"หยินเฟิงมาเล่นกัน!"
ในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องอย่างสงบ ภายนอกก็มีเสียงเรียกชื่อตัวเองจากเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันดังออกมา จนผมต้องตวัดตามองเด็กหนุ่มที่โบกไม้โบกมือผ่านบานหน้าต่าง พร้อมตะโกนเรียกด้วยเสียงเจื้อยแจ้วอย่างไม่สบอารมณ์
ไอ่เด็กนี่มาอีกแล้วรึ!
หยินเฟิงที่เด็กนั่นเรียก คือชื่อของผมในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นชายวัยกลางคน(?)อายุราวๆ30++ เป็นฟรีแลนซ์ที่วาดรูปไปวันๆ ไม่รู้ว่าชีวิตผมมันน่าเบื่อหรืออะไร ตอนนี้ผมถึงได้มาเกิดเป็นหนึ่งในตัวละครจากเรื่องขุนช้างขุนแผน(ฉบับจีนโบราณ)
และตัวละครที่ผมมาประทับร่างนั้นก็คือ หยินเฟิง หรือ ขุนช้าง ที่ท่านรู้จักกัน
โชคดีหน่อยที่ตลอดระยะเวลาที่ผมมาอุแว๊ๆเป็นหยินเฟิง ผมคอยออกกำลังกายสม่ำเสมอและกินของมีประโยชน์ เพื่อกันไม่ให้ตัวเองลงพุงแบบขุนช้างต้นฉบับ อีกทั้งหัวที่ควรจะล้านมันก็ดันเป็นแค่หัวเถิกๆที่ตัดหน้าม้าปิดก็จบเรื่อง
ที่ตัวละครขุนช้างไม่ออกมาน่าเกลียดอย่างที่ฉบับไทยบรรยาย อาจจะเป็นเพราะคนแปลฉบับจีนเขาไม่อยากให้ขุนช้างน่าเกลียดมากนัก ไม่ก็เพราะผมยังวาดขุนช้างไม่เสร็จมันเลยทำให้ตัวละครนี้ไม่สมบูรณ์
และด้วยตัวละครนี้เป็นตัวละครที่ผมวาดไว้ตอนจำความได้ล่าสุดล่ะมั้ง ผมถึงได้กลายมาเป็นตัวละครนี้(เดา)
"หยินเฟิงงงมาเล่นกันน~วันนี้ฉินหนิงก็มาเล่นด้วยน้าาา~"
โว้ย ไอ่เด็กนี่อยากเล่นก็ไปเล่นกันเองสิวะ!
ผมมาอยู่ในร่างของขุนช้าง หรือหยินเฟิงได้ราวแปดปีแล้ว ตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ แม้ตอนแรกจะยังงงๆไม่เข้าใจอยู่บ้างแต่ผมก็มาเริ่มกระจ่างอีกทีตอนเริ่มโตและได้รู้จักกับเพื่อนบ้านอย่างขุนแผนหรือเด็กที่แวะเวียนมาเล่นด้วยบ่อยๆนี่แหละ มันเลยทำให้ผมเอะใจขึ้นมาได้บ้าง
แต่แม้ตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่(?) หลายครั้งผมจึงเลือกที่จะขลุกตัวอยู่ในห้องมากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
จริงๆคืออยากจะออกห่างจุดจบอบบโศกนาฏกรรมด้วยแหละ
เวลาผ่านไปนานพอสมควรแต่เจ้าเด็กหน้าห้องผมก็ยังไม่ลดละความพยายามในการหิ้วผมไปเล่นด้วย ผู้เป็นพ่อของผมจึงเดินมาหาด้วยตัวเอง
"หยินเฟิง เจ้าก็ออกไปเล่นกับเพื่อนเสีย เด็กสองคนนั้นมารอเจ้านานแล้ว" ชายร่างท้วมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเคาะประตูเบาๆ
"ข้ามิอยากเล่นขอรับ"
เสียงหน้าห้องคือเสียงผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของหยินเฟิง เขาดูจะไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก ที่ลูกชายตัวเองเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อน
จากสายตาภายนอกไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องคิดเห็นเช่นเดียวกันว่าเด็กเช่นหยินเฟิง ไม่ทำตัวสมเป็นเด็กเลย
"หัดมีมนุษย์สัมพันธ์กับคนรอบข้างบ้างเถิด คราหน้าคราหลังมีปัญหาจักได้มีคนช่วยเหลือ"
ถึงกระนั้นหยินเฟิงเองก็ไม่ใช่คนหัวรั้นอะไร พอได้ยินบิดาว่าเช่นนั้นก็ไม่อยากขัดผู้เป็นพ่อ
อย่างไรเสียไอ่เด็กที่มาตะโกนโหวกเหวกชวนไปเล่นด้วยนั่นก็พระเอก คนที่ขึ้นชื่อได้ว่าลูกรักพระเจ้า ยังไงซะตีสนิทไว้ก็ไม่เสียหาย
คิดได้ดังนั้นหยินเฟิงจึงหยัดตัวลุกไปเปิดประตู หน้าห้องของเขามี เด็กหนุ่มหน่วยก้านดีพร้อมด้วยเด็กสาวหน้าตาน่ารักอีกคนอยู่ด้วย
"ฉินหนิงกับข้ามารอตั้งนาน ใยเจ้าจึงชักช้านักเล่า! ไปเร็วไปเล่นกัน!"
ไม่ว่าเปล่าเจ้าเด็กนั่นก็ออกแรงลากแขนเขาให้เดินมาด้วยกันอย่างไม่เบามือ
"หยางรุ่ยช้าหน่อย!" ผมเอ็ดเจ้าเด็กบ้าพลังพร้อมกับพยามวิ่งให้ทันคนที่ลากผมไปตามทางด้วย
หยางรุ่ย หรือ ขุนแผน พระเอกที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้แบบไม่เป็นรองใครคนนึงในวรรณคดี แม้ตอนนี้จะยังคงเป็นเด็กที่ไม่มีพิษภัย
แต่อย่าให้แม่งโตนะบรรลัยแน่ นี่ขนาดเป็นเด็กยังแสบได้ขนาดนี้
"หยางรุ่ยนี่ล่ะก็ กลัวหยินเฟิงจะหนีกลับบ้านหรืออย่างไร หื้ม"
ฉินหนิง หรือ วันทอง คนงามประจำจังหวัดที่ในตอนสุดท้ายต้องตายเพราะงามจนมีแต่จะแย่งตัว แถมยังโดนประจานว่าเป็นหญิงสองใจอีก
แต่สำหรับผม ผมว่าเธอไม่ผิดนะ มองกลับกันผมว่าที่ผิดนั่นมันผู้ชาย2คนนั้นมากกว่าที่ฉุดเธอไปมา เธอน่ะน่าสงสารจะตายไป
ทว่าในตอนนี้ผมที่เป็นขุนช้างไม่ได้คิดจะครอบครองเธอ ไม่ได้จะฉุดเธอไปไหน เพราะงั้นเธอคงไม่ต้องมาตายเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นหญิง2ใจหรอก(มั้ง)
"ก็ใช่น่ะสิ! ในระแวกนี้มีแต่พวกเจ้าสองคนที่อายุไล่เลี่ยกับข้า แต่ฉินหนิงเป็นสตรีข้าจะเล่นอะไรกับเจ้าสองต่อสองนับว่าไม่ใช่เรื่องดี เพราะฉนั้นข้าจึงต้องลากหยินเฟิงมาเล่นด้วยให้ได้อย่างไรเล่า"
เจ้าเด็กหยางรุ่ยยืนท้าวเอวสาธยายยาวราวแปดเมตร ไอ่เด็กนี่มันไม่ยอมคนจริงๆ แต่ไหนแต่ไรตั้งแต่ที่รู้จักหยางรุ่ยหรือขุนแผนคนปัจจุบัน เขาก็ได้รับรู้เลยว่าเจ้านี่เป็นเด็กที่ดื้อและเอาแต่ใจพอสมควร
"แต่เจ้ามิควรกระชากแขนข้าเช่นนี้ เพียงบอกข้าดีๆข้าก็เดินตามมาแล้ว หากเจ้ารีบหน่อยจักให้ข้าวิ่งตามก็ย่อมได้ กระชากเช่นนี้ข้าเจ็บเป็น เดี๋ยววันหลังข้าขยาดเจ้า ข้าไม่มาเล่นด้วยเสียเลยนี่"
ผมเทศนาเด็กนี่อีกหนึ่งยก นะครับก็ตามสไตล์ตาแก่สอนหลาน หลายครั้งที่ผมพยามพูดปลูกฝังอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้หยางรุ่ยไม่กลายเป็นแบบขุนแผนในวรรณคดีไทย
ทั้งเรื่องเห็นใจคนอื่นไม่เห็นแก่ตัว ไม่เจ้าชู้ด้วยสำคัญเลย เจ้าตัวจะได้ไม่ไปทำใครชิบหายในอนาคต
ตะกี้ก็ด้วยผมรู้ว่ายังไงเจ้าเด็กนี่ก็ต้องง้อผมไปเป็นเพื่อนเล่น เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นผู้ชายแบบผมแล้ว เจ้าเด็กนี่ควรรู้ซะบ้างว่าแม้ผมจะเป็นผู้ชายผมก็เจ็บเป็น และการที่เขาจะชวนใครสักคนมาเล่นเป็นเพื่อน หรือมาทำอะไรกับตัวเองก็ไม่ควรบังคับ
มงพ่อต้องลงแล้ว
"ข้าขอโทษได้หรือไม่เล่า! ข้ามิได้พบเจ้าเสียหลายวัน เจ้ามักเอาแต่หมกตัวในห้อง มิรู้ในนั้นมีอะไรดีนักหนา"
เจ้าเด็กหยางรุ่ยยู่ปากเอ่ยอย่างตัดพ้อ แต่ก็ยังยอมขอโทษนับว่าเป็นสิ่งที่ผมคาดหวังไว้ อย่างน้องทำผิดรู้จักขอโทษก็โอเค
"อื่ม ไม่เป็นไร เจ้าก็คงจะเหงา เช่นนี้เป็นอย่างไร ชดเชยที่หลายวันมานี้ข้ามิได้มาเล่นกับเจ้าวันนี้ข้าจักยอมเล่นทุกอย่างที่เจ้าต้องการเลย"
"จริงหรือ!"
ผมพยักหน้าให้เจ้าเด็กแสบก่อนจะหันไปหาฉินหนิงที่มองอยู่แล้ว
"ฉินหนิงล่ะว่าอย่างไร"
"ข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ"
เอาล่ะทีนี้ตัวผู้นำก็คงจะกลายเป็นหยางรุ่ยแล้ว ดูซิเจ้าเด็กนี่จะเล่นอะไร
"ดี! วันนี้ข้าจะเล่นเกม เอ อี ไอ โอ ยู ! หยินเฟิงเจ้าเป็นคนนับนะนะ!"
ผมพยักหน้าให้อีกคนก่อนจะเดินตรงไปเอามือพิงต้นไม้
"จะเริ่มนับแล้วนะ ...."
ทุกคนคุ้นๆชื่อเกม เอ อี ไอ โอ ยู มั้ยครับ ถ้าใครคุ้นผมจะบอกเลยว่าใช่ครับ มันคือการละเล่นจากโลกยุคปัจจุบันที่ผมเอาไปเผยแพร่ให้เด็ก2คนนั้นเล่นยังไงล่ะ
แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักเกมนี้ มันคือเกมที่จะมีคนๆนึงหันหลังให้คนอื่นๆที่อยู่ในเกม คนที่เหลือก็จะเว้นระยะห่างจากตัวคนนับ และต้องพยามขยับเข้ามาจับตัวคนนับให้ได้ ระหว่างนั้นคนนับก็จะนับว่า' เอ อี ไอ โอ ยู' พอหันหน้ากลับไปหาคนอื่นๆ เจอใครขยับคนๆนั้นจะถือว่าแพ้ตกรอบโดนทำโทษ ไม่ก็มาเป็นคนนับแทน แล้วแต่เกม
"เปลี่ยนเกมๆ!" พอเล่นไปได้สักพักเจ้าเด็กหยางรุ่ยก็ดูจะเบื่อเกมเดิมแล้วจึงได้เรียกรวมพวกผมมาปรึกษาเปลี่ยนเกมที่จะเล่นกัน
"เจ้าจะเล่นอะไรต่อ"เป็นฉินหนิงที่ถามขึ้น ส่วนผมก็รอฟังคำตอบเจ้าเด็กหัวโจก
"อื่ม..ข้า อยากเล่น..ผัวเมีย"
ห้ะ? ผัวเมีย คุ้นๆ นี่ใช่ช่วงนึงของวรรณคดีมั้ย ที่ขุนแผนมันขอเล่นผัวเมียแล้วอนาคตมันก็ดันเป็นไปตามแบบที่พวกตัวเอกตอนเด็กมันเล่นกัน ผมจำได้ว่าช่วงอายุราวๆ4-5ขวบผมเขียนไทม์ไลน์คร่าวๆไว้ เอาจริงผมก็จำได้ไม่มากหรอก ผมไม่ได้เรียนภาษาไทยมาก็นาน มันเลยลืมๆไปบ้าง
ตอนที่คนจ้างเอารูปให้ผมวาดผมก็รู้แค่ว่านี่คือตัวละครขุนช้างขุนแผนฉบับจีบโบราณ ยังดีตอนวาดเขาให้เขียนชื่อตัวละครกำกับไว้ใกล้ๆเลยพอรู้ว่าใครเป็นใคร
ผมถึงได้รู้ถึงแม้จะอยู่ในชื่อแบบจีนโบราณ
"ข้าไม่อยากเล่นผัวเมีย" ผมพูดตัดไฟแต่ต้นลม อย่างน้อยถ้าไม่เล่นผัวเมียแบบต้นฉบับมันอาจจะไม่จบแบบชิบหายก็ได้
"ไหนว่าวันนี้เจ้าจะตามใจข้าไง"
"แต่ข้ามิอยากเล่นผัวเมีย"
"ทำไม? เจ้ากลัวจะได้เป็นเมียข้าหรือไง?"
ไอ่เด็กหยางรุ่ยยังคงปากแจ๋ว ผมมองค้อนมันก่อนจะถอนหายใจออกมา โถ่ไอ่เด็กเปรตนี่ ผมยอมให้มันเป็นแบบต้นฉบับไทยดีกว่าเป็นเมียแม่ง
"ถ้าหยางรุ่ยจะเล่นผัวเมียข้าขอไม่เป็นเมียนะ พวกเจ้าสองคนตกลงกันเองเลย"เป็นฉินหนิงที่พูดดักขึ้นมาก่อนเพราะในที่นี้ดูเหมือนตนจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว
"ได้ งั้นหยินเฟิงเป็นเมียข้า"
"ไอ่เจ้าบ้านี่" กูละอยากหลังแหวนใส่หน้าแม่งสักทีจริงๆ
"ทำไม หรือเจ้าจักผิดคำพูด ที่ว่ายอมเล่นทุกอย่างที่ข้าต้องการ?"
"เหอะ งั้นก็ตามใจเจ้า แล้วฉินหนิงเล่าจักเล่นเป็นอะไร?"ผมหันไปถามผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม อย่างน้อยอนาคตที่ผมกับนายขุนแผนนี่คงไม่ได้มาลงเอยด้วยกันแน่ๆ
"ข้าจะเป็นบาทหลวง ทำพิธีแต่งงานให้เจ้า2คน"
ห่า มีบาทหลวงซะด้วย
"ดีเลย หยินเฟิงแต่งงานกับข้านะ"
ไม่ว่าเปล่าไอ่เด็กนี่ก็ยื่นมือมาตรงหน้าผม คงหวังจะให้ผมจับมือมันเข้าพิธีวิวาห์ด้วย
แหมไอ่เด็กนี่ แก่แดดชิบหาย
แต่ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเล่นตามน้ำเด็กๆพวกนี้ต่อไป หยางรุ่ยที่รับบทเจ้าบ่าวจูงมือผมไปหาฉินหนิงที่เล่นเป็นบาทหลวง
รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ เอาเถอะ อนาคตเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว
ไม่มีทาง...
TBC.