CHAPTER 1
เพล้ง! เคร้ง!
ปึก!
เสียงขว้างปาข้าวของดังสนั่นบ้านเช่าไม้หลังเล็กสุดท้ายซอยของหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองหลวงไม่รู้ว่าด้านในบ้านเกิดอะไรขึ้นแต่สุดท้ายเหตุการณ์มันก็รุกรามมาเกิดขึ้นถึงนอกบ้านพร้อมกับหญิงสาวร่างเล็ก เสียงพวกนั้นแม้จะทำให้ชาวบ้านหลังอื่นเกิดความรำคาญใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ออกมามุงดูสิ่งที่เกิดขึ้น
เสียงสุดท้ายก็มาจากหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่งที่ถูกปามาอย่างแม่นยำราวกับจับวางด้านสันแข็งๆ มันจึงกระทบกับศีรษะของหญิงสาวร่างเล็กคนเดิมกับที่ถูกลากออกมาก่อนหน้าตรงขมับด้านซ้ายแบบเต็มๆ
“มึงออกไปจากบ้านกูเลยนะ อีหลานชั่ว!” หญิงวัยสี่สิบปียืนเท้าสะเอวในชุดนอนยาวส่งสายตาเกลียดชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง “จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
“ป้า ป้าเข้าใจผิดแล้วนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบที่น้อยมันว่าเลย” เธอคลานเข้าไปจับขาผู้เป็นน้าสาวญาติคนสุดท้ายอย่างอ้อนวอน “ฉันไปทำงานมาจริงๆ”
“อย่างมึงไม่ต้องมาตอแหลอีขิม!” หญิงวัยสี่สิบปีสะบัดเท้าตัวเองออกอย่างแรงทำให้ร่างเล็กหงายตึงไปในทันที “ดูเอาไว้เจ้าข้าเอ้ยถ้าอีขิมมันไปอยู่ไหนระวังลูกผัวเอาไว้ให้ดี อีนี่มันร่านมันสำส่อนไม้เว้นแม้แต่ผัวน้องผัวนุ่งมันก็เอาไม่เลือก!”
“อะไรกันนังพา ขิมมันไปแย่งไอ้นพจากอีน้อยหรือไงวะ?” เสียงชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนเข้ามาร่วมบทสนทนา
“ก็เออนะสิ อีนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง!” มือกร้านดำเข้าไปตบศีรษะเล็กอย่างแรง
“ไม่ใช่นะจ้ะ ขิมไม่เคยไปยุ่งกับนพเลย”
“น้อยไปนะสิแล้วที่กูเห็นมันคืออะไร มึงเสล่อไปยืนอ่อยไอ้นพผัวกูอยู่ท้ายตลาดเจ็บมือถือแขนหลังจากนั้นคงเอากันคาตลาดมั้ง!
“มันไม่ใช่อย่างที่น้อยเข้าใจเลยนะ พี่ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับนพ” สาวร่างเล็กพยายามอธิบาย “คือพี่เจอนพที่ร้านเกมส์เขาเข้ามาขอเงินต่างหากแต่พี่ไม่ให้”
“ใครเชื่อคนอย่างมึงก็โง่แล้วกูถามไอ้นพมันบอกขอโทษที่ทำแบบนั้นเพราะมึงเข้าไปยั่วมันก่อน” คนเป็นน้องสาวตะคอกสุดเสียงพร้อมชี้หน้า “คันนักก็ไปเอาผัวคนอื่น!”
~ซ่า~
น้ำฝนถังใหญ่ที่ตวงไว้ถูกสาดเข้ามาหาเธอในชุดนักศึกษาแบบเต็มเหนี่ยว มันสาดน้ำตาเก่าออกไปพร้อมกับปิดบังน้ำตาสายใหม่ที่ก่อเกิดเข้ามา
“มึงไม่ใช่หลายกูอีขิมจะไปไหนก็ไสหัวไป๊!”
“เข้าบ้านกันเถอะป้าอย่าอยู่ในเป็นเสนียดเลย!”
ปัง!
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“ป้าพา น้อย เปิดประตูให้หน่อย พี่ไม่มีที่ไปจริงๆ นะ ป้าพา...”
ฮื่อๆ
เธอนั่งเคาะประตูบ้านอย่างงั้นมาเป็นชั่วโมงมันก็ไม่ได้เกิดผลอะไรขึ้นมานอกจากด้านในจะดับไฟส่วนชาวบ้านคนอื่นที่มามุงดูก็พากันกลับหมดไม่มีใครสอดมือเข้ามาช่วยเพราะต่างเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นกันหมด
ทำไมชีวิตของผู้หญิงอย่างฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยมันต้องสาหัสขนาดนี้เลยเหรอ
ขิม คือชื่อฉันเองเรียนปี 4 แล้วไม่มีญาติที่ไหนน้องจากป้าพา พี่สาวของแม่ที่เชื่อฝังจิตฝังใจว่าน้องตัวเองมาขออยู่ด้วยเพราะท้องไม่มีพ่อซึ่งเด็กคนนั้นก็คือฉัน พอฉันอยู่มอปลายแม่ก็จากฉันไปจากนั้นเป็นต้นมาฉันก็ได้รับความเกลียดชังจากคนในบ้านนอกจากลุงหมายสามีของป้าพา ท่านไม่ได้รักและก็ไม่ได้เกลียดแต่ชอบเงินที่ฉันหามาได้ต่างหาก
แล้วตอนนี้จะไปอยู่ไหน...
ถึงจะเดินมาไกลมากพอแต่ในความคิดของตัวเองตอนนี้มันช่างว่างเปล่าเหลือเกินมีเงินแค่ห้าร้อยบาทติดตัวค่าเช่าห้องยังไม่พอเลยจะไปรบกวนเพื่อนก็คงจะไม่ได้เพราะตอนนี้ดึกดื่น เมื่อหมดแรงฉันจึงหย่อนกายนั่งกอดตัวเองลงตรงซอกด้านหลังป้ายรถเมล์หนึ่ง
เสียงเงียบสงัดในยามดึกดื่นมาพร้อมกับเสียงแมลงร้องแข่งกันชวนให้ขนกายลุกตั้งชันไม่น้อยความกลัวเข้ามาสะสมในจิตใจเรื่อยๆ ไม่รู้สิว่าฉันจะต้องเจออะไรที่มันร้ายแรงอีกไหมและมันเกินกว่ากำลังของผู้หญิงคนหนึ่งจะรับได้หรือเปล่ากระทั่งความเงียบนั้นกับมีเสียงเดินเข้ามาตรงป้ายที่ฉันอยู่เสียงนั้นจากไกลก็เข้ามาให้ได้ยินใกล้เข้าใกล้เข้าทุกทีจนในที่สุดมันก็หยุด
“ไหนของ?”
น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเยือกเย็นกล่าวขึ้น ทำไมแค่สองพยางค์ของเขาที่ถูกเปล่งออกมานั้นช่างน่ากลัวได้มากขนาดนี้นี่แค่เสียงไม่ได้เห็นใบหน้านะ ความกลัวทำให้ฉันต้องกัดริมฝีปากของตัวเองพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างเข้ามาช่วยปิด
“นี่ รับรองถูกใจ”
“ก็ดี”
เขาขานรับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเช่นเดิมเหมือนตอนก่อนหน้าอย่างไม่ผิดเพี้ยนจึงทำให้ฉันเอียงตัวไปเพื่ออยากเห็นหน้าเพราะเรื่องที่คนพวกนี้กำลังทำการซื้อขายกันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นักแต่ฉันเห็นแค่ปลายเท้าเท่านั้น
รองเท้าสีดำที่วัยรุ่นชอบใส่ยี่ห้อดังเผยสู่สายตา
“แล้วเงินส่วนหลัง?”
ฉันค่อยๆ โน้มตัวลงไปอย่างช้าๆ ครั้งนี้เห็นแขนด้านขวายื่นซองสีขาวหนาให้ผู้ชายอีกคนหนึ่ง แขนใหญ่ด้านในข้างนี้ขาวผ่องมีเส้นเลือดปูดขึ้นตามลำแขนยังไม่พอรอยเห็นรอยสักรูปงูเลื้อยพันดอกไม้อยู่สองช่อเหนือข้อมือ
“แบบนี้สิถึงเป็นลูกค้าประจำ จะเอาอะไรก็สั่งอีกพวกเรายินดีเสมอ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว”
ก็แน่สิพวกเขากล้าท้าทายกฎหมายขนาดนี้ ไม่แน่แล้วจะเรียกว่าอะไร
พอเขาเอ่ยคู่สนทนาตรงหน้าก็ก้าวเท้าขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีคนรอรับไปทันทีเหลือเพียงแค่เขาที่ยังยืนอยู่นิ่งไม่ขยับกายดังถูกสาปหรือว่าผู้ชายคนนี้จะรู้ว่าฉันเห็นทุกอย่างแค่ไม่เห็นหน้า
ไม่หรอกเขาไม่เห็นเธอขิม...
ใจเย็นๆ
ความกลัวเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงเรื่อยๆ มีไม่ดีอาจทำให้ความตื่นตัวกลัวทุกอย่างที่ยังไม่เกิดขึ้นได้เสมอเพราะฉะนั้นฉันต้องมีสตินิ่งเข้าไว้ๆ
การพยายามนิ่งของฉันเป็นผลอยู่ประมาณแค่สองถึงสามนาทีเท่านั้นที่เหลือมันไม่ใช่เลยเมื่อท่านั่งไม่เป็นใจ ก่อนหน้าฉันพยายามโน้มตัวลงต่ำเพื่ออยากเห็นหน้าชายคนนั้นทว่าได้เห็นแค่เพียงแขนขวากับรอยสักแต่ตอนนี้...
ตึก! โอ้ย!
และแล้วความซวยก็มาเยือนตัวเองอีกครั้งหนึ่ง การโน้มตัวต่ำนั่งอยู่นานพอมันค้างท่าเดิมกะจะขยับตัวอีกครั้งเหน็บก็เป็นตรงขาทำให้ใบหน้าฉันกำลังจะกระแทกถูกกับพื้นปูนในอีกไม่ช้าด้วยสัญชาตญาณในร่างกายมันสั่งให้ฉันเอามือที่ปิดปากอยู่ในตอนแรกใช้มาบังใบหน้าแทน
หลังมือทั้งสองจึงรับแรงกระแทกพื้นปูนเต็มๆ
ความเจ็บปวดโลดแล่นเข้ามาสู่ด้านหลังมือของฉันทันทีจึงรีบพยุงร่างกายตังเองลุกขึ้นนั่งจากนั้นก็สนใจรอยแผลถลอกเลือดซึมออกมาทีละนิดๆ จากหลังมือทั้งสองข้างทว่าโสตประสาทในสมองสั่งให้ฉันรีบหนีเพราะเมื่อกี้เสียงที่ตัวเองเปล่งไปยังไงผู้ชายคนนั้นต้องได้ยินแน่
ไม่ทันแล้ว....
ปลายรองเท้าคู่เดิมเดินเข้ามาหยุดนิ่งทิ้งระยะห่างจากที่ฉันนั่งอยู่เพียงแค่ชั่วระยะหนึ่งของแขน ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตานิ่งแบบนั้น
“เจอคนเสือกอีกจนได้สินะ”
“ฉันไม่เห็น ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
นั่งอยู่ที่นี่ก่อนด้วยไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับใครหรอกแค่ฉันไม่มีที่ให้ไปแล้วอย่าทำอะไรฉันเลยนะ การพ่นประโยคพวกนี้ไปมันก็เหมือนหาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวเอง
“พูดกับฉันเหรอ?” จะให้พูดกับใครก็มีอยู่แค่นี้ “พูดกับฉันก็มองหน้าฉัน”
“...”
“มองดิวะ!”
แค่เสียงตะคอกมาอย่างเดียวไม่พอผู้ชายคนนั้นยังค่อยๆ นั่งยองๆ ลงมาตรงหน้าฉันอีก การเคลื่อนไหวของฉันก็เหมือนถูกจำกัดลงเมื่อด้านหลังติดเสาเข้าเสียแล้วจึงทำได้เพียงขยับขาเข้ามากอดให้แน่นให้ได้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงแม้มันจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย
“อะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ กะ กลัวแล้ว”
“มอง!”
เขาไม่สนใจการพนมมือไหว้ของฉันเลยเมื่อฝ่ามือข้างที่มีรอยสักเข้ามาจับใบหน้าของฉันแบบจาบจ้วงและแข็งแรงจากนั้นไม่นานเขาก็บังคับใบหน้าของฉันให้เงยขึ้นมันไม่รุนแรงหรอกแต่ถ้าฉันฝืนความเจ็บปวดมันจะโลดแล่นเข้ามาหาฉันเองอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้นถึงแม้มือใหญ่จะอบอุ่นมากเมื่อกระทบกับใบหน้าของฉันที่เปียกชื้นอยู่ก็ตาม
พึ่บ!
การดึงทึ่งเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่นานเพราะฉันไม่สามารถบังคับให้ร่างกายตัวเองทนความเจ็บปวดได้นานนักสิ่งแรกที่เห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้น...
ใบหน้าเรียวยาวของเขาแสนรับจมูกโด่งเป็นสันดั่งถูกออกแบบปั้นได้อย่างประณีตอีกทั้งยังมีรูปปากบางหยักสีออกคล้ำนิดหน่อยผสมลงตัวกับผมสีออกน้ำตาลไม่ได้เชตถูกลงมาปิดบังใบหน้าถึงแค่บริเวณนัยน์ตาสีนิลคู่ที่เขาเองก็จับจ้องมองฉันอยู่
เขาคนนั้นคือ...
“เกมส์...”