Honey : ที่รัก ไม่สบายรึเปล่า ไม่รับสายผึ้งเลย
Wit : เปล่า
Honey : อยากให้น้ำผึ้งไปหามั๊ย?
Wit : ช่วงนี้ต้องออกค่ายอาสา
Honey : ……….
“ชิ!… คิดว่าจะง้อเหรอ น่าเบื่อแบบนี้” น้ำผึ้งเมินวิชญ์ที่ช่วงนี้ทั้งคู่คุยกันน้อยลงและวิชญ์ก็ทำตัวยุ่งตลอดเวลา เธอไม่ได้แคร์เขาแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เธอกำลังคบนาวาดีกรีรองเดือนคณะวิศวะยานยนต์ที่มีความหล่อเหลาแพรวพราวไม่แพ้กับแฟนหนุ่มอย่างวิชญ์ภศุ และเธอมั่นใจว่าเขาจะไม่รับรู้ทุกเรื่องราวที่เธอทำลับหลังเขามาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้
@ ร้านกาแฟหน้ามหาลัย
หลังจากกลับบ้านหยุดยาวของสัปดาห์สามสาวก็นัดกันมากินกาแฟที่ร้านดังหน้ามหาวิลายลัยปุยฝ้ายชอบกินชาเขียวหวานน้อยเธอกินกาแฟไม่ได้ วันนี้เป็นวันจันทร์แต่ช่วงเช้าไม่มีเรียนสาว ๆ จึงมานั่งชิลจิบชากาแฟและร้านนี้เป็นร้านประจำของพวกเธอใบหน้าหวานกับผมยาวตรงสรวยทาแค่ลิปกล็อตสีชมพูกับแป้งฝุ่นก็ทำให้เธอดูดีแล้ว เต้ยที่แอบมองความสวยของเพื่อนที่เหม่อจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปนี้ให้เธอลงรูปเพื่อนสาวและแทรกปุยฝ้ายเป็นรูปที่สวยสดใสสมวัย
“เฮ้ยย! แทรกรูปชั้นไม่ถามก่อนไง” ปุยฝ้ายบ่นเต้ยเพราะถูกแอบถ่ายแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรมาก
“มึงแคะขี้มูกยังสวยอีปุย” เต้ยมองค้อนนิด ๆ เพราะความสวยของเพื่อนมันเป็นธรรมชาติ
“กูเห็นมันน่ารักดีช่วยพี่เค้ารีวิวไง” สามสาวคุยกันสนุกสนานเปลี่ยนกันถ่ายรูปเล่น จนถึงเวลาเข้าเรียนจึงออกมาจากร้านและเตรียมตัวเข้าเรียนในวิชาที่น่าเบื่อ
@ตึกวิศวะ
“โหว….น้ำผึ้งนี่แซ่บว่ะ เที่ยวเก่งลงรูปแต่ละทีแมร่งง” เจเจ กำลังดู IG เห็นน้ำผึ้งลงรูปคล้าย ๆ แต่งตัวไปเที่ยวและเปรี้ยวจนเข็ดฟันเป็นสไตล์การแต่งตัวของเธอ
“วิชญ์มึงยังไม่ดีกับน้ำผึ้งหรือไงว่ะ” ปกติถ้าเธอแต่งตัวแนวนี้เขาจะโกรธและบ่นโทรจิกให้เธอลบรูปเพราะเขาเป็นคนหวงแฟนมาก
“ก็ไม่มีอะไร” วิชญ์ตอบปัด ๆ อันที่จริงเขาไม่ได้ติดตามและสนใจเธอมาสักพักแล้ว เขาแค่รอเวลาให้มันชัดเจนกว่านี้ ที่เขายังไม่เลิกกับเธอไม่ใช่ว่าเขายังรู้สึกรักเธออยู่…แต่เขาต้องการให้บทเรียนบางอย่างแก่เธอ
“หูยยย…บัดดี้กู น่าร๊ากกกว่ะไอ่สาดด....” ต้นไผ่ที่เป็นเพื่อนและติดตามปุยฝ้ายในโซเชี่ยลอยู่แล้วเพราะทั้งคู่คือบัดดี้กัน วิชญ์รีบคว้ามือถือเพื่อนมาดูก็เห็นรูปที่เต้ยแทรกเธอมาและสถานที่ ๆ เธอถ่ายเขาเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ต่าง ๆ
“เหอะ....นี่ก็ชอบอ่อย ผู้ชายทั้งนั้นมากดไลท์มาเม้นท์” เขาหงุดหงิดฮึดอัดเล็กน้อย
“เอ่อ จะว่าไปยัยเด็กบัญชีกับน้ำผึ้งนี่มันคนล่ะขั้วกันเลยนะ ไอ้วิชญ์มึงเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ” อินดี้แซวเพื่อนอย่างสนุกปากเพราะรู้ว่าวิชญ์เริ่ม
“เฮ้ย! กูชอบแนวแร๊งส์ๆ แบบน้ำผึ้งว่ะตื่นเต้น แม่เสือสาวยั่วสวาท” เจเจเริ่มจุดประเด็นเปรียบเทียบระหว่างสองสาวที่มีนิสัยรสนิยมต่างกัน
“กูชอบแนวบัดดี้กูเว้ย! กูเชียร์คนนี้สวยแบบไม่ต้องประดิษฐ์ ดอกไม้จริงก่ะดอกไม้ปลอมแม่ของลูกต้องแบบนี้ดิว่ะ” ต้นไผ่เปรียบเทียบผู้หญิงทั้งสองคนและเถียงคอเป็นเอ็นเขาเข้าข้างบัดดี้ตัวเองและรู้สึกถูกชะตากับเธอ
“หยุด! ไอ่ห่า มึงดูหน้าไอ้วิชญ์มันวิจารณ์เด็กมันต่อหน้า” อินดี้เบรกบทสนทนาเพราะทนฟังไม่ไหว
“พวกมึงแต่ล่ะตัว…” วิชญ์ส่ายหัวที่เพื่อน ๆ ทะเลาะกันเหมือนเด็ก
@ คอนโดเต้ย
วันนี้สามสาวเพื่อนสนิทนัดกันมากินข้าวที่ร้านป้านาและมาทำรายงานที่ห้องของเต้ย เป็นงานด่วนเพราะคือกลุ่มเดียวกันที่จะต้องพรีเซ้นท์ ในอีกสองวันข้างหน้า หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จจึงได้เดินไปกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นห้าเป็นชั้นที่เพื่อนสาวเช่าอยู่ เป็นคอนโดที่หรูที่สุดในย่านนี้ครอบครัวของเต้ยค่อนข้างจะมีฐานะ และเธอเป็นลูกคนเดียวจึงถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ
ติ่งงง! เสียงเปิดประตูลิฟต์ดังขึ้นทั้งสามสาสะดุ้งเมื่อเจอร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อชอปสีน้ำตาลกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบที่คุ้นตายืนอยู่ข้างใน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ร่างของหนุ่มวิศวะ
“วิชญ์!” ปุยฝ้ายเบิกตาโตเรียกชื่อเขาเบา ๆ ในคออันที่จริงเธอไม่ได้อยากมาทำงานที่ห้องเต้ยเลย แต่เป็นเต้ยที่ขี้เกียจออกไปหาเพื่อนและห้องของเธอสะดวกสบายกว้างขวางกว่า ทุกคนเลยยอมในเหตุผลของเต้ยลงความเห็นว่าต้องมาทำงานที่นี่
“ปุย….” เขาสบตากับสาวสวยใบหน้าหวานที่แอบชอบ จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มยิงฟันดีใจแบบไม่เก็บอาการ ห้องของวิชญ์อยู่ชั้นเก้าเป็นชั้นบนสุด และมีความส่วนตัวมากเขาจ้องมองหน้าเธอโดยที่ปุยฝ้ายไม่มองเขาและหันไปทางอื่น เมื่อทุกคนเดินเข้ามาข้างในลิฟต์ร่างสูงยืนแขนแนบชิดกับตัวเธอร่างบางเนื้อนุ่มนิ่มบวกกับกลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวเธอกลิ่นเดิมสัมผัสเดิมที่เขาลืมไม่ลง วิชญ์ภศุแอบเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวที่นิ้วน้อย ๆ ของคนตัวเล็กอย่างแนบเนียน ปุยฝ้ายเอามือหนีแต่ไม่ทันความเร็วเป็นเรื่องของปีศาจหน้าหล่อเจ้าเล่ห์อย่างวิชญ์ภศุ สองนิ้วเกี่ยวก้อยกันโดยที่เพื่อนสาวก็ไม่สังเกตเห็น
ตึก! ตึก! ตึก! สองหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะทั้งสองคนนั้นเต้นแรง โดยเฉพาะปุยฝ้ายที่กลัวว่าเพื่อนจะเห็นและมองเธอไม่ดี พอถึงชั้นห้ามือบางรีบสลัดมือคนเจ้าเล่ห์ออกแล้วไม่มองกลับมา วิชญ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพอใจกับการกระทำของตัวเองเขาชอบทำให้เธอโกรธและชอบการวางตัวที่ห่างเหินเย็นชาไร้หัวใจที่เธอทำใส่เขาแบบนี้ ยิ่งเธอหนีเขายิ่งอยากตามเพราะความที่เขาไม่เคยต้องวิ่งตามใครจึงเป็นการอยากเอาชนะใจเธอ มันกระตุ้นให้เขายิ่งจมปลักในความเมินเฉยที่ถูกอีกคนทำใส่
ภายในห้องเต้ยสะอาดกว้างขวางมีเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ครบครัน สามสาวรีบเปิดโน๊ตบุ๊คเร่งทำงานกันอย่างขมักขเม้นจนเวลาผ่านไปเกือบจะสามทุ่ม ปุยฝ้ายก็โทรหาขุนพลที่ระเบียงและกลับมาทำงานต่อ ทางด้านวิชญ์ที่มองรถมอเตอร์ไซด์ของกิ๊กที่ยังจอดอยู่ก็รอ….เขาเดินวนไปวนมาคิดทบทวนวิธีที่จะเข้าหาสาวบัญชีคนสวย จึงเดินไปเปิดตู้เย็นหาขนมน้ำส้มและผลไม้เดินตรงไปที่ลิฟต์ เพื่อไปที่ชั้นห้าห้องของเต้ยเขาแอบโทรถามป้านาว่าเต้ยเช่าห้องไหนเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องพลาด
ก๊อก! ก๊อก ! ก๊อก ! เสียงเคาะประตูดังสนั่นทุกคนที่ได้ยินจึงหันไปมองที่ประตู
“ใครว่ะมาตอนนี้...” เต้ยกำลังเข้าห้องน้ำและกิ๊กกับปุยฝ้ายกำลังนั่งที่โต๊ะทำงาน
“ปุยไอ้เต้ยมันสั่งของกินรึเปล่าเห็นมันบ่นหิว ในตู้เย็นก็มีแค่น้ำเปล่า” กิ๊กสั่งให้เพื่อนไปเปิดประตูปุยฝ้ายไม่ได้ส่องว่าใครมาเคาะเธอก็คิดแบบเดียวกับเพื่อนสาว
แคร่กก!
ปุยฝ้ายจึงเปิดประตูและเดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทันใดนั้นเมื่อมองไปยังคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเธอตาค้างเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าถือถุงพลุงพลัง วิชญ์ที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จกลิ่นสบู่หอมฟุ้งผมที่ไม่ได้เซตเป็นทรงเป็นอีกลุคที่น้อยคนมากจะได้เห็น ใบหน้าหล่อเหลาคมคายหุ่นที่สูงโปร่งรูปร่างดีกล้ามแขนล่ำที่เห็นชัดเจนจากการหิ้วของหนัก เขาเอื้อมมือมาปิดประตูห้องและวางถุงหนักไว้ข้าง ๆ จากนั้นวิชญ์ดึงมือนิ่มลากแขนเธอเดินมาไกลที่มุมของบันได
“ลากปุยมาทำไม?” ปุยฝ้ายมองเขาในสายตาที่เย็นเฉียบ เธอไม่พอใจการกระทำของเขาตั้งแต่ในลิฟต์
“วิชญ์เอาขนมแล้วก็ผลไม้มาให้เห็นทำงานจนดึก…มานอนค้างห้องวิชญ์ก็ได้นะ” เขาพูดยียวนกวนประสาทเธอปุยฝ้ายยิ่งทำหน้าดุและโมโหใส่กับท่าทีเล่นทีจริงของเขา
“ตกลงจะกวนไม่เลิกใช่ไหม” ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างเหลืออด
“คนเค้าเอาขนมมาให้ เป็นห่วงกลัวจะหิวตาย…ยังโดนดุ” ปากหยักได้รูปทำปากคว่ำสายตาเว้าวอนเขายังกวนเธอไม่เลิก
“ขอบคุณค่ะ วันหลังไม่ต้อง” ปุยฝ้ายเริ่มอ่อนลงเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำหน้าตาเศร้าหมองคอตกทันที ที่เธอนั้นสั่งห้ามเขาอย่างไร้เยื่อใย
“ปุย…วิชญ์อยากดูแลปุยบ้างนะ” เขาจับที่มือบางของเธออย่างเบามือและยิ้มให้อย่างละมุน
“เฮ่ออ...นายประสาทหรือสมองเสื่อมคนที่ควรจะดูแลคือผู้หญิงของนายนู้นไม่ใช่ฉัน อย่ามาทำนิสัยเจ้าชู้แบบนี้อีกไม่ชอบ” ปุยฝ้ายถอนหายใจแล้วรีบดึงมือกลับเธอกลัวว่าจะหลงไปกับคำพูดหวานหูและการกระทำของเขา
“วิชญ์ไม่ดีตรงไหน? ก็มันห้ามใจตัวเองไม่ได้ไม่ใช่ไม่รู้....” เขาถามเธอแบบคนน้อยเนื่อต่ำใจเพราะไม่ว่าสาว ๆ คนไหนก็อยากจะได้เขามาเป็นแฟนทั้งนั้น และทุกคนที่เข้ามาก็โดนเขาปฏิเสธหมดมีแค่เธอที่ทำตรงข้ามกับคนอื่น
“ปุยไม่ขอตอบนะ” ปุยฝ้ายก็หาคำตอบให้เขาไม่ได้เช่นกัน
“ปุยติดที่มีเค้าอยู่แล้วใช่ไหม…” คนที่วิชญ์ถามคือคู่หมั้นของเธอขุนพล
“ใช่” ปุยฝ้ายตอบแบบไม่ลังเลวิชญ์ตอนนี้เขาโกรธเธอมากกจนดวงตาแดงก่ำ เขารู้ว่าตัวเองมาทีหลังและไม่ได้โสดทั้งปุยฝ้ายก็มีคู่หมายแล้วแต่เขาไม่อาจหักห้ามความรู้สึกของตัวเองได้เลย
“เธอช่วยหลายใจจะได้ไหม ฉันจะไม่ลังเลเลยสักครั้งขอแค่เธอเลือกฉันปุยฝ้าย”
“ฉันมีคู่หมั้นแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องเลือกนายด้วย”
“แต่ฉันชอบเธอ...ชอบมากจริง ๆ ” แม้ไม่ได้ครอบครองขอแค่เขาได้ดูแลบ้างก็ยังดี ในใจไม่ได้คาดหวังจะคิดทำร้ายเธอแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาทำตัวเขาเองก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกันรู้สึกแค่อยากปกป้องและได้เห็นเธอในทุกวัน
“อย่าชวนให้ฉันต้องทำผิดนายแค่ต้องการเอาชนะเท่านั้น ฉันไม่ใช่เกมที่นายจะมาเล่นอะไรแบบนี้ไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะเกลียดนายไปมากกว่านี้”
ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับด้านชาหูอื้อไปชั่วขณะไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาแบบนี้ และคนอย่างวิชญ์ภศุอยากได้อะไรเขาต้องได้ มือหนารีบดึงใบหน้าหวานเธอเข้ามาจูบปุยฝ้ายดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง เธอไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้แทรกลิ้นเข้ามาแต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งจูบเธอแรง
หมับบ! จ๊วบ ๆ ๆ
วิชญ์ยิ่งรุกเธอหนักจนร่างบางต้องการอากาศหายใจเผยอปาก เมื่อสบโอกาสคนที่ช่ำชองกว่าจึงใช้ลิ้นร้อน ๆ ของเขาล้วงเข้าไปในโพรงปากสวย เขาดูดกินน้ำลายหวานจากปากเธออย่างไม่นึกรังเกียจนานหลายนาที นี้เป็นจังหวะนรกสำหรับปุยฝ้ายเอามาก ๆ ยิ่งเธอดิ้นเขายิ่งทำรุนแรง ปากหยักของหนุ่มวิศวะคนดังบดจูบเรียวปากสวยจนตัวเธออ่อนระทวย หลอมละลายกลายเป็นขี้ผึ้งที่ถูกดเปลวไฟร้อนแรงอย่างเขาหลอมละลายไปในชั่วขณะ เป็นการจูบที่กระชากวิญญาณเลยก็ว่าได้ จากที่ขัดขืนกลายเป็นเธอที่ยอมให้เขาดูดเรียวปากบาง ๆ จนเจ่อเลือดทุกหยดในตัวสูบฉีดเธอรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด
“อืออ…” ปุยฝ้ายเผลอครางเสียงหวานออกมาเบา ๆ ออกมา หลังจากคนที่ฉวยโอกาสจูบเธอจนสาแก่ใจแล้ว เขาก็กอดเธอและจูบซับไปที่หน้าผากเธอเบา ๆ อีกครั้งเป็นการตอกย้ำว่าเขาชอบเธอ ตอนนี้ในสมองของปุยฝ้ายขาวโพลนมันว่างเปล่าเมื่อทุกอย่างจบลง จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรใช้ภาษากายในการสื่อสารเสร็จ วิชญ์ก็ดึงมือเธอมาส่งที่ห้องและเอาถุงขนมใส่มือเธอเอาไว้แล้วเดินจากไปกลัวว่าเพื่อน ๆ ของปุยฝ้ายจะเข้ามาเห็น เขาเดินหันหลังพร้อมกับยิ้มและหัวใจฟองโตอีกครั้งนี้มันเป็นจูบที่เธอมีสติและไม่ได้เมาเหมือนวันก่อน เพราะต้องการจะเช็คว่าตัวเขาเองไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวทั้งนั้น เธอเองก็สนใจเขาเหมือนกันเมื่อรู้คำตอบเขาแทบคลั่งดีใจแทบจะกระโดดโลดเต้น
“ยัยหน้าจืดให้ตายเถอะ ปากหวานชะมัด! เธอทำให้ฉันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย อยากจะแย่งเธอมาครองแต่ก็ทำไม่ได้” วิชญ์ภศุรีบกลับมาที่ห้องอย่างมีความสุขเขาทั้งสับสนปนกับความรู้สึกดีใจว้าวุ่นว่าต่อไป เขาควรจะทำอย่างไรกับหัวใจตัวเองดีภายในใจเฝ้าแต่นึกเสียดาย ที่เขามาช้าไปและไม่มีโอกาสที่จะได้ครอบครองเธอแบบขุนพล