ตอนที่ 15 งูเห่าที่แว้งกัด

1516 Words
เหลียนเฟินมองเห็นไอปราณมารห่อหุ้มรอบตัวของหวังเยี่ยนหลงจึงถามดูให้แน่ใจว่าคนตรงหน้ายังมีสติดีหรือไม่ "เจ้าเป็นอันใดหรือไม่” เขาเดินถอยหลังตั้งหลัก หวังเยี่ยนหลงไม่ตอบสิ่งใด ยังคงก้าวเข้ามาหาเหลียนเฟินพร้อมรอยยิ้มน่ากลัว พลันพุ่งเข้าหาโดยไม่ทันตั้งตัว เขาจึงเอี้ยวตัวหลบไปอีกทางพลางร่ายอาคมเพื่อสลายปราณมารในตัวหวังเยี่ยนหลงเพราะคิดว่าคนตรงหน้าคงจะถูกปราณมารควบคุมเหมือนกับหญิงสาวในจวนขุนนาง “ตั้งสติเสียที” เหลียนเฟินพยายามเรียกเขา หากแต่หวังเยี่ยนหลงยังคงตกอยู่ในภวังค์ ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ ผิวหน้าขาวซีดเหมือนคนตาย ครั้นเห็นว่าไม่อาจปลุกเขาให้ตื่นจากการถูกควบคุมได้ เหลียนเฟินจึงเสี่ยงร่ายอาคมประชิดตัวเขา มือสองข้างสัมผัสบนแผ่นหลังของหวังเยี่ยนหลงเพื่อถอนปราณมาร เหลียนเฟินคิดแต่เพียงว่าหากสลายปราณมารได้ คนตรงหน้าก็จะปลอดภัยโดยไม่รู้เลยว่าเขาเป็นตัวการของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด เวลานี้ปราณมารควบคุมหวังเยี่ยนหลง ความรู้สึกอยากกัดกินร่างกายและวิญญาณมีเต็มเปี่ยม ทุกครั้งที่เหลียนเฟินพยายามสลายปราณมารให้ หวังเยี่ยนหลงจะเอามือปัดป้องและคอยหลบอยู่ร่ำไป เหลียนเฟินจึงหาจังหวะเข้าใกล้ตัวเขาได้อย่างยากลำบาก กระนั้นความตั้งใจที่จะช่วยกลับไม่ลดถอย ครั้นสัมผัสตัวเขาได้ครั้งหนึ่งก็ถ่ายปราณทิพย์เข้าไปเพื่อสลายปราณมารได้หนึ่งส่วน สัมผัสอบอุ่นจากเขาทำให้หวังเยี่ยนหลงรับรู้ได้ สติที่เลือนลางจึงค่อย ๆ กลับมา แต่กว่าจะทำได้ถึงเพียงนี้ก็ทำให้เหลียนเฟินสูญเสียพลังปราณของตัวเองไปไม่น้อย อาการเหนื่อยล้าเริ่มก่อตัวขึ้น ตรงกันข้าม หวังเยี่ยนหลงกลับเริ่มควบคุมปราณมารรุนแรงนั่นได้ พละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นจากที่เคยเป็น ปราณมารในร่างของหวังเยี่ยนหลงนั้นมีอยู่สองส่วน ส่วนที่เขาสร้างมันขึ้นมาเองจากการฝึกวิชาตำราของพรรคทลายฟ้า อีกส่วนมาจากปราณมารในศิลาหินที่พบเมื่อสิบแปดปีก่อน แม้จะควบคุมปราณมารจากศิลาหินได้แล้ว หากแต่ว่ามันคล้ายมีความกระหายและสามารถเพิ่มพูนขึ้นได้ตลอดเวลา ยามที่มันอัดแน่นอยู่ในร่างกายของเขา มันก็พร้อมที่จะกัดกินเขาและช่วงชิงทุกอย่างให้ตกเป็นของมันตามความปรารถนาเดิม ทว่า หวังเยี่ยนหลงรู้ว่ามันละโมบโลภมาก ครั้นปราณมารส่วนนั้นปะทุเพื่อทำร้ายตัวเขา หวังเยี่ยนหลงจะหาเหยื่อมาล่อให้มันออกไป แทนที่มันจะยึดร่างเหยื่อมาเป็นของตน มันกลับกระหายจนกลืนกินเจ้าของร่างทุกครั้งไปไม่นึกเสียดาย เพราะมันรู้ว่าตัวมันไม่มีทางดับสลาย ร่างของหวังเยี่ยนหลงจึงเหมือนภาชนะชิ้นดีที่หล่อเลี้ยงมันเอาไว้ ทุกครั้งที่กัดกินเหยื่อก็เหมือนได้อาหารโอชะมาเพิ่มพลังของตนให้แกร่งยิ่งขึ้นไปอีก หวังเยี่ยนหลงเองก็รู้สึกได้ว่าปราณมารนั้นรุนแรงมากกว่าเดิมและก็รู้ว่าหากควบคุมมันได้ เขาจะกลายเป็นหนึ่งในใต้หล้า ไม่มีใครโค่นล้ม ก่อนหน้านี้ หวังเยี่ยนหลงพยายามหาทางทำสิ่งนั้นมาโดยตลอด หากแต่ไม่มีวิธีใดเลยที่พอจะทำได้ จนกระทั่งวันนี้ เหลียนเฟินทำให้เขารู้สึกได้ว่าปราณมารรุนแรงนั่นกำลังไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ ครั้นสติกลับมาบางส่วน จึงพอมองเห็นคนตรงหน้าลาง ๆ สัมผัสที่ส่งผ่านมาให้เขามันดึงดูดตัวเขาให้อยากชิดใกล้ ยามที่ปราณมารร้อนระอุบาดไหม้จนตัวแทบจะแตกเป็นเสี่ยง เวลานี้มีความอบอุ่นแทรกเข้ามา ร่างกายและจิตใจของเขาราวกับโหยหาที่พักพิง เขาคว้ามือทั้งสองข้างของเหลียนเฟินที่กำลังส่งปราณทิพย์เข้ามาช่วยด้วยความสะลึมสะลือ “เป็นอย่างไรบ้าง” เหลียนเฟินถามด้วยความเป็นห่วง รู้สึกว่าปราณมารในตัวคนผู้นี้รุนแรงยิ่งกว่าที่เคยพบ หากช่วยเขาได้สักนิดคงจะดีไม่น้อย ในใจนึกอยากให้คนตรงหน้าได้สติเพราะตัวเขาแทบจะหมดแรงแล้ว “...” หวังเยี่ยนหลงไม่ตอบ ร่างกายกำลังสัมผัสกับความอบอุ่นนั้น หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เขาปล่อยให้เหลียนเฟินทำเช่นนั้นไปเรื่อย ๆ จนสติกลับมาได้เกือบทุกส่วน จิตสังหารที่มีในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นกระหายความอ่อนโยนนั้น เขาสบตาของเหลียนเฟินที่มีแววกังวลใจ “เจ้าตื่นแล้วใช่หรือไม่” น้ำเสียงความเป็นห่วงเป็นใยคนแปลกหน้าทำให้หวังเยี่ยนหลงยักยิ้ม “ไร้เดียงสายิ่งนัก” เขาพูดคำหนึ่งออกมา สายตามองเหลียนเฟินไม่วาง “ดีขึ้นแล้วหรือไม่” “อื้ม” รอยยิ้มของหวังเยี่ยนหลงมีเลศนัย “ดีขึ้นแล้วแต่ยังคงไม่พอ” เขาต้องการสิ่งนั้นจากเหลียนเฟินอีก “เช่นนั้น เจ้าก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะสลายปราณมารช่วยเจ้า” หากแต่ว่า หวังเยี่ยนหลงไม่ฟังคำพูดนั้น เขาดันร่างบางของเหลียนเฟินนอนราบบนพื้นห้อง เหลียนเฟินรู้สึกได้ว่าไม่อาจสู้แรงของคนแปลกหน้าได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพอสูสีกันได้บ้าง เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ หวังเยี่ยนหลงนั่งคร่อมร่างของเหลียนเฟิน ใบหน้าโน้มลงมาหาร่างบาง ปลายจมูกของเขาไล้ลำคอของเหลียนเฟินอย่างกระหาย “หยุดนะ เจ้าจะทำอันใด” เหลียนเฟินสะดุ้งไม่นึกว่าคนตรงหน้าจะทำเช่นนี้ “ตั้งสติหน่อยเถิด” เขาคิดในใจว่าการกระทำเช่นนี้เกิดจากถูกปราณมารควบคุม “เฮอะ” หวังเยี่ยนหลงหัวเราะในลำคอ เมื่อครู่เขาอาจถูกปราณมารควบคุมจนอยากจะฆ่าเหลียนเฟิน แต่เวลานี้เขาเริ่มควบคุมปราณมารที่รุนแรงได้บางส่วนก็เพราะสัมผัสจากฝ่ามือของเหลียนเฟิน หากเป็นสัมผัสที่มากกว่านี้เล่าจะเกิดอันใดขึ้น “ปล่อยข้า!” เหลียนเฟินดิ้นรนให้หลุดพ้น ปากร่ายอาคมจะเรียกกระบี่เงินของตนเองออกมา พลันริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าหากัน ชิวหาที่พยายามแทรกเข้าไปในโพรงปากนั้นถูกเขากัดเข้าอย่างแรง อีกฝ่ายจึงกัดริมฝีปากของเหลียนเฟินเป็นการลงโทษ “โอ๊ย!” “เจ้ากัดข้าก่อน” หวังเยี่ยนหลงยิ้มแป้น ไม่สำนึกว่าเพราะเหตุใดเหลียนเฟินจึงทำเช่นนั้น “ใครใช้ให้เจ้าใส่มันเข้ามา” “ช่วยไม่ได้ อาหารอยู่ตรงหน้า ข้าก็ต้องอยากลิ้มลองเป็นธรรมดา” หวังเยี่ยนหลงก้มหน้าเข้ามาใกล้เหลียนเฟินอีกรอบ “อาหารหรือ เจ้าหิวก็ไปหาอะไรกินข้างนอกเสีย อย่ามายุ่งกับข้า” เขายังคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ของหวังเยี่ยนหลง ตั้งแต่เกิดมา มีใครที่ไหนเคยพูดและกระทำเช่นนี้กับเขากันเล่า คนใต้ร่างเห็นหวังเยี่ยนหลงกำลังจะทำอย่างเมื่อครู่ จึงโพล่งออกมา “ถ้าเจ้าใส่มันเข้ามา คราวนี้ข้าจะกัดให้ขาด” สีหน้าของหวังเยี่ยนหลงนึกสงสัย “เจ้าจะเอาแรงที่ไหนมาห้ามข้า” หลังจากพูดคุยกันมาเสียยืดยาว เหลียนเฟินจึงฉุกคิดได้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้ถูกปราณมารควบคุมแล้ว “เจ้ากำลังควบคุมปราณมารหรือ เพราะเหตุใด” “...” หวังเยี่ยนหลงไม่ตอบ “เจ้าหายดีก็ปล่อยข้าได้แล้ว” เหลียนเฟินพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีต่อต้านเขา ทว่า แรงนั้นยังน้อยนิดเกินไป เขาเสียพลังปราณไปมากโขเพราะช่วยสลายปราณมารในตัวคนตรงหน้า “หายดีหรือ ไม่เลย ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอีกมาก ช่วยข้าได้หรือไม่” ลมหายใจของเขารดต้นคอเหลียนเฟิน ทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสโดน เหลียนเฟินก็หันมางับเข้าที่ใบหูของหวังเยี่ยนหลงอย่างจัง “อย่ากัดข้า” น้ำเสียงของเขาดูหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้ใดปฏิเสธเขาได้ เขาพูดจบแล้วทำต่ออีกครั้ง “...” เหลียนเฟินพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แรงดูดเม้มที่ลำคอเริ่มรุนแรงขึ้นจนเขาไม่ทันได้สังเกตว่าทำไมเหลียนเฟินจึงไม่ต่อต้านเขา ส่วนเหลียนเฟินนั้นคิดอยากจะกัดเขาอีกรอบแต่ทำไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้คนผู้นี้กระทำดังใจ ทุกสัมผัสระหว่างคนทั้งสองกระตุ้นบางอย่างที่หลับใหลในวิญญาณให้ตื่นขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD