก้าว เพื่อจะไปชำระเงิน เธอชนบางอย่างและบางอย่างนั้นก็มีวงแขนรัดร่างเธอไว้แน่น จนแผ่นหลังเธอแนบกับกำแพงกล้ามเนื้อแข็งแรง
“บาดเจ็บตรงไหนมั้ย?” เสียงกระซิบแผ่วเบา ข้างริมหู ทำให้เมษาขนลุกไปทั้งตัวโดยที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าคืออะไร
อื้มมมม เมษาร้องเสียงในคอและดิ้นออกจากวงแขนนั้น ในเสี้ยววินาทีแรกเหมือนจะเจ้าของวงแขนแข็งแรงจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แต่ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระ ดวงตากลมเลื่อนสูงขึ้นทันทีที่หันกลับมาเผชิญหน้ากับกำแพงกล้ามเนื้อ
ดวงตาสองคู่สบประสานกัน ทั้งสองตกอยู่ในความคิดของตัวเอง เคลย์ตันยิ้มอย่างพึงพอใจ ลูกแมวน้อยกำลังขู่ฟ่อๆเลย สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้
เมษาไม่พอใจทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ผู้ชายคนนี้ดูมั่นอกมั่นใจในเสน่ห์ไม่ธรรมดาของเขา และเขาพยายามจะใช้มันกับเธอ ถึงแม้เธอจะไม่สนใจผู้ชายคนไหน แต่เธอก็ต้องชื่นชมเขาแบบไม่มีอคติว่าผู้ชายคนนี้ หล่อมากและเขามีพลังดึงดูดเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี ใบหน้าที่มีเคราบางๆรับกับรูปหน้านั้น รอยยิ้มเขายิ่งทำให้เขาน่ามองมากเพิ่มทวีคูณ ช่วงขายาว เขาน่าจะสูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร เขาสวมกางเกงยีนส์สีเข้มเสื้อยืดคอกลมสีดำด้านในที่มีแจ็คเก็ตหนังสวมทับ
อึ้ง! อาการที่เกิดกับเคลย์ตันในเวลาต่อมา เมื่อเมษาเดินผ่านเขาไป ผ่านไปเฉยๆ หลังจากที่เธอมองเขาอยู่สักสามสิบวินาที เฮ้ย! มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาคาดไว้เลย ทำไมเธอไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ละ เคลย์ตันรู้ดีว่าตัวเองเป็นที่ต้องตาของสาวแท้และไม่แท้มากมายเพียงไหน แล้วนี่มันอะไะว๊ะ!!!
“รับใบนี้ค่ะ...” เมษายื่นหมวกให้พนักงานคิดเงิน และบอกว่าไม่ต้องใส่ถุง ให้พนักงานแกะป้ายราคาออก เพราะเธอจะสวมมันเลย ในขณะที่เมษากำลังยื่นธนบัตรให้กับพนักงาน
“กรุณารับการขอโทษจากผมด้วยครับ” เคลย์ตันยื่นบัตรทองให้กับพนักงาน เมษาและพนักงานหันไปมอง เมษาใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่แววตาเธอมองเคลย์ตันฉายความหยามเหยียดให้เขาได้เห็นไปเลย เพียงแค่นั้น เมษายื่นธนบัตรของเธอให้พนักงานรับชำระเงินที่กำลังลังเลว่าจะต้องรับธนบัตรหรือบัตรทองดี
“ตกลงจะขายมั้ยคะ” เมษาถามเสียงเย็นๆแฝงความไม่พอใจให้กับพนักงาน
“เอ่อ!...ขายค่ะ” พนักงานยื่นมือไปรับธนบัตรจากเมษา และรีบกดเครื่องคิดเงิน ทอนเงินให้กับเมษาอย่างรวดเร็ว เมษารับเงินทอนพร้อมกับหมวกที่เธอสวมมันทันทีและเดินออกจากร้านไป ไม่หันกลับไปมองเคลย์ตันที่มองตามพร้อมรอยยิ้ม
“อยากรู้เหมือนกันว่าจะหยิ่งไปได้นานแค่ไหน” เคลย์ตันเปรยเบาๆกับตัวเอง และเดินออกจากร้านไป เขาดึงแว่นตากลับมาสวมอีกครั้งและเดินไปทิศทางเดียวกับเมษา ช่วงการก้าวที่ต่างกันทำให้เคลย์ตันเดินมาทันเธอ “ผมเคลย์ตัน”
เมษาเงยหน้าเล็กน้อยกับเพื่อนร่วมทางที่ไม่ได้เชิญและต้องการ เมษาหยุดเดินและล้วงเงินทอนในกระเป๋าออกมา มือที่ว่างอีกมือคว้ามือของเคลย์ตันมาข้างหนึ่ง
“เศษเงินทอนฉันให้ค่ะ คุณจะเอาไปซื้อน้ำเปล่า มันน่าจะพอได้สักขวด ยามที่คุณคอแห้งหลังจากที่คุณเที่ยวเดินแจกจ่ายชื่อของตัวเองให้กับผู้หญิง หรือมั้ยก็คุณก็เอาเงินนี้ไปซื้อกระดาษและปากกาเขียนชื่อตัวเองและยืนแจกผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ได้นะคะ”
อึ้ง! อาการที่เกิดขึ้นกับเคลย์ตันอีกครั้ง สายตามองร่างบางเดินจากไปทันทีที่พูดจบ เธอทิ้งไว้เพียงเศษเงินทอนกับความว่างเปล่าบนใบหน้า
เคลย์ตันหันไปมองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจกหน้าร้านที่เขายืนอยู่ ทำไมยี่สิบห้าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกว่าความเท่ห์ทั้งหน้าตาและรูปร่าง มันช่างไร้ประโยชน์ได้ขนาดนี้ เคลย์ตันส่ายหน้าไปมา เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ใช่ปัญหาแน่นอน “เธอต้องผิดปกติอะไรสักอย่างแน่นอน” เคลย์ตันสรุปเป็นแบบอื่นไปไม่ได้เลย
เมษามองกลับหลัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามมา เธอเดินเข้าร้านชุดชั้นใน เธอให้เวลากับร้านนี้นานสักหน่อย วันนี้เมษาหมดไปหนึ่งวันกับเข้าของส่วนตัวจนครบครันสำหรับระยะเวลาหนึ่งเดือนที่เธอตั้งใจจะอยู่ที่นี่ โทรอนโต
เคลย์ตันพยักหน้าหลังจากที่ได้รับการรายงานว่าเมษากลับมาแล้ว ดวงตามองน้ำสีอำพันที่เคลื่อนไปมายามที่เคลย์ตันแกว่งแก้วในมือ เขาเรียกหาวิสกี้ก่อนหน้าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หลังจากที่ตัดสินใจไม่ตามเมษาต่อ เขากลับมาโรงแรมและทำงานต่อจนถึงบ่าย เมื่อสมองว่างจากงาน เมษาก็กลับเข้ามาในสมองเขาอีกครั้ง และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ก็เป็นทางออกให้กับเขา เมื่อเขาพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆกับพฤติกรรมของเมษา เธอไม่เคยมีแฟนเลยจากข้อมูลที่ได้มา หรือเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนกับเพศตรงข้ามที่ให้ความสนใจเธอ
“นายครับ คุณเมษากำลังออกจากห้องพักครับ?” ชายชุดดำที่มีหน้าที่เพิ่ม คือติดตามการเคลื่อนไหวของเมษาทุกฝีก้าวและรายงานตรงให้กับเขารู้ทันที
เคลย์ตันชำเลืองมองนาฬิกา เธออาจจะไปหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น ร่างกายเคลื่อนไหวทันที แต่ชายชุดดำห้ามเขาไว้ก่อน เพราะเมษายังอยู่ที่หน้าลิฟท์ ใช่แล้ว...เขาไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเขาพักอยู่ชั้นเดียวกับเธอ ทั้งชั้นมีแค่เธอและเขาเท่านั้น แม้แยกห้องกันแต่ก็ทำให้เคลย์ตันคิดไปแล้วว่า เขาพาเมษาเข้าบ้านแล้ว เพราะชั้นนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับลูกค้าตั้งแต่แรก
เคลย์ตันล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมา กดโทร.ออก หาพี่ชาย ไม่อยากเชื่อเลยว่าเมษาทำให้เขาต้องคุยกับเควิ้น
“เคน ผมโดนรังแก” เคลย์ตันกรอกเสียงเป็นประโยคแรกที่ปลายสายกดรับ
“มากมั้ย?” เควิ้นถามกลับ นานแล้วที่เขาไม่ได้ยินประโยคนี้ มันเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพวกเขาเด็กๆ เคลย์ตันเคยมีเรื่องกับเด็กในโรงเรียนเดียวกัน สาเหตุเพราะความหน้าตาดีทำให้เด็กผู้หญิงในโรงเรียนให้ความสนใจเคลย์ตันมากไป เควิ้นยังจำสายตาของพ่อที่มองพวกเขาทั้งสามคนในสภาพที่แม่ต้องตาค้าง และคำพูดประโยคเดียวที่ออกมาจากพ่อในตอนนั้น “ไม่ได้ไปรุมเพื่อนใช่มั้ย?”
“คุณคีน!!!” ตะวันเรียกสามีอย่างเหลือเชื่อ ประโยคแรกที่ควรพูดกับเด็กผู้ชายทั้งสามตรงหน้า “ลูกๆเจ็บมั้ย?” มันควรเป็นประโยคนี้ดีกว่ามั้ย ซึ่งตอนนั้นเป็นพวกเขาสามคนต่างหากที่ถูกรุมจากเด็กที่โตกว่า เควิ้นจะเจ็บมากกว่าน้องๆ เพราะเขาจะเอาตัวเข้าไปป้องกันน้องทั้งสองให้มากเท่าที่เขาจะทำได้
พ่อที่มีนิโคลบุตรสาวตัวน้อยในอ้อมแขนในตอนนั้น พ่อย่อเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทั้งสาม ฟู่ๆๆๆๆๆ นิโคลเป่าลมพร้อมน้ำในปากที่กระเด็นออกมาให้กับพวกเขาทีละคน “หาย หาย หาย...” คำสั้นๆจากน้องสาวเพียงคนเดียวที่มาพร้อมกับมือเล็กๆแตะเบาๆที่ข้างแก้มที่มีรอยฟกช้ำ
เควิ้นจำได้ไม่ลืมพ่อไม่เคยถามว่าใครผิดใครถูก เรื่องราวเป็นอย่างไร แต่วันนั้นพ่อยิ้มพร้อมสายตาแห่งความภาคภูมิใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ยินพ่อพูดกับแม่ “ลูกของเราจะไม่เป็นไร ตะวันไม่เห็นความรักที่พวกเขามีให้กันเหรอ เควิ้นเจ็บมากกว่า เคลย์ตันและเค-วอลลิส เพราะอะไร?”
เคลย์ตันเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เควิ้นฟัง ไม่เคยเลยที่เขาหมดความมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เขาเจอผู้หญิงมาเยอะ ดูออกอยู่แล้วว่า เสแสร้งแกล้งเล่นตัวเป็นแบบไหน ปกติเขาก็เล่นไปตามเกมของพวกเธอให้มีรสชาติตามที่พวกเธอเหล่านั้นต้องการ แต่เมษาไม่ใช่เลย