“ไม่ทราบว่ามีอะไรกันเหรอครับ”
“ก็คุณมัณฑนากรอีโก้สูงคนนี้น่ะสิครับอยู่ๆก็มาหาเรื่องผม โทษนั่นโทษนี่คนอื่นทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง”
“พูดให้มันดีๆนะคะใครหาเรื่องคุณมิทราบ” คำบอกเล่าของตัวแทนผู้รับเหมาทำให้มุกรินหลุดออกมาจากภวังค์
“ก็เห็นๆอยู่ว่าคุณมาหาเรื่องผม” ตัวแทนผู้รับเหมาเริ่มเสียงดัง
“ใจเย็นก่อนครับ อยากให้คนอื่นรู้รึไงครับว่าพวกคุณทะเลาะกัน” ด้วยประสบการณ์การทำงาน การมีโอกาสพบปะผู้คนหลากหลายชายหนุ่มจึงเตือนทั้งสองคนอย่างมีสติ พอเห็นว่าต่างฝ่ายต่างยอมใจเย็นอาทิตย์ก็ซักถามถึงสาเหตุของการวิวาทในครั้งนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักมุกริน
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันครับ”
“คุณมัณฑนากรเขาหาว่าผมไปก้าวก่ายงานของเขาแถมยังหาว่าผมเลือกวัสดุไม่ดีให้ลูกค้าทั้งที่ผมก็แค่ทำตามความต้องการของลูกค้าเท่านั้น” ตัวแทนผู้รับเหมาอธิบายด้วยสีหน้ามั่นใจว่าอาทิตย์จะคิดเห็นตรงกัน เพราะอย่างน้อยเขาก็เคยร่วมงานกันมาก่อน
วัสดุที่สั่งซื้อไปกับที่คุณแนะนำลูกค้าเป็นตัวไหนครับ” ชายหนุ่มท่าทางสุขุมหันไปถามตัวแทนผู้รับเหมาซึ่งถือว่าพวกเขารู้จักกันในระดับหนึ่ง ต่างจากมัณฑนากรอย่างมุกรินที่เขากับเธอแทบจะเป็นคนแปลกหน้ากัน
"คุณมัณฑนากรเขาสั่งซื้อไม้แท้ไปครับแต่ลูกค้ากลัวงบบานปลายผมเลยแนะนำเป็นไม้ DPF ไปเพราะผมก็เห็นว่ามันใช้แทนกันได้แถมราคาถูกกว่าตั้งเยอะ ไม่รู้ว่าคุณมัณฑนากรนี่จะอะไรนักหนา” ประโยคหลังตัวแทนผู้รับเหมาจงใจจะต่อว่าให้มุกรินว่าเป็นพวกมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
“นั่นสิครับ ถ้าไม่รู้ว่าอะไรคือประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้าก็ไม่น่าจะมาทำงานด้านนี้”
“ใช่ไหมล่ะครับคุณอาทิตย์ ไอ้ผมก็อธิบายไปแล้วแต่คุณมัณฑนากรเขาไม่เข้าใจเองแถมยังมาว่าผมอีก” ตัวแทนผู้รับเหมาหันไปยิ้มเยาะมุกริน
“ผมหมายถึงคุณ”
“คุณอาทิตย์พูดแบบนี้หมายความว่าไงครับ” ตัวแทนผู้รับหมาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อสถาปนิกหนุ่มที่คุ้นเคยกันดีเข้าข้างอีกฝ่ายแทนที่จะเป็นตนเอง
“ผมเข้าใจเรื่องที่ลูกค้ากลัวงบบานปลายนะครับแต่ถ้าคุณอธิบายให้ลูกค้าฟังถึงคุณภาพและความคุ้มค่าของวัสดุ ผมเชื่อว่าลูกค้าจะมองข้ามเรื่องต้นทุนไป เพราะถ้าลูกค้าเลือกใช้วัสดุที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานก็เท่ากับว่าลูกค้าอาจจะต้องเสียเงินซ้ำซ้อน มันจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอครับ ถ้าเราจะมีจรรยาบรรณในการแนะนำสิ่งที่คุ้มค่ากว่าให้กับลูกค้า คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย” ได้ยินดังนี้ตัวแทนผู้รับเหมาก็ถึงกับพูดไม่ออก มองสถาปนิกหนุ่มตาค้าง จริงอยู่ว่าการทำตามความต้องการของลูกค้าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัสดุที่แนะนำไปไม่เหมาะกับการใช้งาน แม้ราคาจะถูกกว่าแต่เรื่องของคุณภาพก็ต่ำกว่าเช่นกัน
“มีอะไรกันเหรอคะ” เจ้าของร้านเดินเข้ามาถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับพอดีเราคุยเรื่องวัสดุกันอยู่” อาทิตย์หันไปมองตัวแทนผู้รับเหมาเป็นเชิงให้กลับไปก่อน ส่วนเรื่องหลังจากนี้เขาจะเป็นคนจัดการเอง ซึ่งตัวแทนผู้รับเหมาก็ยอมแต่โดยดี
“ที่ว่าเรื่องวัสดุมีอะไรเหรอคะ” เจ้าของร้านได้ยินที่พวกเขาคุยกันแต่ก็ฟังไม่ถนัด
“คืองี้นะครับคุณกานต์” อาทิตย์รู้จักกับเจ้าของร้านเป็นการส่วนตัวและในฐานะที่เขาเป็นคนออกแบบร้านให้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดหากจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ โดยหลังจากอธิบายเรื่องวัสดุให้เจ้าของร้านฟังพอสังเขปอาทิตย์ก็ให้มุกรินที่เป็นคนรับผิดชอบการตกแต่งภายในอธิบายต่อ หลังจากได้ฟังข้อดีข้อเสียเจ้าของร้านก็ยินดีเปลี่ยนกลับไปใช้วัสดุตัวเดิมตามที่มุกรินให้คำแนะนำ
“ขอบคุณมากนะคะถ้าไม่ได้คุณฉันคงต้องยืนเถียงกับผู้รับเหมาคนนั้นอีกนานแน่เลย” ขณะทั้งคู่เดินออกมายังหน้าร้านมุกรินก็เอ่ยขึ้น
“ยินดีครับ แต่ที่จริงผมเองก็เห็นด้วยกับคุณนะครับว่าเราไม่ควรแนะนำวัสดุที่ไม่เหมาะกับการใช้งานให้ลูกค้าเพราะนอกจากจะแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพแล้วยังทำให้ลูกค้าเสียเงินโดยใช่เหตุอีก”
“เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย”
ทั้งคู่พูดประโยคนี้พร้อมกันราวกับนัดแนะจนอาทิตย์กับมุกรินหลุดยิ้มออกมา มุกรินไม่คิดว่าอาทิตย์จะมีทัศนคติเหมือนกันกับเธอ ทางด้านอาทิตย์ เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นมัณฑนากรที่นอกจากจะมีความสามารถแล้วยังมีจรรยาบรรณในวิชาชีพที่น่านับถือ
“ว่าแต่ดูคุณอาทิตย์สนิทกับเจ้าของร้านจังเลยนะคะ” มุกรินเห็นว่าเจ้าของร้านดูเกรงใจและให้ความเชื่อถือชายหนุ่มจึงได้ถามอย่างเสียมารยาท
“ผมเคยออกแบบบ้านให้คุณกานต์น่ะครับแล้วก็ร้านกาแฟนี้ด้วย”
“คุณเองเหรอคะที่เป็นคนออกแบบร้านกาแฟ” พอรู้ว่าอีกฝ่ายคือสถาปนิกที่ตนเองเคยชื่นชมคนนั้น มุกรินก็แสดงอาการตื่นเต้นออกมา
“ครับ ส่วนคุณก็คงจะเป็นมัณฑนากรที่ตกแต่งร้านให้คุณกานต์ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มย้อนถาม
“ค่ะ” แวบหนึ่ง มุกรินรู้สึกว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ แต่มันอาจจะเป็นเพียงความคิดเข้าข้างตัวเองเพราะคนระดับเขาจะมาสนใจเธอทำไมกัน อีกอย่าง…เขาก็จำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ผมชอบฝีมือคุณมากเลยนะครับ คราวที่แล้วผมยังแอบถามจากคุณกานต์เลยว่าใครเป็นตกแต่งร้านให้” สายตาของชายหนุ่มที่บ่งบอกถึงความชื่นชมเธอทำให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมา ได้ยินมาว่าอาทิตย์เป็นสถาปนิกที่ไม่ใช่คนจะเอ่ยปากชมใครง่าย ๆ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะฝีมือฉันยังต้องหาประสบการณ์อีกเยอะ” มุกรินถ่อมตัวด้วยใบหน้าอ่อนหวานอันเป็นเสน่ห์ แม้ว่าเธอจะได้รับคำชมจากผู้ว่าจ้างหลายครั้งแต่เธอก็ยังไม่คิดจะหยุดพัฒนาตนเองและสำหรับ อาทิตย์ อัครราช คนนี้ มัณฑนากรฝีมือธรรมดาอย่างเธอไม่อาจจะรับคำชมนี้ไว้ได้ เพราะเขาเองนั่นแหละที่ทำให้เธอก้าวผ่านวันเวลาแย่ ๆ มาได้
“ไม่หรอกผมว่าดูมีสไตล์เป็นของตัวเองดีออก ยิ่งผมได้มารู้จักตัวจริงผมก็รู้แล้วว่าทำไมถึงต้องเป็นคุณ” สถาปนิกหนุ่มไม่คิดจะปิดบังสายตาชื่นชมที่มีต่ออีกฝ่าย จนมุกรินรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาอีกระลอก ทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนไหวกับคำพูดของผู้ชายง่าย ๆ
“เมื่อกี้ผมได้ยินคุณกานต์เรียกคุณว่า มุกริน ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” มัณฑนากรสาวพยักหน้ารับ มุกรินไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มายืนคุยกับอาทิตย์อีกครั้ง ทั้งที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงเขามาตลอด แต่ดูเหมือนว่าโลกใบนี้กลมเกินไป เธอไม่กล้าคิดหรอกว่าเหตุการณ์ในวันนั้นกับวันนี้จะเป็นพรหมลิขิต
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผม…อาทิตย์” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายื่นมือออกไปอย่างให้เกียรติ
“มุกรินค่ะ” หญิงสาวยื่นมืออกไปรับไมตรีจากอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
“ชื่อเพราะดีนะครับแปลกด้วย มุกริน” อาทิตย์ว่าพลางพูดชื่อเธอออกมาอีกครั้ง
“แม่ฉันเป็นคนตั้งให้น่ะค่ะ” ดวงตาของมุกรินฉายความเศร้าหมองออกมา ถ้าหากตอนนี้แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากแม่ของเธอไม่ตรอมใจจนด่วนจากไปเธอคงจะไม่ต้องกำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่อย่างนี้ ถึงคุณประภพจะให้ชีวิตใหม่เธอแต่การที่ชีวิตไร้ซึ่งผู้ให้กำเนิดก็เหมือนกับชีวิตไร้แสงสว่าง
“เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ” การที่จู่ ๆ แววตาคู่สวยของมุกรินดูเหมือนมีความทุกข์มากมายอาทิตย์จึงเสียมารยาทถามออกไป
“เปล่าค่ะ ฉันเผลอคิดอะไรนิดหน่อย ยังไงก็ขอบคุณคุณอาทิตย์อีกครั้งนะคะแต่ฉันคงต้องกลับแล้วพอดียังมีงานต้องกลับไปทำน่ะค่ะ”
“ครับ” เมื่อไม่มีเหตุผลให้รั้งชายหนุ่มจึงได้แต่มองตามเจ้าของร่างบางที่โบกแท็กซี่ออกไป กระทั่งแท็กซี่คันดังกล่าวขับพ้นสายตาเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น
เราจะได้เจอกันอีกแน่
-------------------------------------
หมายเหตุ: ไม้ MDF (Medium-Density Fiberboard) คือการเอาเศษขี้เลื่อยของไม้ยางพารามาบดอัดผ่านกระบวนการอัดไม้ มีความแน่น ละเอียด