อาทิตย์ออกรถมาได้ไม่ไกลมือถือของมุกรินก็ดังขึ้น เมื่อเธอเห็นว่าเป็นปริญญ์โทรเข้ามาจึงรีบรับสาย
“ค่ะบอส กำลังกลับแล้วค่ะ” ทุกคนในบริษัทเรียกปริญญ์ว่าบอส ไม่เว้นแม้แต่คนที่ควบตำแหน่งรุ่นน้องสมัยมหาวิทยาลัยอย่างมุกรินก็ด้วย แต่นอกจากปริญญ์จะโทรถามเรื่องงานแล้วเขายังชวนเธอคุยต่อ และประโยคสนทนาที่เธอคุยกับคนในสายทำให้อาทิตย์สนใจฟังขึ้นมา
“มุกทานข้าวเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ บอสไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อีกเดี๋ยวก็คงจะถึงบริษัทแล้ว” การถามไถ่นอกเหนือจากเรื่องงาน ถ้าให้เขาเดา ดูท่าเจ้านายของเธอคงจะใส่ใจลูกน้องคนนี้เป็นพิเศษถึงได้ชวนคุยเรื่องพวกนี้ต่อ
“ขอโทษนะคะ งั้นเราเริ่มคุยรายละเอียดงานกันเลยนะคะ” มุกรินรู้ตัวว่าเสียมารยาทที่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลาเพราะตัวเองคุยโทรศัพท์ ทันทีที่วางสายจากปริญญ์จึงหันไปพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ผมรู้จักบ้านหลังหนึ่งดีไซน์คล้ายๆ แบบบ้านที่คุณจิตราต้องการ เราไปดูกันไหมครับอยู่ใกล้ๆ นี่เอง” อาทิตย์นึกขึ้นได้ว่ารู้จักบ้านหลังหนึ่งที่คิดว่าอาจพอจะช่วยให้มุกรินมีไอเดียใหม่ ๆ ไปนำเสนอลูกค้าเลยถือวิสาสะออกความเจ้าของร่างบางที่นั่งอยู่เข้าง ๆ ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงมุกรินยอมรับว่าโจทย์ที่ลูกค้าให้มาค่อนข้างยากสำหรับเธอพอสมควร เพราะเหตุนี้เธอเลยต้องขอเวลาหาไอเดียไปนำเสนอในอีกสามวันข้างหน้า ดังนั้นถ้าสิ่งที่อาทิตย์เสนอจะช่วยให้เธอทำงานง่ายขึ้นเธอก็ไม่ควรจะปฏิเสธเขา ส่วนเรื่องที่อยากหลีกเลี่ยงคนในครอบครัวของคุณประภพเห็นทีว่าตอนนี้จะเป็นไปได้ยากซะแล้ว
หลังจากตอบตกลงมุกรินก็หยิบมือถือโทรรายงานปริญญ์ทันทีว่าวันนี้เธอจะเข้าบริษัทช้าหน่อย ทว่าน้ำเสียงและคำพูดที่เล็ดลอดออกมาจากปลายสายทำให้อาทิตย์ยิ่งแน่ใจว่าเจ้านายหนุ่มไม่ได้คิดกับมุกรินแค่ลูกน้องอย่างแน่นอน
นอกจากภาสกร เขายังมีคู่แข่งคนอื่นอีกสินะ แต่แบบนี้มันยิ่งทำให้เขาอยากพิชิตใจเธอมาให้ได้
ไม่กี่นาทีต่อมาอาทิตย์ก็ขับรถพามุกรินเข้าไปจอดหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังหนึ่ง แม้ขนาดบ้านจะไม่ได้ใหญ่โตแต่บ้านก็ออกแบบได้น่าอยู่ อีกทั้งภายในบ้านก็จัดวางการใช้สอยของพื้นที่ได้อย่างลงตัว
"เป็นไงครับ"
"สวยมากค่ะ ว่าแต่เป็นบ้านใครเหรอคะ" มุกรินเอ่ยขณะกวาดสายตาคู่สวยชื่นชมบ้านหลังดังกล่าว
"บ้านคนรู้จักน่ะครับ แต่เจ้าของอยู่ต่างประเทศเลยไม่มีใครอยู่ เลยฝากให้ผมช่วยดูแล เข้าไปดูข้างในกันไหมครับ"
"เข้าไปได้เหรอคะ" ดวงตาคู่สวยฉายความสงสัยออกมา ทีแรกเธอตั้งใจจะถามตั้งแต่อยู่ในรถ แล้วเพราะการที่จู่ ๆ อาทิตย์ก็พาคนแปลกหน้าอย่างเธอมาดูบ้านคนอื่นถึงแม้ว่าเธอจะเป็นมัณฑนากรก็เถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ทุกคนอยู่ดี
"ได้สิครับ" เจ้าของร่างสูงโชว์กุญแจบ้านในมือก่อนเดินนำมุกรินชมด้านในต่อ ดวงตาเรียวรีชื่นชมการออกแบบตั้งแต่ประตูทางเข้าจนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่กลางบ้าน ในใจก็กำลังชื่นชมวิศวกรผู้ออกแบบบ้าน สถาปนิกรวมถึงมัณฑนาการที่รับผิดชอบการตกแต่งภายในทั้งหมดจะต้องเป็นคนมีฝีมือมากแน่ ๆ ถึงสามารถเนรมิตรบ้านสไตล์โมเดิร์นที่มีอยู่ทั่วไป ทั้งยังมีขนาดแค่ไม่กี่ตารางวาออกมาได้สวยงาม ลงตัวและน่าอยู่ขนาดนี้
ด้วยความเคยชินมัณฑนากรสาวรีบหยิบปากกากับสมุดขึ้นมาจดรายละเอียดและไอเดียใหม่ที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาในหัว ดวงตาเรียวรีเปล่งประกายราวกับเวลาที่เด็กน้อยดีใจลูกกวาดสีสวย ทั้งหมดนี้ทำให้อาทิตย์เผลอมองมุกรินอยู่นานก่อนจะเอ่ยด้วยความชื่นชมระคนแปลกใจนิด ๆ
"นี่คุณมุกคิดออกแล้วเหรอครับ" เนื่องจากลูกค้าตั้งโจทย์ในการออกแบบยากพอสมควรจึงยังไม่ได้ผลสรุปว่าจะตกแต่งสไตล์ไหน แต่ดูเหมือนว่าหลังจากเดินชมบ้านแค่ไม่กี่นาที มุกรินก็คิดไอเดียดี ๆ ที่จะเอาไปนำเสนอลูกค้าได้แล้ว
"ค่ะ ยังไงมุกจะส่งรายละเอียดให้คุณทิตภายในวันพรุ่งนี้นะคะ" หลังจากจดจ่ออยู่กับสมุดเล่มเล็กพักหนึ่ง เจ้าของดวงหน้าหวานก็เงยขึ้น ซึ่งสายตาที่เต็มไปด้วยความทุ่มเทตั้งใจของเธอทำให้มีภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของอาทิตย์ราวกับมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน ทว่าเขาก็รีบสลัดภาพนั้นออกก่อนจะเอาเรื่องงานมาอ้างอีกครั้ง
"งั้นเรามาแลกเบอร์กันไหมครับจะได้คุยกันสะดวกๆ" ไม่ใช่แค่ออกความเห็นสถาปนิกหนุ่มยังส่งมือถือให้เธอกดเบอร์โทรให้อย่างมัดมือชก ทั้งที่เขามีเบอร์ติดต่อและอีเมลของบริษัทอยู่แล้ว
ถ้าไม่เรียกว่าเป็นการมัดมือชกก็ต้องเรียกว่าเป็นวิธีเข้าหาผู้หญิงที่ค่อนข้างได้ผลทีเดียว เพราะอาทิตย์รู้ว่าหากเขาเอาเรื่องงานมาอ้างเธอจะต้องไม่ปฏิเสธเขาอย่างแน่นอน
สุดท้ายมุกรินก็ยอมให้เบอร์ติดต่อตามที่อาทิตย์คาดการณ์ แต่เธอก็บอกกับตัวเองว่าทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องงาน เธอจะคุยกับเขาแค่เรื่องงานเท่านั้น
"บ้านสวยมากนะคะ เจ้าของบ้านมีแพลนจะมาอยู่เมื่อไหร่คะ" มุกรินรู้สึกชอบบ้านหลังนี้ตั้งแต่ก้าวลงจากรถ ยิ่งได้เห็นการตกแต่งภายใน เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียดายหากบ้านสวย ๆ จะไม่มีคนอยู่อาศัย
"ยังไม่รู้เลยครับ เขาทำธุรกิจและมีครอบครัวอยู่ไต้หวันน่ะครับ เลยไม่รู้ว่าจะได้มาอยู่หรือเปล่า"
"น่าเสียจังเลยนะคะ" ดวงตาคู่สวยฉายความหมายเดียวกับคำพูด ตอนเด็ก ๆ มุกรินกับแม่ของเธอมักจะเดินผ่านบ้านหลังหนึ่งเป็นประจำทุกวัน ทุกครั้งที่เดินผ่านแม่ของเธอก็จะหยุดมอง แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมามุกรินก็รู้ว่าแม่ของเธอชอบบ้านหลังนั้นมาก วันหนึ่งเธอเลยพูดกับแม่ว่า ถ้าเธอโตขึ้นหาเงินได้จะซื้อบ้านสวยๆ ให้แม่อยู่ พอได้มาเห็นบ้านที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันจึงอดคิดถึงแม่ที่จากไปแล้วไม่ได้ ถ้าวันนี้แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้เธอจะไม่มีได้รับความเมตตาจากคุณประภพ แม้ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อหรือต่อให้เธอต้องอดมื้อกินมื้อยังไง เธอก็จะต้องทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงให้ได้
ระหว่างนั้นมุกรินไม่รู้ตัวเลยว่าเธอได้ถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมอง แววตาคู่สวยเป็นประกายฉายความหมองเศร้าราวกับคนละคน รอยยิ้มบนใบหน้างดงามพลันหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เธอผ่านเรื่องราวอะไรมาถึงได้ดูเหมือนคนแบกความทุกข์ของคนทั้งโลกเอาไว้แบบนี้ อาทิตย์เผลอมองร่างบางอยู่หลายนาทีกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ ทว่าน้ำเสียงทุ้มน่าฟังกลับเป็นเหมือนสายลมโชยผ่านเท่านั้น เมื่อมุกรินตกอยู่ในความทรงจำและความคิดถึงผู้เป็นแม่ จนเขาต้องเรียกซ้ำอีกหน
"คุณมุก"
"คะ?" หญิงสาวหลุดจากภวังค์ก่อนจะขานรับระคนตกใจเล็กน้อย
"เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ" อาทิตย์เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"เปล่าค่ะไม่มีอะไร เรากลับกันเลยก็ได้นะคะมุกมีไอเดียไปเสนอคุณจิตราแล้วค่ะ"
“เอางั้นก็ได้ครับ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะเลี่ยงตอบคำถาม อาทิตย์จึงไม่ได้พูดอะไร จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตรงมาที่รถและอาทิตย์ก็ได้อาสาไปส่งมุกรินที่บริษัทเพราะเห็นว่าเป็นทางผ่าน ตอนแรกเธอตั้งใจจะปฏิเสธแต่เพราะยังต้องร่วมงานกันเลยจำใจต้องรับน้ำใจครั้งนี้เอาไว้
เวลาต่อมารถคันหรูก็ได้แล่นเข้ามาจอดยังหน้าบริษัทที่มุกรินทำงานอยู่ ซึ่งตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าของบริษัทอย่างปริญญ์กำลังจะออกไปทำธุระข้างนอก จึงทันได้เห็นพนักงานของเขานั่งอยู่ในรถคันหรู บอสหนุ่มซึ่งพ่วงตำแหน่งรุ่นพี่หยุดมองโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่ขับรถมาส่งพนักงานของตน หนำซ้ำยังลงมาเปิดประตูรถอำนวยความสะดวกราวกับสนิทสนมกันไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นสถาปนิกฝีมือดีของบริษัทตะวันฉายดีไซน์ ที่ถึงจะไม่ใช่บริษัทคู่แข่งโดยตรงแต่ทั้งสองบริษัทก็เจาะกลุ่มลูกค้าเดียวกัน
“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอาทิตย์ที่บริษัทของผม” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุอานามหรือประสบการณ์ทำงานที่มากกว่าถึงสองปี ปริญญ์ก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่ของอาทิตย์ แต่ในฐานะที่วันนี้เขาเป็นเจ้าของถิ่นอีกทั้งยังเป็นเจ้านายของมุกรินเจ้าตัวจึงเอ่ยทักทายตามมารยาท ทว่าประโยคหลังดูเหมือนบอสหนุ่มจะจงใจพูดกับอีกฝ่าย ความที่เป็นผู้ชายด้วยกันบวกกับเรื่องส่วนตัวซึ่งปริญญ์ก็เคยได้ยินมาบ้างว่าอาทิตย์ไม่ใช่คนจะยอมให้ผู้หญิงนั่งรถด้วยง่าย ๆ
“พอดีผมกับคุณมุกออกไปดูหน้างานด้วยกันมาและผมจะผ่านทางนี้พอดีเลยอาสามาส่งครับ” แม้อาทิตย์จะพอเดาความหมายของอีกฝ่ายออกแต่ก็ตอบกลับอย่างคนมีน้ำใจคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าสายตาของเขาจะไม่ได้บ่งบอกแบบนั้นก็ตาม
“ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าห์มาส่งพนักงานของผม มาเดี๋ยวพี่ช่วยถือ” ไม่เพียงเอ่ยขอบคุณอย่างมีคนมารยาท ปริญญ์ยังแสดงถึงความสนิทสนมระหว่างเขากับมุกรินให้อาทิตย์เห็น ด้วยการเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับมุกรินจนเธอยังแปลกใจ เพราะปกติในเวลางานไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพนักงานคนอื่น ๆ ปริญญ์ก็ไม่เคยเรียกเธอด้วยความสนิทสนมอย่างนี้
และเพราะแบบนี้เองอาทิตย์จึงรู้ได้ทันทีว่าเจ้านายมุกรินคนนี้กำลังประกาศศึกกับเขาอยู่
ผีมองเห็นผีด้วยกันฉันใด เขากับปริญญ์ก็มองกันทะลุปรุโปร่งฉันนั้น
ทว่าอาทิตย์ก็ไม่ได้สนใจสักนิดว่าปริญญ์กับเธอจะอยู่ในฐานะไหนกันแน่ เพราะก่อนกลับเขายังทิ้งท้ายประโยคที่แฝงไปด้วยนัยอีกด้วย “ผมกลับก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้”
ทันทีที่รถของอาทิตย์แล่นออกไปปริญญ์ก็เอ่ยชวนมุกรินออกไปเจอลูกค้า ซึ่งตอนแรกเขาตั้งใจจะไปคุยกับลูกค้าด้วยตัวเองแต่ก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน และพอเป็นเรื่องงานมุกรินก็รีบเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย และภาพความสนิทสนมที่คนนอกอาจมองว่าเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่วไปอยู่ในสายตาของอาทิตย์ทั้งหมด